บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 การพบหน้าอีกครั้งในฐานะ…คู่หมั้น

บทที่ 2 การพบหน้าอีกครั้งในฐานะ…คู่หมั้น

แสงอาทิตย์เช้านั้นส่องลอดม่านโปร่งของศาลาริมสระน้ำแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ ทว่าแม้แสงจะอ่อนโยนเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้บรรยากาศที่แผ่คลุมอยู่จางคลายลงได้

หลี่อินก้าวเข้าสู่ศาลาในชุดผ้าแพรสีเขียวอ่อน ปักลายดอกเหมยบานกลางหิมะ สง่างามแต่ห่างไกลจากคำว่าอ่อนหวาน ต่างจากวันปักปิ่อย่างสิ้นเชิง

เขานั่งอยู่ก่อนแล้ว หลงอี้จง แม่ทัพหนุ่มผู้มีนามขจรไกล ดวงหน้าเย็นชาเหมือนเมื่อครั้งก่อน ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีแววตาไถ่ถาม เพียงแค่แววตาว่างเปล่าคู่นั้นที่มองมาราวกับนางเป็นใครอื่น

“คุณหนูหลี่” เขาเอ่ยขึ้นก่อน พลางวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะไม้เคลือบเงา “ดูท่าท่านพ่อจะรีบร้อนนัก ถึงกับให้เราพบกันเช้านี้”

ถ้อยคำฟังดูสุภาพ หากแต่เสียงเรียบเย็นเจื่อนจางนัก หลี่อินเพียงประสานมือคำนับ “แม่ทัพใหญ่สั่งมา ข้าย่อมไม่กล้าขัด”

หลงอี้จงเลิกคิ้วมองนาง ราวกับกำลังพินิจว่าเด็กสาวในความทรงจำของเขาหายไปไหน

ในความจำของเขา…หลี่อินเคยยิ้มให้เขาเสมอ พูดน้อย ขี้อาย และมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

แต่หญิงสาวตรงหน้านี้นิ่งสงบ เยือกเย็น และแววตาไม่หลงเหลือร่องรอยความอาวรณ์แม้แต่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพมีคนในใจอยู่แล้ว” นางเอ่ยเสียงเรียบ

คำพูดนั้นราวลูกศรยิงตรงเข้ากลางอก หากหลี่อินเองกลับยังคงแค่นยิ้มบาง “ข้าไม่สนใจว่าท่านจะยังรักใครอยู่ เพียงแต่อยากให้ข้อตกลงของเรา…ชัดเจน”

“ข้อตกลง” เขาขมวดคิ้ว จริง ๆ วันนี้เขาของร้องบิดาให้เรียกหลี่อินมาพบ เพราะบ่าวสาวห้ามพบกันก่อนแต่ง แต่เขาจำเป็นต้องคุยเรื่องของซูเจินกับว่าที่ภรรยาให้เข้าใจ

“ท่านไม่อยากแต่ง ข้าก็ไม่อยากเป็นภรรยาที่ไม่มีใครเลือก”

นางยกถ้วยชาแตะริมฝีปาก ดวงตาคมสบกับเขาโดยไม่หลบสายตา

“ท่านเล่นเกมการเมืองเพื่อความน่าเชื่อถือในกองทัพ ข้าเล่นเพื่อครอบครัว…”

หลงอี้จงเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า

“เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้…มิกลัวหรือ ว่าข้าจะขัดคำสั่งท่านพ่อ แล้วยกเลิกงานแต่งเสีย” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มหนักแน่น ดวงตาคมเข้มฉายแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก

“หากข้ายกเลิก ตระกูลหลี่ของเจ้าจะเป็นเช่นไร หรือเจ้ามีบุรุษผู้ใดในใจอยู่ระหว่างที่ข้าอยู่ชายแดน คนทีี่พร้อมจะโอบอุ้มจวนหลี่ และชำระหนี้สินทั้งปวงงั้นหรือ จึงกล้าคิดจะต่อรองเพิ่มเติมเช่นนี้ สินสอดที่มากกว่าที่เคยคุยกันไว้ยังไม่เพียงพอ”

แรกเริ่มที่มีการตกลงหมั้นหมายกัน เขาก็ไม่เคยติดขัด ให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ แต่พอใกล้ถึงวันแต่งบิดานางกลับเรียกสินสอดในขบวนเจ้าสาวเพิ่มขึ้น จากสหายรักของบิดาเขา หลี่หยางกลายเป็นชายชราหน้าเงิน เขาให้คนไปสืบมาแล้วว่าสินสอดที่จะได้รับในวันแต่งมีเจ้าหนี้เตรียมมาจับจองเพื่อชำระหนี้คงค้างเรียบร้อย

หลี่อินเพียงยิ้มยิ้มอย่างไร้อารมณ์หากท่านถามข้าในชาติแรก…ข้าอาจร้องไห้ หากถามในชาติที่สอง…ข้าอาจยอม แต่ในชาตินี้ข้ามิใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยมือที่มั่นคง เสียงกระทบเบา ๆ ทว่ากังวานชัดในบรรยากาศตึงเครียด

“จริงอยู่ ข้าไม่มีบุรุษใด ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ แต่สิ่งที่ข้ามีคือ ‘สติ’ และ ‘ศักดิ์ศรี’ ข้าจะไม่ยอมสูญเสียตัวตน ข้ายังยินดีให้งานแต่งมีต่อไป ให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวยังคงอยู่”

สายตาของนางตรงแน่วไม่หลบเลี่ยง ไม่อ่อนข้อทุกคำเอ่ยมาจากใจจริง

“หากท่านแม่ทัพคิดจะขัดท่านแม่ทัพใหญ่ คงไม่ยอมออกมาพบหน้าข้าในเช้านี้หรอก ข้ารู้…ว่าท่านเก่งกาจพอจะล้มเลิกงานนี้ และแต่งกับผู้ที่ท่านรักแท้จริงได้ แต่ท่านก็ยังยอมให้งานแต่งดำเนินต่อไปมิใช่หรือ”

นางเอนกายพิงเบา ๆ อย่างสงบ

“ท่านคงคำนวณผลได้ผลเสียไว้หมดแล้ว…แม่ทัพอย่างท่านไม่เคยเดินหมากพลาด”

เช่นนั้น…นางก็จะขอเดินหมากของนางเช่นกัน

จริงอยู่เขาสามารถล้มงานแต่งงานในครั้งนี้ได้ แต่เหตุใดเขาต้องทำเช่นนั้น นางคือคนที่บิดาเขาเลือกให้ และเรื่องราวระหว่างเขากับนางในวัยเด็กก็มีมากมาย เพียงแต่ไม่รู้เมื่อไรที่ระยะห่างมันมีมากขึ้น คงจะเป็นตั้งแต่วันที่เขาก้าวเขาสู่กองทัพ วัน ๆ อยู่แต่ค่ายทหารฝึกฝนวิชา เมื่อเกิดสงครามที่ชายแดนก็ต้องเดินทางไปร่วมรบ

“ใช่ข้าจะไร้เหตุผล ข้ายินดีรับฟังเงื่อนไขการแต่งงานระหว่างเจ้ากับข้า”

ศาลาหลังเล็กในจวนแม่ทัพเต็มไปด้วยกลิ่นไม้หอมและความเงียบงัน แสงอาทิตย์คล้อยบ่ายตกกระทบผ่านระแนงไม้ พาดเงาทาบลงบนโต๊ะเจรจาระหว่างชายหญิงผู้มีนามพัวพันในประกาศหมั้นหมายล่าสุดของเมืองหลวง

หลงอี้จงนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง มือประสานบนตัก สีหน้าเรียบสงบเหมือนทุกครั้งที่อยู่กลางสนามรบ ตรงข้ามคือหลี่อินดวงหน้างดงามล่มเมืองเงยขึ้นด้วยแววตาแน่วแน่ ไม่ต่างจากนักวางหมากที่วิเคราะห์ทุกคำพูดก่อนเอ่ย

“ในเมื่อท่านยินดี ข้าเองก็ยินดี”เสียงนางสงบ เยือกเย็น แต่ทุกรถศัพท์ล้วนมีน้ำหนัก ต่างจากที่เคยสนทนากันยามวัยเด็ก

“ข้าไม่ขัดข้องในงานมงคล…แต่มีเงื่อนไขบางประการที่ข้าต้องขอความเห็นชอบจากท่านเสียก่อน”

หลงอี้จงเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย “ว่ามา”

“หนึ่ง เรือนของข้าขอแยกต่างหาก ไม่ต้องมีการไปมาหาสู่ผู้ใด ข้าเพียงอยากอยู่เช่นเดิมดั่งที่อยู่สกุลหลี่”

“สอง ข้าจะเป็นภรรยาเอกของท่าน มีตำแหน่ง มีตรา และถือกุญแจคลังของจวนแม่ทัพตามธรรมเนียม ระหว่างที่ข้าดูแลจวนแม่ทัพต้องมีเบี้ยหวัดประจำตำแหน่งให้ข้า 5 ตำลึงเงิน”

เขานิ่งฟัง ไม่พูด ไม่แย้ง อยากรอฟังทุกเงื่อนไขที่นางต้องการ แยกเรือน เบี้ยหวัด นางถือกุญคลัง ไม่มีปัญหา

“สาม หากท่านประสงค์จะแต่งอนุ ไม่ว่ากี่คน ข้าไม่ขัด จะมีบุตรกี่คนจากอนุ ข้าก็จะใช้ชื่อรับรองในฐานะภรรยาเอกตามประเพณี ข้าจะเป็นภรรยาเอกผู้ใจกว้าง เป็นที่ยกย่องของผู้คนในเมืองหลวง ไม่ให้ผู้ใดว่าท่านแต่งภรรยาเอกที่ไม่คู่ควร”

หลี่อินหยุดชั่วอึดใจ ก่อนจ้องตาเขาตรง ๆ กล่าวถ้อยคำสุดท้ายอย่างหนักแน่น

“แต่มีข้อสุดท้ายข้อที่สำคัญที่สุด”ท่านจะไม่มีวันย่างกรายเข้ามาในเรือนของข้าแม้แต่ก้าวเดียว”

ความเงียบเข้าปกคลุมศาลาอีกครา นกบนคาคบไม้ส่งเสียงเบา แต่ไม่มีเสียงใดกลบความร้าวลึกในคำพูดของนางได้

หลงอี้จงมองนางนิ่งนาน สายตาของเขาอ่านไม่ออกว่านั่นคือความผิดหวัง ตกตะลึง หรือเพียงแค่สงสัยว่า…หญิงสาวตรงหน้าคือคนเดิมที่เขาเคยรู้จักหรือไม่

“นี่ไม่ใช่การต่อรอง” หลี่อินกล่าว “แต่นี่คือเงื่อนไขที่ข้า…ภรรยาเอกของท่านขีดไว้ให้ชัดจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง”

หลงอี้จงพยักหน้าเบา ๆ ดวงหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง

“ข้าเข้าใจ” เขาตามใจนางไปก่อน ไว้แต่งงานกันเรียบร้อยค่อยแก้ไข เขาเพิ่งกลับมา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมีมากกว่าที่ตระกูลหลี่เป็นหนี้

หลี่อินลุกขึ้น ประสานมือคำนับตามมารยาท “เช่นนั้น…เราก็ไร้สิ่งค้างคา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel