บท
ตั้งค่า

ทายาทเศรษฐี

ตอนที่ 1

ทายาทเศรษฐี

ภายในบ้านเช่าซึ่งตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ มีเสียงหัวเราะดังเเว่วออกมา หญิงสาวและชายหนุ่มกำลังช่วยกันซักผ้าในกะละมังใบใหญ่ แต่ระหว่างนั้นวิศรุตนึกอยากแกล้งคนรักขึ้นมา จึงได้ป้ายฟองที่แขนของเธอ

วรกานต์พยายามจะวิ่งหนีแต่กลับถูกชายคนรักรั้งเอาไว้ เอากอดเอวเธอ รั้งลงบนตัก ลูบไล้เรียวขาทำให้หญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้

“อย่าสิพี่วิทย์ เดี๋ยวผ้าก็ซักไม่เสร็จหรอก”

หญิงสาวพยายามปราม เพราะยังมีผ้าอีกหลายผืนต้องซัก ถ้าหากวิศรุตยังแกล้งเธออยู่แบบนี้ กว่าจะซักผ้าเสร็จก็คงเย็นย่ำพอดี

“เหนื่อยไหม ไว้งานลงตัวมากกว่านี้พี่จะซื้อเครื่องซักผ้าให้”

เขาตกงานมานานนับเดือนเนื่องจากพิษเศรษฐกิจ หลังเรียนจบปริญญาตรีวิศรุตก็เดิน เตะฝุ่นหางานอยู่นานนับปี จนกระทั่งได้งานที่โรงงานแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ แต่ทว่าหลังจากนั้นโรงงานกลับปิดตัวลงเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว

วิศรุตต้องเดินออกหางานทำอีกครั้ง เขาได้ยื่นใบสมัครงานไปหลายที่และเพิ่งได้งานเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

“ไม่เป็นไรหรอกพี่วิทย์ เครื่องซักผ้าราคาตั้งหลายพัน เสียดายเงิน”

หญิงสาวปฏิเสธ ก่อนหน้านี้ที่วิศรุตยังทำงานโรงงาน เขาก็เจียดเงินมาซื้อโทรศัพท์มือถือให้เธอแล้ว นี่ยังคิดจะซื้ออะไรอีกหลายอย่าง หญิงสาวจึงต้องคอยปรามไม่อยากให้ชายหนุ่มใช้เงินเกินตัว กลัวว่าเขาจะไม่มีวินัยทางการเงิน

“พี่ไม่ได้อยากให้กานต์ลำบากแบบนี้”

“กานต์ไม่ลำบากเลย พี่ต่างหากที่ลำบากเพราะกานต์”

เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี กับข้าวที่เคยขายหมดทุกวันแต่ช่วงนี้เหลือเกือบครึ่งหม้อ วรกานต์ไม่ใช่คนมักง่ายจึงไม่เคยเอากับข้าวที่ขายเหลือมาอุ่นขายซ้ำ เธอเลือกที่จะใส่ถุงและแจกให้คนแถวบ้านแทน

คนแถวนี้ล้วนแต่หาเช้ากินค่ำด้วยกันทั้งสิ้น บางครอบครัวก็ยากจนจนต้องอาศัยข้าววัดกินแทบทุกมื้อ หญิงสาวเห็นว่ากับข้าวเหลือจึงได้ใส่ถุงเอาไปแจกจ่าย อย่างน้อยๆเธอก็ไม่ได้ทิ้งขว้างให้ไร้ประโยชน์

“อย่าคิดแบบนั้นเลย พี่ไม่อยากให้กานต์ลำบากจริงๆ”

เขากับวรกานต์คบกันตั้งแต่สมัยเรียน ด้วยความที่ฐานะทางบ้านไม่ดีทั้งคู่ จึงพยายามหาลู่ทางทำมาหากินมาโดยตลอด แม่ของเขาเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง เพราะทำงานหนักมาตั้งแต่ยังสาวจึงป่วยหนักและจากไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ส่วนครอบครัวของวรกานต์ เปิดร้านขายของชำเล็กๆอยู่ไม่ไกล ฐานะก็ไม่ได้ดีมากมีกำไรนิดๆหน่อยๆ พอกินพอใช้แต่ไม่พอเก็บ

“วันก่อนมีคนโทรมาหาพี่ แต่พี่ไม่ได้รับสายเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกๆ”

ช่วงนี้มิจฉาชีพระบาด ชายหนุ่มจึงไม่ไว้ใจเมื่อมีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา แต่เขาก็นึกสงสัยว่าทำไมเบอร์นั้นถึงได้โทรมาซ้ำๆราวกับมีเรื่องด่วนอยู่เรื่อย

“ลองรับดูก็ได้ อาจจะไม่ใช่มิจฉาชีพ”

หญิงสาวมองโลกในแง่ดี แค่รับสายมิจฉาชีพคงจะทำอะไรมากไม่ได้ถ้าเราไม่เผลอให้ข้อมูลหรือทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น วรกานต์ที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าให้วิศรุตลองรับสาย เผื่อคนที่โทรมาจะมีเรื่องด่วนจริงๆ

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ก่อนเดินเลี่ยงออกไปหลังบ้าน

“สวัสดีครับ”

เขากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ก่อนที่ปลายสายจะเอ่ยทักทาย แนะนำตัวว่าเป็นทนายจากตระกูลดัง ปลายสายไม่ทำให้ชายหนุ่มสงสัยนาน รีบบอกเหตุผลที่ติดต่อหาวิศรุต

“ผมเป็นทนายของคุณสราวุธครับ ผมอยากขอให้คุณมาพบ ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณครับ”

วิศรุตไม่ไว้ใจ แต่ก็รับฟังโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร คืนนั้นชายหนุ่มนอนไม่หลับนึกสงสัยว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนจากตระกูลดังได้ยังไง หากเขามีความเกี่ยวข้องกับคนที่นั่น ทำไมแม่ถึงไม่เคยบอกอะไรเขาเลย

วิศรุตนอนก่ายหน้าผากมองเพดานเก่าๆ จนถึงเช้าเขาก็ยังข่มตานอนไม่หลับ วิศรุตตัดสินใจเดินทางไปที่โรงแรม และที่นั่นเขาได้พบกับชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน อีกฝ่ายเป็นทนาย เขาปฏิบัติกับวิศรุตเป็นอย่างดี ให้เกียรติลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้านาย ต้อนรับขับสู้อีกฝ่าย พร้อมทั้งแนะนำให้พนักงานในโรงแรมรู้จักวิศรุตในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของ สราวุธผู้ก่อตั้งโรงแรมแห่งนี้

ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อหูเมื่อได้ยินเรื่องราวจากทนาย เขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของสราวุธเจ้าของโรงแรมหรู แม่ของเขาเคยเป็นแม่บ้านอยู่ในคฤหาสน์ของของโสภิตา ซึ่งเป็นย่าของเขาและเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องระหกระเหินไปใช้ชีวิตนอกคฤหาสน์แทนที่จะได้แต่งเป็นสะใภ้เชิดหน้าชูตาอยู่เคียงข้างพ่อของเขา

ในตอนนั้นคุณโสภิตารับไม่ได้ที่สราวุธแอบคบหากับคนงานภายในบ้าน จึงตัดสินใจจับลูกชายแต่งงานกับลูกสาวนักธุรกิจ แต่ทั้งสองไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อสราวุธเสียชีวิตมรดกทั้งหมดของเขาจึงตกเป็นของวิศรุตแต่เพียงผู้เดียว

ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริง ชีวิตของเขาต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจนมานานนับยี่สิบกว่าปี เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้ตัวเองเรียนจบปริญญาตรี โดยหวังว่าวุฒิการศึกษาจะเป็นใบเบิกทางและช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความยากลำบาก

หากรู้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเองเป็นลูกชาย มหาเศรษฐี เขาคงจะไม่ดิ้นรนให้เหนื่อยเปล่า ชายหนุ่มนึกโกรธเคืองผู้เป็นพ่อ ที่ตอนมีชีวิตอยู่กับไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาและแม่สักครั้ง ปล่อยให้แม่เขาต้องลำบากตรากตรำตั้งแต่ยังสาวๆจนร่างกายทรุดโทรมและจากไปก่อนวัยอันควร

“ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง”

ชายหนุ่มเอ่ยถามคนตรงหน้า แต่เมื่อได้อ่านเอกสารสิทธิ์ทุกอย่างแล้วเขาก็เชื่อสนิทใจ

“นี่คือรายการทรัพย์สินที่คุณสราวุธได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ถ้าผมหาคุณไม่เจอ รายการทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินและนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ”

เพราะไม่เคยติดต่อลูกเมียเลย สราวุธจึงไม่แน่ใจว่าลูกชายและอดีตคนรักของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงได้ทำพินัยกรรมแบบมีเงื่อนไขเอาไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel