บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

ฝางแฟหยินเดินเข้ามาด้านในมองฮวาเจินปลดผ้าปิดตาออก ชิงหรงก้มหัวให้ก่อนเดินนำสาวใช้ออกไปพร้อมปิดประตูปล่อยให้ฝางแฟหยินจับมือฮวาเจินไปนั่งหน้ากระจกจัดการหวีผมให้ด้วยรอยยิ้ม

“ข้าจะทำให้ท่านเป็นชาวลั่วหยาง ความงามของท่านไม่ได้น้อยหน้าผู้ใด ให้รู้ไปว่าซื่อหมิงจะทนด้านชาได้อีกหรือไม่”

“ฮูหยินเปย…” ฮวาเจินอ้ำอึ้งมองฝางแฟหยินผ่านกระจก

“เรียกข้าว่าพี่สาวก็พอ ข้าอยู่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากเจ้า ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นลุกลามในขั้วหัวใจยากที่แก้ไขเพราะมันอยู่ในเบื้องลึกไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป” ฝางแฟหยินจับฮวาเจินยืนขึ้นถอดชุดนางแล้วเปลี่ยนมาสวมชุดฮั่นฝูให้ “ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพลั่วหยางสักเท่าไหร่หากเป็นบัญชาของเสด็จแม่ที่ยากจะเลี่ยง เหมือนเจ้าใช่หรือไม่”

“ข้าน้อยรู้เพียงว่าที่นี่ปลอดภัยกว่ายามะ อย่างน้อยการแต่งกับท่านคาชิระยังดีกว่าเป็นหญิงของท่านโชกุน”

“ก็จริง ไม่ต้องตกเป็นรองผู้ใด แต่การเป็นที่หนึ่งก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน” ฝางแฟหยินหยุดสวมผ้าผูกเอวให้ฮวาเจินด้วยการฝืนยิ้ม ฮวาเจินมองนางน้ำตาคลอก่อนจับมือไว้

“ขอแค่มีคนเอ็นดูข้าน้อยหนึ่งคนเหมือนท่าน ต่อให้ท่านคาชิระเกลียดข้าน้อย ข้าน้อยก็ทนอยู่ได้เจ้าค่ะ”

“ฮวาเจิน…” ฝางแฟหยินโอบกอดฮวาเจินพร้อมลูบหัวผมเบาๆ ปลอบขวัญ ฮวาเจินกอดตอบกลับทั้งน้ำตา

“หากข้าน้อยเลือกเกิดได้คงเลือกเป็นบุรุษเสียมากกว่า แข็งแกร่งดั่งกำแพงเหล็กไม่อ่อนแอเหมือนนกที่ปีกหัก”

“โถ่…” ฝางแฟหยินลูบหัวฮวาเจินพร้อมปาดน้ำตาตัวเองช้าๆ ก่อนหมุนตัวฮวาเจินมานั่งลงหน้ากระจกอีกครั้งเพื่อทำผมให้

ชิงหรงยืนพิงเสาอยู่หน้าห้องมองซ้ายมองขวาก่อนมองเห็นลี่ซื่อหมิงเดินมาเข้าใกล้ ดวงตาเฉียบขาดดุดันเหล่มองนางกลับเช่นกันก่อนมองประตูห้องที่ถูกเปิด ฝางแฟหยินเปิดประตูพาฮวาเจินเดินออกมาในโฉมใหม่ด้วยชุดฮั่นฝูบางเบาเหมาะกับสรีระของนางมากกว่ากิโมโน ลี่ซื่อหมิงชะงักเท้าเงยหน้ามองฮวาเจินที่กำเศษผ้าสีขาวขึ้นมาปิดตา ทำให้ฝางแฟหยินกับชิงหรงมองฮวาเจินอย่างไม่เข้าใจ

“หึ จะแต่งยังไงเจ้าก็ไม่มีทางเหมือน” คำพูดเฉียบขาดของชายหนุ่มทำคนฟังอึดอัดไปตามๆ กัน

“ข้าน้อยเป็นข้าน้อยไม่บังอาจเหมือนใคร หรือก้าวก่ายแทนที่ใคร ต่างคนต่างที่มา ต่างทำตามหน้าที่ด้วยกันทั้งนั้น” คำโต้กลับของฮวาเจินทำให้ลี่ซื่อหมิงกำหมัดไม่พอใจเดินตรงดิ่งเข้าไปหาแล้วดึงข้อมือฮวาเจินเข้าห้อง ฝางแฟหยินมองตามอย่างตกใจแต่ต้องปล่อยไปเมื่อประตูปิดกระแทกอย่างแรงบ่งบอกอารมณ์เกรี้ยวกราด

ปึก!

ก้นกระแทกลงบนเตียงอย่างแรงด้วยแรงผลักของชายหนุ่ม ผ้าปิดตาหลุดร่วงลงจนฮวาเจินต้องก้มมองผ้าก่อนจะเอื้อมหยิบแต่มือลี่ซื่อหมิงไวกว่าคว้าหยิบเศษผ้ากำไว้แล้วเหวี่ยงลงพื้นยกเท้าขยี้เหยียบพร้อมแสยะยิ้มจ้องมองนาง ฮวาเจินมองเศษผ้าที่ถูกเตะมาทางตนเอง

“ดูสิว่าจะทนได้มากแค่ไหน”

“ท่านเป็นถึงผู้มียศสูงส่งเหตุใดถึงทำกิริยาเหยียดหยามสตรีเยี่ยงนี้ บางทีข้าน้อยอาจคิดผิด เป็นอนุของท่านโชกุนยังดีเสียกว่า” ฮวาเจินหลับตาโต้ตอบลี่ซื่อหมิงอย่างสุดทน

“หึ ก็กลับไปสิ ข้าไม่ได้ต้องการเจ้า หัวใจข้ามีเพียงไป่ซินผู้เดียว อย่าริอาจคิดจะแทนที่นาง” ลี่ซื่อหมิงกระชากแขนฮวาเจินดึงขึ้นจากเตียงก่อนผลักลงไปที่พื้นด้วยแรงที่มีอยู่

“ข้าน้อยไม่ได้ต้องการมาแทนที่ใคร หากท่านเกลียดข้า ข้าจะไม่เข้าใกล้ท่านเพื่อที่ท่านจะไม่เห็นดวงตาของข้าน้อย การไม่เห็นหน้าคงทำให้ท่านสบายใจขึ้น” ฮวาเจินจ้องหน้าชายหนุ่มที่หยุดกำหมัดมองสบตานางก่อนที่นางจะหันกลับหลับตาพยุงตัวลุกขึ้นยื่นมือคลำหาเศษผ้าที่ถูกเหยียบหยิบมาปิดตาทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า ลี่ซื่อหมิงมองฮวาเจินด้วยความนิ่งก่อนจะมีคนผลักประตูเข้ามาอย่างแรงจนชนหลังฮวาเจินทำให้เซถลาเข้าหาลี่ซื่อหมิงที่รับตัวไว้

“พี่ซื่อหมิง…!! ” เสียงเจื้อยแจ้วตะโกนทักทายอย่างตื่นเต้น ฮวาเจินดันตัวเองออกจากอ้อมแขนเบี่ยงไปชนโต๊ะมือปัดโดนเปลวเทียนจนต้องชักกลับเม้มปากเก็บอาการ ลี่ซื่อหมิงมองด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนเหยียดยิ้ม

“พี่ซื่อหมิง…” เสียงเรียกลดน้ำเสียงลงอย่างสงสารหญิงที่อยู่ตรงหน้า ลี่ซื่อหมิงมองสาวน้อยวัยใสผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเองช้าๆ

“ท่านลุงกลับมาแล้วรึ ยี่หลัว”

“ทำไมท่านพี่ถึงใจร้ายกับฮูหยินขนาดนี้ หากท่านไม่ต้องการนาง ให้นางไปอยู่กับข้าก็ได้ แล้ววันหนึ่งท่านพี่จะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ลงไป” ยี่หลัวเดินผ่านตัวลี่ซื่อหมิงเข้ามาจับมือฮวาเจินเดินจูงออกไป ลี่ซื่อหมิงถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิดแต่ก็จำใจเดินออกจากห้อง

ยี่หลัวจูงมือฮวาเจินเดินผ่ากลางแหวกคนติดตามและนางรับใช้ผ่านตัวชายวัยกลางคนเครายาวผู้เป็นพ่อที่ยืนคุยกับจีเหนียงผู้เป็นแม่อย่างไม่สนใจอะไร

“ยี่หลัว” เสียงเรียกจากใต้เท้าชางดังขึ้นเรียกสติลูกสาววัยสดใส

“ข้าจะพานางไปบ้านต้นไม้ของข้า ในเมื่อพี่ซื่อหมิงไม่ต้องการ ข้าจะดูแลนางเอง อย่าหวังจะได้นางกลับคืน” ยี่หลัวหันกลับมาบอกเหตุผลพร้อมมองจ้องชายผมขาวที่เดินเข้ามาคำนับใต้เท้าชางที่มองเหตุการณ์ก่อนเลื่อนสายตามองฮวาเจินที่ปิดตาด้วยผ้าเปรอะเปื้อน

“พาฮูหยินลี่มาหาข้า” ใต้เท้าชางเอามือลูบเคราสั่งลูกสาวตัวแสบของตนเอง

“ก็ได้ แต่ท่านไม่มีสิทธิ์แตะต้อง” ยี่หลัวส่งฮวาเจินให้ใต้เท้าชางแต่ก็ไม่ลืมตวัดหางตาขู่ลี่ซื่อหมิง เสียงเอะอะโวยวายของสาวน้อยทำให้ฝางแฟหยินเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนมองผ้าปิดตาของฮวาเจินอย่างตกใจก่อนหันมองลี่ซื่อหมิงที่เบี่ยงหน้านิ่งไม่สนใจ

“ข้ามีของรับขวัญเจ้า รับไป” ใต้เท้าชางแกะผ้าปิดตาให้ฮวาเจินแล้วยื่นปิ่นหยกแกะสลักมาตรงหน้าฮวาเจิน ลี่ซื่อหมิงชะงักมองปิ่นหยกอย่างตะลึงงันจนทำให้ฮวาเจินต้องเหลือบมองลี่ซื่อหมิงก่อนหันกลับมามองปิ่น

“ข้าน้อยรับไม่ได้เจ้าค่ะ”

“ทำไมล่ะ มันไม่สวยรึถึงไม่ถูกใจ สิ่งนี้มีความหมายเจ้าอาจไม่รู้ ใช่หรือไม่ลี่ซื่อหมิง” ใต้เท้าชางกล่าวจบลงที่หลานชายที่ยืนนิ่งมองปิ่นด้วยท่าทางนิ่งสงบ “สิ่งนี่ควรเป็นของเจ้าสืบต่อจากท่านหญิง เป็นของมงคลรับสะใภ้เล็กจากอ๋องสี่”

“ข้าน้อยรับไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ” ฮวาเจินยังคงยืนกร้านก้มหน้า

“อ๋องสี่เป็นคนแกะสลักปิ่นหยกมอบให้ท่านหญิงตอนอยู่ที่ลั่วหยาง และนี่คือสิ่งแทนใจของอ๋องสี่กับท่านหญิง มันถึงเวลาที่ต้องมอบส่งต่อให้แก่ดวงใจของผู้เป็นบุตร อย่าให้เสียน้ำใจอ๋องสี่ รับไว้เถิด หากไม่รับคนที่แย่จะเป็นลี่ซื่อหมิงหลานชายข้า”

“ไม่ต้องรับก็ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ พี่ซื่อหมิงจะได้โดนลงโทษจากท่านอ๋อง” ยี่หลัวมองค้อนใส่ลี่ซื่อหมิงที่ผ่อนลมหายใจยาว

“เจ้าคงไม่ต้องการให้เป็นดั่งที่ลูกข้าว่าใช่หรือไม่” ใต้เท้ายิ้มบางๆ ยื่นปิ่นหยกให้ฮวาเจิน

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” ฮวาเจินรับไว้อย่างจำใจ

“ข้ามาไม่ทันงานแต่งเจ้าทั้งคู่ อย่างไรคืนนี้อยู่ฉลองกับข้าแล้วกัน” ใต้เท้าชางยิ้มกริ่มเอามือไพล่หลังเดินนำทุกคนไปที่ห้องพร้อมจีเหนียง ลี่ซื่อหมิงหลีกทางให้พลางเหลือบมองฮวาเจินที่ก้มมองปิ่นหยกก่อนเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่มแล้วเบี่ยงหลบหมุนตัวเดินออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel