หม่าอวิ๋นเซียง บุปผาตรึงใจ

249.0K · จบแล้ว
ถานเซียง
104
บท
77.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ดวงชะตาที่ต้องเกิดมาเป็นตัวกาลกิณีของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียงไม่เคยต้องการมัน ทว่าสวรรค์กลับใจร้ายปล่อยให้นางแบกรับความไม่เป็นธรรมนี้ไว้ ทุกคนล้วนตราหน้าว่านางไม่สมควรเกิดมา แต่ในเมื่อเกิดมาแล้วต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือ แน่นอนว่านางไม่ยินยอม เพราะคำทำนายที่มีมาช้านานของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียง กลายเป็นตัวกาลกิณีที่ผู้คนในจวนต่างรังเกียจ นางถูกเลี้ยงดูมาโดยสาวใช้ผู้หนึ่ง ทว่าวันหนึ่งพวกเขากลับให้ความสนใจในตัวนางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าความรักและความปรานีที่คนสกุลหม่าแสดงออกมานั้นจริงใจเพียงใด นางเพียงต้องการอย่างใช้ชีวิตที่เหลือเงียบๆ เหตุใดพวกเขาจึงไม่ยอมเข้าใจ *** “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้หากปักเสร็จแล้วมอบให้ข้าได้หรือไม่” จ้าวจื่อเทียนถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “คงให้ไม่ได้หรอก” นางปฏิเสธเสียงเรียบ แอบซ่อนรอยยิ้มกริ่มไว้ในใจ “ทำไมถึงไม่ได้” เขามองนางอย่างไม่เข้าใจ “ก็ผืนนี้มีเจ้าของแล้ว” นางยังคงตอบอย่างยียวน “เป็นใคร” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน รู้สึกอึดอัดใจเหมือนจะหายใจไม่ออก มิหนำซ้ำหัวใจยังปวดแปลบอีกต่างหาก หม่าอวิ๋นเซียงยิ้มขำอย่างอดไม่ได้ยามเห็นสีหน้ามืดครึ้มราวกับจะสังหารคนได้ของชายหนุ่ม “พี่จื่อเทียน ท่านไม่ต้องรีบร้อนกินน้ำส้มไป ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ข้าปักให้อาเหมยเป็นของขวัญวันเกิดนาง” สีหน้าของจ้าวจื่อเทียนสดใสขึ้นโดยพลัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี เหตุใดเสี่ยวเซียงเซียงของเขาต้องปักผ้าเช็ดหน้าให้ผู้อื่นด้วยเล่า แล้วไหนจะของที่นางทำขายอีก “ข้าแค่ถามเฉยๆ ว่าเป็นผู้ใด ไม่ได้กินน้ำส้มเสียหน่อย” ครั้นได้ฟังคำแก้ตัวของอีกฝ่ายนางก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ หม่าอวิ๋นเซียงมองเขาอย่างล้อเลียนพลางเอ่ย “ใช่ๆ ท่านไม่ได้กินน้ำส้ม เป็นข้าปากมากไปเอง” จ้าวจื่อเทียนแค่นเสียงฮึขึ้นจมูก มองคาดโทษนาง รอก่อนเถิด ถึงเวลานั้นเขาจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้ไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย

นิยายจีนโบราณนิยายรักโรแมนติกนิยายรักท่านอ๋องพระเอกเก่งรักแรกพบจีนโบราณ

บทนำ

สายลมกระโชกที่มาพร้อมกับสายฝนกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วทั้งเมือง บ้านเรือนทุกหลังต่างปิดประตูเงียบเชียบเพราะพายุฝนที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้ ทว่าภายในเรือนหลังหนึ่งของจวนสกุลหม่ากลับมิอาจปิดเรือนแล้วอยู่เงียบๆ ได้ ภายในเรือนเกิดความโกลาหลเมื่อหม่าฮูหยินเกิดเจ็บท้องคลอดกะทันหัน จากกำหนดเดิมที่หมอบอกว่าอีกสิบห้าวันข้างหน้า แต่นางกลับคลอดก่อนกำหนด ลมพายุพัดพาทุกอย่างให้ล้มระเนระนาด เสียงกรีดร้องของหม่าฮูหยินดังแข่งกับเสียงฟ้าร้อง หมอตำแยช่วยกันเต็มที่เพื่อให้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

หม่าจิ้งซิ่นเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องคลอดด้วยความกระวนกระวายใจ ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังอยู่ร่วมชั่วยามแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าทารกน้อยจะคลอดออกมาเสียที เขาร่ำร่ำจะเข้าไปด้านในแต่ถูกมารดาเข้ามาปรามไว้เสียก่อน นี่เป็นทายาทคนแรกของตระกูลทุกคนจึงมารวมกันที่นี่ ผู้คนในจวนต่างรอคอยทายาทคนนี้อย่างใจจดใจจ่อ เขาแต่งภรรยามาได้สี่ปีแล้วทว่านางก็ไม่ตั้งครรภ์เสียที มารดาบอกให้เขารับอนุ แต่ด้วยไม่อยากให้นางต้องเสียใจจึงบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา

แต่ไหนแต่ไรบุรุษตระกูลหม่าก็ขึ้นชื่อเรื่องการมีบุตรน้อยอยู่แล้ว อย่างท่านพ่อก็มีเพียงเขาและมีน้องชายอีกคนที่เกิดจากอี๋เหนียงสาม สำหรับอนุคนอื่นๆ ของบิดาล้วนไม่มีผู้ใดตั้งครรภ์เลยสักนาง ไม่ใช่แค่ท่านพ่อเท่านั้นท่านปู่ก็เช่นกันมีบุตรเพียงพ่อของเขา บิดาเขาเป็นถึงเจ้ากรมอาญา ตัวเขานั้นเป็นรองเจ้ากรมคลัง ส่วนน้องชายก็กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการราชองครักษ์หลวงในอีกไม่ช้านี้ แม้จะไม่ได้เป็นตระกูลที่โดดเด่นและมีอำนาจมากมายเท่าใดในราชสำนัก แต่ตระกูลหม่าก็มิได้อ่อนด้อยจนให้ผู้ใดมารังแกได้ง่ายๆ พวกเขามีรากฐานฝังลึกอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้มาช้านาน บรรพบุรุษทุกรุ่นในตระกูลต่างทำงานในราชสำนักกันทั้งสิ้น เส้นสนกลสายน้อยใหญ่ต่างมีไม่น้อย

เสียงกรีดร้องของคนในห้องคลอดยังดังมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง ฮูหยินผู้เฒ่ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหลานคนแรกของตระกูลจะต้องเป็นชาย นางรู้ว่าบุตรชายของตนนั้นมีบุตรยากเพราะเคยได้รับบาดเจ็บตอนเยาว์วัย แต่หากได้ภรรยาที่ร่างกายแข็งแรงและเหมาะแก่การให้กำเนิดบุตร ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ นางจึงสรรหายาบำรุงมากมายมาให้เขาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลสักเท่าใด กว่าลูกสะใภ้จะตั้งครรภ์ก็ปาเข้าปีที่สี่ไปแล้ว ด้วยร่างกายที่อ่อนแอบอบบางของจางจิ่วเม่ย และจากการตรวจพบว่าร่างกายของสะใภ้ผู้นี้ไม่เหมาะแก่การตั้งครรภ์ พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมีทายาทให้สกุลหม่านางก็ดูแลประคบประหงมลูกสะใภ้เป็นอย่างดี ไม่นำเรื่องรับอนุมาทำให้ต้องขุ่นเคืองใจอีก

สำหรับตระกูลอื่นๆ การที่หลานคนแรกไม่ใช่หลานชายล้วนมิได้เป็นเรื่องใหญ่โตอันใด แต่กับตระกูลหม่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของคนตระกูลนี้เลยก็ว่าได้ สกุลหม่าหลายชั่วอายุคนต่างให้ความสำคัญกับทายาทผู้สืบทอดด้วยกันทั้งสิ้น เพราะคำทำนายที่มีมาตั้งแต่ตระกูลเริ่มก่อร่างสร้างตัว ผู้นำของตระกูลในแต่ละรุ่นต่างเชื่อถือเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากเมื่อใดที่ทายาทคนแรกเป็นหญิงและดวงชะตาตกฟากที่ดาวหายนะ จะกลายเป็นลางร้ายของตระกูล คำทำนายนี้ถูกบอกต่ออย่างลับๆ แก่ผู้สืบทอดของตระกูลเท่านั้น ตลอดสี่รุ่นที่ผ่านมาบุตรคนแรกของพวกเขาล้วนเป็นชาย

หม่าจิ้งซิ่นเป็นรุ่นที่ห้าของตระกูล เรื่องคำทำนายเขาก็รู้มาจากบิดา จะเรียกว่าคำทำนายก็มิใช่เสียทีเดียว เรียกว่าคำสาปแช่งจึงจะถูกกว่า เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดรู้สาเหตุที่แน่ชัด รู้เพียงว่าผู้ก่อตั้งตระกูลหม่าถูกคนผู้หนึ่งสาปแช่ง คำสาปแช่งกล่าวว่า ตระกูลหม่าจะไม่สามารถมีลูกหลานเป็นสตรีได้ แต่หากวันใดที่เด็กคนนั้นกำเนิดขึ้นมา และเป็นบุตรคนแรกของทายาทรุ่นนั้นด้วยแล้ว ตระกูลหม่าต้องพบเจอกับการสูญเสียครั้งใหญ่จนถึงขั้นล่มจม แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องเหล่านั้นทว่าผู้นำทุกรุ่นต่างก็ไม่เคยมีบุตรีเลย

“ซิ่นเอ๋อร์ ใจเย็นก่อนเถิด พวกเขาจะต้องปลอดภัย” ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าไปจับมือบุตรชายไว้ยามเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเขา นางบีบกระชับมือหนาเบาๆ

“ขอรับ ท่านแม่” หม่าจิ้งซิ่นรับคำแผ่วเบา เขากังวลใจยิ่งนัก กลัวว่าภรรยาจะเป็นอะไรไปเพราะนางอยู่ในห้องนั้นนานเกินไปแล้ว แต่ที่กลัวมากกว่าคือเด็กที่คลอดออกมาจะไม่ใช่บุรุษ ถึงแม้จะรักภรรยาผู้นี้เพียงใดแต่ตระกูลหม่ายังต้องมีทายาทสืบสกุล หากได้บุตรชายบิดามารดาของเขาต้องเอ็นดูนางมากขึ้นและคงไม่คิดหาอนุให้เขาอีกแน่นอน เดิมทีท่านแม่ไม่ต้องการให้เขาแต่งกับจางจิ่วเม่ย นางคัดเลือกญาติผู้น้องไว้ให้ตน เขามีปากเสียงกับมารดาอยู่นานโขกว่านางจะยอมรับเม่ยเอ๋อร์ ถึงแม้จะยอมรับเป็นสะใภ้แต่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดีที่เม่ยเอ๋อร์ไม่ตั้งครรภ์เสียที ท่านแม่เกือบจะให้เขาแต่งญาติผู้น้องเข้าจวนอยู่แล้วเชียว แต่โชคดีที่นางท้องเสียก่อนท่านแม่จึงเงียบไปไม่คะยั้นคะยอให้เขารับอนุอีก

สายลมสายฝนยังคงโหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องและแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าที่เกิดจากฟ้าแลบสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนเหลือแสน อึดใจต่อมาภายในห้องคลอดพลันมีเสียงแผดร้องลั่นของทารก ทว่าเพียงชั่วลมหายใจอสนีบาตก็ฟาดลงมาดังสนั่นอยู่ไม่ไกลจากจวนสกุลหม่า สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ทุกคนไม่น้อย เสียงกัมปนาทนั้นส่งผลให้ทุกชีวิตในจวนขวัญกระเจิง รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ของตัวเรือน บรรดาบ่าวไพร่ต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ

“ท่านแม่ เป็นอันใดหรือไม่ขอรับ” หม่าจิ้งซิ่นประคองมารดาไว้แล้วพาไปนั่ง

“แม่ไม่เป็นไร แค่ตกใจเท่านั้น” หลี่หลิงฟางลูบอกตัวเองเบาๆ คล้ายกับกำลังปลอบขวัญ “เมื่อครู่ใช่มีเสียงทารกร้องหรือไม่”

เมื่อได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็หันมองไปยังประตูห้องคลอดทันควัน ใช่แล้ว เมื่อครู่ก่อนที่ฟ้าจะผ่าลงมาเขาได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกดังมาจากในห้อง เช่นนั้นแสดงว่าบุตรของเขาคลอดออกมาแล้วใช่หรือไม่ แต่เหตุใดเสียงจึงเงียบไปเร็วนักเล่า ด้วยความร้อนใจจึงสืบเท้าไปหน้าประตู แต่ยังไปไม่ถึงหมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพอดี

“ยินดีด้วยเจ้าค่ะใต้เท้า ฮูหยินคลอดบุตรสาวสุขภาพแข็งแรงให้ท่านเจ้าค่ะ”

สิ้นคำกล่าวของหมอตำแย ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มของหม่าจิ้งซิ่นพลันแข็งค้าง

บุตรสาวเช่นนั้นรึ? ผู้ใดอยากได้กัน...

คำทำนายของตระกูลลอยเข้ามาในความคิดของหม่าจิ้งซิ่นทันที สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงบุตรชายที่สามารถสืบสกุลได้เท่านั้น ตระกูลหม่าหลายชั่วอายุคนจะมาสิ้นสุดลงเพราะตนมิได้ เขาต้องมีบุตรชายให้ได้ก่อนน้องชาย หาไม่แล้วทุกอย่างคงจะตกเป็นของอีกฝ่าย ทว่าก่อนที่จะได้เอ่ยสิ่งใดออกไป หน้าเรือนพลันปรากฏร่างเปียกปอนของพ่อบ้านที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“แย่แล้วขอรับคุณชายใหญ่” พ่อบ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงลนลาน สีหน้าแตกตื่น

“มีเรื่องอันใด” เขาถามอย่างกราดเกรี้ยว

“นะ นายท่าน... นายท่านกับคุณชายรองตายแล้วขอรับ”

สิ้นคำของพ่อบ้านเหมือนหัวของหม่าจิ้งซิ่นถูกทุบไปเป็นรอบที่สอง ร่างซวนเซไปเล็กน้อย “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ ใครตาย!”

“นะ นายท่านผู้เฒ่าและคุณชายรองขอรับ ถูกฟ้าผ่าตายอยู่หน้าจวน”

ขาดคำใบหน้าของพ่อบ้านก็หันไปตามแรงตบของฮูหยินผู้เฒ่า นางชี้หน้าเขา โกรธจนร่างสั่นเทา “อย่ามาพูดจาส่งเดชที่นี่ ท่านพี่กับซ่งเอ๋อร์อยู่ที่วังหลวง จะมาอยู่หน้าจวนได้อย่างไร”

พ่อบ้านโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง ปากก็พร่ำขอความเมตตาจากนายหญิงของจวน ทว่าเพียงไม่นานศพของนายท่านผู้เฒ่าและคุณชายรองก็ถูกยกเข้ามา ผิวหนัง ใบหน้าและอาภรณ์ของพวกเขามีรอยไหม้ ร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง

“ไม่! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง พวกเจ้าโกหกข้า” ฮูหยินผู้เฒ่ากรีดร้องเสียสติ นางชี้หน้าด่ากราดบ่าวชายที่ยกศพคนทั้งคู่เข้ามา “ท่านพี่มีงานที่วังหลวงไม่มีทางที่จะกลับจวนในเพลานี้ นี่ไม่ใช่เขา นี่ไม่ใช่!”

บ่าวรับใช้ที่ไปส่งข่าวยังวังหลวงคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดระงับอารมณ์ คุณชายใหญ่ให้บ่าวไปแจ้งนายท่านว่าฮูหยินน้อยกำลังจะคลอดบุตร นายท่านจึงเร่งทำงานให้เสร็จแล้วฝ่าสายฝนกลับจวน เพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกขอรับ”

“บ่าวชั่ว แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลย คนที่ตายสมควรเป็นเจ้า เจ้าไปแจ้งข่าวทำไม” บัดนี้หลี่หลิงฟางขาดสติไปแล้ว นางเสียใจจนพาลโทษบ่าวรับใช้

บ่าวผู้นั้นโขกศีรษะกับพื้นเย็นเยียบไม่หยุด ปากก็อ้อนวอนขอความเมตตา “บ่าวผิดไปแล้วที่ไม่ได้ห้ามปรามนายท่าน บ่าวผิดไปแล้วที่ไปแจ้งข่าว... ตะ แต่นายท่านใช้บ่าวไปทำธุระให้ บ่าวจึงกลับมาถึงจวนหลังนายท่านและคุณชายรอง ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดเมตตา”

“เอามันไปโบยให้ตาย ลากมันออกไป” หลี่หลิงฟางไม่ฟังสิ่งใดอีกต่อไป หากบ่าวผู้นี้ไม่ไปแจ้งข่าวสามีของนางก็คงไม่กลับจวนในยามนี้ โดยที่ลืมสิ้นว่าผู้ที่ออกคำสั่งนั้นคือบุตรชายของนางเอง

“คุณชายใหญ่ช่วยข้าด้วย ไม่ใช่ความผิดข้า อย่าลงโทษข้า” เขาถลาไปหาหม่าจิ้งซิ่นหวังจะให้อีกฝ่ายช่วยเหลือตน แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่าเมื่อคุณชายใหญ่เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว

บ่าวรับใช้ผู้นั้นถูกลากออกไปจากห้องพร้อมเสียงร้องโหยหวนที่ดังแข่งกับสายฝน

แน่นอนว่าคนที่ตายจากฟ้าผ่าครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงนายท่านผู้เฒ่าและคุณชายรอง ยังมีบ่าวรับใช้อีกคนที่เสียชีวิต บ่าวชายที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูจวนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส