บท
ตั้งค่า

จุดเริ่มต้น

อวี้ซื่อฝันร้ายอีกแล้ว ฝันว่ามีคนตัดนิ้วนางของนางออกไป นางฝันแบบนี้มาเจ็ดคืนแล้ว สำหรับเด็กน้อยวัยเก้าปีอย่างนางช่างไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยจริงๆ

วันลี่ชุน เดือนสอง เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ จวนเซียวหยางป๋อจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อเปิดตัวคุณหนูรองหยางอวี้หรัวบุตรสาวสายตรง อวี้ซื่อไม่ได้ไปร่วมงาน

เซียวหยางป๋อมีภรรยาและอนุรวมทั้งสิ้นหกนาง ภรรยาเอกคือสู่ชิงหร่วน ในปีนั้น ไม่น่าเชื่อว่าภรรยาทั้งหกของท่านป๋อจะพากันตั้งครรภ์อย่างพร้อมเพรียง

ทว่า หนึ่งในนั้นกลับเสียชีวิตลงหลังคลอด คุณหนูใหญ่ที่เกิดมาอาภัพอย่างหยางอวี้ฮวาถูกส่งไปอยู่อารามชีตั้งแต่เล็กเพราะคำทำนายที่ว่า นางเกิดมาพร้อมกับดวงพิฆาต

ในจวนจึงเหลือเพียงคุณหนูรองหยางอวี้หรัวบุตรสาวภรรยาเอก คุณหนูสามหยางอวี้จิ้นบุตรสาวจูอี๋เหนียง คุณหนูสี่หยางอวี้ซื่อบุตรสาวซุนอี๋เหนียง คุณหนูห้าหยางอวี้เจียวบุตรสาวจงอี๋เหนียง และคุณหนูหกหยางอวี้หลุนบุตรสาวหัวอี๋เหนียง

วันชุนเฟิงกลางฤดูใบไม้ผลิปีเดียวกัน ฮูหยินผู้เฒ่าพาลูกหลานไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดฉวนกว๋อ อวี้ซื่อไม่ได้ไปอีกเช่นกัน

“ซูหยุน ท่านย่าออกจากจวนไปหรือยัง”

“ออกไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ไป พวกเราไปกันเถิด”

วันนี้อวี้ซื่อมีนัดกับเถ้าแก่ร้านขายตำรา นางสั่งตำราเล่มหนึ่งเอาไว้ ตำราเล่มนี้เป็นของสะสมเล่มสุดท้ายแล้ว นางรอมาเป็นปี หากไม่ได้มาคงเสียใจแย่ เรื่องนี้ย่อมสำคัญกับนางมากกว่าต้องไปนั่งทรมานตัวเองเป็นวันๆ เพื่อประจบแจงเอาใจท่านย่าเป็นไหนๆ

ร้านปี้สุ่ย คือร้านตำราใหญ่ที่สุดในเมืองฉางอัน อดีตเจ้าของร้านเคยเป็นบัณฑิต อวี้ซื่อเริ่มมาซื้อตำราที่นี่ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ค่อนข้างจะสนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี

ครั้นเห็นนางเดินเข้ามา ใบหน้าชราของเถ้าแก่พลันเผยรอยยิ้มเอ็นดู อวี้ซื่อส่งยิ้มกว้างให้เขา พลางสาวเท้าเดินเข้าไปหาที่โต๊ะ “ท่านปู่ซวน สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ข้าผู้ชราสบายดี แม่หนูน้อยเล่า สบายดีหรือไม่”

“อวี้ซื่อสบายดีเจ้าเช่นกันเจ้าค่ะ” อวี้ซื่อตอบด้วยรอยยิ้ม สองข้างแก้มปรากฏรอยบุ๋มชวนมอง

ซวนจิ่งเซิ่งโน้มตัวลงไปหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ส่งให้นาง “นี่กวีหนานจิงที่เจ้าต้องการ”

อวี้ซื่อรับมากอดไว้แนบอกราวกับสมบัติล้ำค่า ขณะกำลังรอให้ซูหยุนนำก้อนเงินออกมาจ่าย เผอิญว่าลูกค้าที่เข้ามาก่อนหน้านี้ ถือตำราสามเล่มเดินเข้ามาพอดี เบื้องหลังของเขายังตามมาด้วยเด็กชายวัยราวสิบเอ็ดสิบสองอีกคน

อวี้ซื่อไม่ได้ความสนใจพวกเขาเท่าไหร่นัก คิดว่าเป็นลูกค้าธรรมดา กระทั่งได้ยินเถ้าแก่หันไปถามชายผู้นั้นอย่างนอบน้อม ถึงได้หันไปมอง

อันหย่งโหวคลี่ยิ้มบาง หลังจากวางตำราลงบนโต๊ะแล้ว ก็หันมามองดรุณีน้อยด้านข้างด้วยความสนใจใคร่รู้ เมื่อครู่ ตอนกำลังเลือกหนังสือ เขาพอจะได้ยินบทสนทนาอยู่บ้าง ไม่นึกว่าผู้ที่อ่านกวีหนานจิง จะเป็นเพียงดรุณีน้อยเยาว์วัยนางหนึ่ง จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามให้แน่ใจ “แม่หนูน้อย กวีนั่นเจ้าอ่านเองหรือ?”

“เจ้าค่ะ” อวี้ซื่อตอบไปตามมารยาท รู้สึกประหลาดใจที่ถูกถาม เพราะไม่คิดว่าเรื่องที่ตนชอบอ่านตำราจะเป็นเรื่องแปลก

ทว่า หลังจากที่ได้ยินคำตอบของนางแล้ว อันหย่งโหวกลับหันไปตำหนิบุตรชาย “เจ้าดูไว้ นางเป็นเด็กหญิงแท้ๆ อายุน้อยแค่นี้ ยังรู้จักสนใจอ่านตำรับตำรา ส่วนเจ้าโตจนป่านนี้แล้ว กระทั่งตำราหลุนอวี่ยังไม่รู้จัก ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก!”

คุณชายน้อยผู้นั้นหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที พอบิดาหันกลับไป ก็หันมาถลึงตาใส่อวี้ซื่อ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ไฉนท่านพ่อถึงได้เชื่อนางเล่าขอรับ เด็กนี่อ่านหนังสือออกจริงหรือไม่ พวกเรายังไม่รู้เลย!”

อันหย่งโหวได้ยินพลันโกรธจนหนวดกระดิก ตั้งท่าจะหันกลับไปเขกกะโหลกเจ้าลูกชายตัวดี

มาถึงตอนนี้อวี้ซื่อกระจ่างแจ้งแล้ว ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ถามนาง ที่แท้ ก็เอานางไปเปรียบเทียบกับบุตรชาย อวี้ซื่อมิได้รู้สึกภูมิใจเลยจริงๆ ดูเถิด คุณชายน้อยผู้นั้นคงอยากจะฉีกเนื้อนางเป็นชิ้นๆ แล้วกระมัง

อยู่นานไม่ได้แล้ว อวี้ซื่อคิด รีบหันไปกล่าวลาคนทั้งสาม จากนั้นหมุนตัวเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดิน ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

เว่ยกงเยว่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับดรุณีน้อยนางหนึ่ง ไหนเลยจะพอใจ หลังจากที่รู้ว่านางคือคุณหนูสี่แห่งจวนเซียวหยางป๋อ ได้หมายหัวนางเอาไว้ในใจแล้ว

หยางอวี้ซื่อนับว่าสร้างศัตรูไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

สี่ปีผ่านไป หลังจากที่อวี้ซื่ออายุได้สิบสาม ไม่รู้ว่าหมอดูที่ฮูหยินผู้เฒ่าเคารพนับถือ เกิดคลุ้มคลั่งอันใดขึ้นมา ถึงได้มานั่งคุกเข่าโขกศีรษะอยู่หน้าจวน สารภาพผิดว่าตนเองใส่ร้ายคุณหนูใหญ่หยางอวี้ฮวา แท้จริงแล้ว นางมิได้มีดวงพิฆาตแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ เซียวหยางป๋อจึงจับตัวเขาส่งทางการโทษฐานหลอกลวง ทั้งยังเป็นผู้ไปรับบุตรสาวคนโตกลับจวนด้วยตนเอง

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ในห้องโถงใหญ่จวนเซียวหยางป๋อ ครอบครัวตระกูลหยางล้วนมาอยู่กันพร้อมหน้า ทุกสายตาจับจ้องไปยังดรุณีน้อยที่กำลังเยื้องย่างตามหลังท่านป๋อเข้ามา

หยางอวี้เซิ่งหยุดยืนกลางห้องด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม รอให้บุตรสาวก้าวตามมาหยุดยืนด้านข้าง ค่อยกล่าวแนะนำคนในครอบครัว

อวี้ฮวายอบกายทำความเคารพ ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มบาง กิริยามารยาทเรียบร้อยสง่างาม ชุดฮั่นฝูสีขาวที่นางสวมใส่ ส่งให้ทั้งร่างแลดูบริสุทธิ์เหนือสามัญ ใบหน้าที่เกือบจะเรียกได้ว่างามล่มเมือง ทำให้หลายคนเก็บอาการริษยาเอาไว้ไม่อยู่ บางคนถึงกับบิดผ้าเช็ดหน้าในมือจนแทบจะขาด โดยเฉพาะฮูหยินเอกอย่างสู่ชิงหร่วน

ในอดีต ลู่อี๋เหนียงคืออนุที่ครอบครองดวงใจของเซียวหยางป๋อไว้ทั้งดวง สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ภรรยาเอกอย่างนางไม่น้อย สู่ชิงหร่วนจะไม่เคียดแค้นชิงชังพวกนางสองแม่ลูกได้อย่างไร แต่ต่อให้เกลียดชังเพียงใด ยามนี้ ก็ได้แต่นั่งยิ้มปั้นหน้าเป็นมารดาผู้แสนดี

ฮูหยินผู้เฒ่ากวักมือเรียกให้หลานสาวเข้ามาหา พลางตบลงที่ว่างข้างกายบนตั่งด้านขวาให้นางนั่ง อวี้ฮวาก้าวเข้ามาได้สามก้าว ก็คุกเข่าคำนับ จากนั้นลุกขึ้นไปนั่งข้างกายท่านย่าตามสั่ง ส่วนที่นั่งทางด้านซ้ายมือ ยังคงมีหยางอวี้หรัวนั่งประจำ

ฮูหยินผู้เฒ่าดึงมือหลานสาวคนโตมากุมไว้ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “กลับมาก็ดีแล้ว เป็นย่าผิดเองที่ไปหลงเชื่อคนชั่วช้านั่น สร้างความลำบากให้เจ้าแล้วจริงๆ”

อวี้ฮวาส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มนอบน้อม “ล้วนเป็นชะตาของหลานเองเจ้าค่ะ ท่านย่าอย่าได้คิดมาก”

“ฮวาเอ๋อพูดถูก ท่านแม่อย่าได้คิดมากเลยเจ้าค่ะ จะอย่างไร ฮวาเอ๋อก็กลับมาแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า มิใช่ว่าควรมีความสุขหรือเจ้าคะ” หยางฮูหยินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มมีเมตตา ทั้งที่ในใจอยากจะฉีกเนื้อเด็กสาวตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ

เซียวหยางป๋อสาวเท้าเข้ามาลงนั่งเก้าอี้ด้านข้าง มองบุตรสาวคนโตด้วยความปลื้มปีติ ยามนี้ แทบไม่มีช่องว่างให้อี๋เหนียงทั้งหลายได้สอดปาก

อวี้ซื่อนั่งก้มหน้าอยู่ในที่ของตนอย่างสงบเสงี่ยม ครั้นรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา จึงช้อนตาขึ้นมอง เผอิญสบเข้ากับดวงตาของอวี้ฮวาพอดี นางส่งยิ้มให้โดยไม่คิดอันใด อีกฝ่ายมีสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังคงส่งยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะเบนสายตาไปมองพี่น้องคนอื่น

ชั่วขณะหนึ่ง อวี้ซื่อพลันบังเกิดสังหรณ์ประหลาด คล้ายว่าชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องพัวพันกับหยางอวี้ฮวาไม่จบไม่สิ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel