บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8

ใต้เท้าชางนั่งมองอาหารอยู่ที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ในห้องโถง จีเหนียงตักข้าววนรอบโต๊ะด้วยรอยยิ้ม ยี่หลัวนั่งอยู่ข้างใต้เท้าชางเหล่มองลี่ซื่อหมิงนั่งลงข้างฮวาเจินที่ขยับออกห่างเล็กน้อย ฝางแฟหยินรินชาให้ทั้งโต๊ะก่อนเหลือบมองเปยลี่ติงเดินเข้ามาตาลุกวาว

“ว้าว ไม่คิดจะตามข้าเลยใช่ไหม น้อยใจแย่ คารวะท่านลุง”

“ขาดเจ้าจะกลายเป็นการฉลองได้อย่างไรเล่า” ใต้เท้าชางฉีกยิ้มมองหลานชายคนโตประหนึ่งทำลายความอึดอัดที่อยู่บนโต๊ะอาหาร เปยลี่ติงนั่งลงข้างฝางแฟหยินด้วยรอยยิ้มก่อนเหลือบมองยี่หลัวที่นั่งกอดอกจ้องตน

“จ้องแม่ทัพผู้สง่าในสามโลกเช่นนี้ เจ้าคิดจะปั่นป่วนอะไรในกองทัพข้าอีก”

“ของฝากข้าจากแคว้นฉีเล่า”

“อยากได้รึ เจ้าจงไปแต่งกายให้สมกับการเป็นบุตรีใต้เท้าชางก่อนสิ ข้าจะมอบให้” เปยลี่ติงยิ้มยียวนส่งหายี่หลัวที่แบะปาก

“ไม่เอาก็ได้ ขอให้ท่านพี่โดนฮูหยินเปยเคืองไปจนแก่เลย”

“ลำพังเจ้าไม่พูด ข้าก็โดนจนผิดไปหมดแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่นางจะเห็นใจข้า” เปยลี่ติงตอบกลับแต่สายตาเหล่มองฝางแฟหยินที่รินชาใส่จอกยื่นให้ด้วยสีหน้าเย็นชา ยี่หลัวฉีกยิ้มชอบใจก่อนหุบลงเมื่อหันมาเจอลี่ซื่อหมิงคีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวด้วยความนิ่งเฉยเช่นเดียวกับฮวาเจินที่คีบตะเกียบมาที่จานผัก ลี่ซื่อหมิงยื่นมือคีบผักก้านเดียวกับฮวาเจินจนใต้เท้าชางหรี่ตามองฮวาเจินชักมือกลับหันไปคีบฟักในน้ำซุป ลี่ซื่อหมิงหันไปคีบอันเดียวกับนางอีกครั้ง

“กินเข้าไปเยอะๆ เจ้าคงไม่เคยกินอาหารรสเลิศของลั่วหยาง” ใต้เท้าชางคีบตะเกียบปัดตะเกียบลี่ซื่อหมิงที่กำลังคีบฟักแย่งมาใส่ถ้วยของฮวาเจินด้วยรอยยิ้ม ลี่ซื่อหมิงหันไปคีบเนื้อมาใส่ถ้วยตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ

“เจ้าค่ะ” เมื่อฮวาเจินเริ่มกล่าว ลี่ซื่อหมิงก็เสริมต่อทันที

“อาหารลั่วหยางจะไปรสดีเท่าอาหารจากปราสาทโชกุนได้อย่างไร”

ฮวาเจินหยุดชะงักวางตะเกียบลงชำเลืองมองใต้เท้าชางช้าๆ โดยไม่สนใจคำพูดของคนข้างๆ ยี่หลัวขยับตัวจะพุ่งใส่ลี่ซื่อหมิงอย่างไม่พอใจแต่จีเหนียงรั้งห้ามไว้

“ขอบพระคุณอาหารรสเลิศจากลั่วหยาง หากมีโอกาสให้ข้าน้อยลงมือทำอาหารที่ขึ้นชื่อจากยามะให้ทานนะเจ้าค่ะ” ฮวาเจินหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม

“รอยยิ้มของเจ้าช่างมีเสน่ห์น่าหลงใหล เหตุใดจึงเก็บไว้เพียงผู้เดียว” ใต้เท้าชางฉีกยิ้มมองหน้าฮวาเจินที่เบือนหน้าลง

“เก็บไว้มอบให้ท่านโชกุนของเจ้าสินะ” ลี่ซื่อหมิงเอียงหน้ามองฮวาเจินแล้วเหยียดยิ้ม ฮวาเจินสูดลมหายใจเงยหน้ามองใต้เท้าชางกับจีเหนียงช้าๆ

“ข้าน้อยเสียมารยาท ข้าน้อยอิ่มแล้ว ข้าน้อยขอตัวเจ้าค่ะ” ฮวาเจินวางตะเกียบลงบนถ้วยอย่างเรียบร้อยก่อนก้มหัวให้ทุกคนยกเว้นคนนั่งข้างที่เอื้อมมือจับแขนตนเองดึงลงมานั่งที่เดิมอย่างแรงจนโต๊ะขยับ เปยลี่ติงขมวดคิ้วมองน้องชายกับน้องสะใภ้อย่างหาตัวช่วย

“ข้าไม่สั่งให้เจ้าไป เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไป” เสียงเข้มดุดันเอ่ยขึ้นพร้อมสายตาเฉียบขาด

“ชิมของหวานก่อนแล้วค่อยไป” ใต้เท้าชางขัดขึ้นทำให้ลี่ซื่อหมิงปล่อยมือออกมองของหวานที่สาวใช้ยกมาตั้งไว้ตรงหน้าทุกคน ฮวาเจินนั่งก้มหน้ามองของหวานช้าๆ อย่างอึดอัดใจ เปยลี่ติงมองหน้ายี่หลัวที่เลิกคิ้วส่งสัญญาณบางอย่าง

“ข้าน่าจะชวนจวิ้นอ๋องอี๋มาด้วย เห็นทรงตรัสว่าอยากเสวยอาหารจากยามะ” คำพูดของเปยลี่ติงทำให้ลี่ซื่อหมิงเอียงหน้ามองผู้เป็นพี่ทันทีด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“นั่นสิ จวิ้นอ๋องชอบทุกอย่างที่มาจากยามะ เห็นทีคงสนทนากับเจ้าถูกคอมากกว่าคนที่อยู่ข้างกายเจ้านะฮูหยินลี่” ใต้เท้าชางเอามือลูบคางหรี่ตามองกล่าวสมทบ ลี่ซื่อหมิงสะบัดหน้ากลับมามองฮวาเจินที่เงยหน้ามองใต้เท้าชางด้วยรอยยิ้มก่อนหุบลงเมื่อสบตาคนข้างกาย

“อิ่มแล้วไม่ใช่รึ ก็เข้าห้องไปสิ” ลี่ซื่อหมิงตัดบทกดสายตาจ้องฮวาเจินที่สูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วลุกขึ้นคำนับให้ใต้เท้าชางกับจีเหนียงก่อนหมุนตัวเดินออกไป ลี่ซื่อหมิงเหยียดยิ้มมองตามพร้อมวางตะเกียบลงกระแทกโต๊ะลุกขึ้นเดินตามออกไป

“ซื่อหมิง! ” เปยลี่ติงตะโกนเรียกทันทีก่อนถอนหายใจพิงเก้าอี้ “ข้าพยายามเต็มที่แล้ว”

“คนที่เจ็บปวดไม่ใช่แค่ซื่อหมิง ควรทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ” ฝางแฟหยินวางตะเกียบลงมองตามอย่างเหนื่อยใจ

“ไม่มีผู้ใดทำอันใดได้ ขนาดข้ายังห้ามไม่อยู่ เห็นทีจะมีเพียงผู้เดียวที่จัดการได้” ใต้เท้าชางกระดกชาในจอกเข้าปาก

“แต่ท่านอ๋องอยู่มองโกล กว่าจะกลับมา พี่สะใภ้ข้าเหี่ยวเฉากันพอดี” ยี่หลัวนั่งกอดอกไม่สบอารมณ์

“เพียงระยะแรกแค่นั้น อ๋องสี่กลับมาถึงเมื่อไหร่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ภาวนาให้สาส์นถึงมือไวๆ แล้วกัน” ใต้เท้าชางยิ้มกริ่มยกจอกชูขึ้นฉลองกับเปยลี่ติง ยี่หลัวมองดูอย่างหงุดหงิดใจลุกขึ้นไปห้องส่วนตัวของตน

ปึก!

ลี่ซื่อหมิงปิดประตูกระแทกอย่างแรงลงกลอนด้วยความตั้งใจก่อนหันมาจ้องเขม็งฮวาเจินที่สะดุ้งหมุนตัวกลับมามองหน้าชายหนุ่มที่เข้าห้องตามหลังตนเองอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง นางรีบก้มหน้าหลับตายืนนิ่งให้ชายหนุ่มเดินผ่านตัวไปแต่โดยง่าย

หมับ!

ยังไม่ทันหายใจโล่งท้องมือหนาๆ บีบเข้าที่แขนซ้ายของฮวาเจินอย่างแรงจนต้องหลับตาแน่นปิดปากสนิทไม่มีมีแต่เสียงร้องใดๆ เล็ดลอดออกมาแม้จะเจ็บมากแค่ไหน

“อยากเป็นสนมจวิ้นอ๋องมากนักใช่หรือไม่” คำพูดเหยียดหยามเสียดแทงคนฟังยิ่งกว่าคมมีด ฮวาเจินลืมตาขึ้นจ้องหน้าแล้วแกะมือลี่ซื่อหมิงที่เหนียวยิ่งกว่าเชือกล่ามบวกกับแรงส่งที่เพิ่มขึ้นบีบจนเป็นรอยนิ้วผ่านผ้าที่คลุมแขน

“หากจวิ้นอ๋องไม่กระทำแบบท่าน ข้าน้อยยอมเป็นได้ทั้งหมดดีกว่าอยู่กับคนใจร้ายเช่นท่าน”

“ปากกล้าจริงนะเวลาอยู่กับข้า คิดว่าข้าพิศวาสเจ้ามากนักรึ ข้าเกลียดรอยยิ้มและดวงตาของเจ้า” ลี่ซื่อหมิงผลักฮวาเจินลงไปนั่งกับพื้น

“งั้นก็ขายตัวข้าน้อยให้ใครก็ได้หรือไม่ก็ฆ่าข้าน้อยไปเสีย ชีวิตข้าน้อยไม่ได้มีประโยชน์อันใด ข้าน้อยเองก็เหนื่อยมามากพอแล้วหากท่านจะช่วยกรุณาสงเคราะห์ให้” ฮวาเจินก้มหน้าปาดน้ำตาเอามือจับแขนที่เป็นรอยแดง ลี่ซื่อหมิงก้มมองนางก่อนนั่งลงชันเข่าบีบคางนางให้เงยหน้ามองสบตาตนเอง

“น้ำตาของเจ้ามันใช้กับข้าไม่ได้ หยุดแสดงได้แล้ว! ” ลี่ซื่อหมิงตะคอกเสียงดังจนฮวาเจินหลับตาแน่นยกมือปิดปากกลั้นน้ำตาไว้

“ได้โปรด...ส่งข้าน้อยกลับยามะ” น้ำเสียงสั่นเครือตอบกลับอย่างหวาดกลัว หยดน้ำตาหยาดลงอาบแก้มทำให้ลี่ซื่อหมิงคลายมือออกมองนางช้าๆแล้วกำหมัดลุกขึ้นเดินขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมเอามือก่ายหน้าผากเหล่มองฮวาเจินนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่เดิม หมัดหนักๆ ทุบลงบนเตียงอย่างหงุดหงิดแล้วพลิกตัวหันหลังนอนกอดอก เสียงร้องไห้หยุดลงพร้อมการขยับตัวไปนั่งซุกอยู่มุมมืดโน้มตัวลงหนุนแขนตัวเองนอนขด ลี่ซื่อหมิงเอี่ยวตัวเหลียวมองช้าๆอย่างคิดหนักแต่ปัญหาทำทีไม่สนใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel