บทที่ 7
“สิ่งที่ผมพอทำได้คงมีแค่นี้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ กษิดิศก็ไม่อิดออดที่จะโอนเงินให้ตามคำขอในจดหมาย เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหากับไอริสา เธออยู่ไกลตาเขามาก ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะกดโทรออกไปยังเลขาส่วนตัวเพื่อสั่งให้โอนเงินไปยังหมายเลขบัญชีของวิไล จำนวนก็ตามที่ต้องการ
กษิดิศก็มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ ชายหนุ่มนั่งแท่นเป็นกรรมการผู้บริหาร ผู้เป็นพ่อคือคนสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาควบคู่กับการเปิดค่ายมวย หลังจากที่ทิมเสียชีวิกษิดิศก็เข้าไปดูแลต่อ ซึ่งชายหนุ่มก็ทำได้ดี
“ให้ป้าตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงเลยไหมคะ” เสียงของแม่บ้านเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าเวลานี้เลยมื้อเที่ยงมานานแล้ว แต่เจ้านายเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย
“ครับ” เสียงทุ้มขานรับกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปรอในห้องรับประทานอาหารที่อยู่ปีกซ้ายของบ้าน รูปแบบบ้านของชายหนุ่มเป็นบ้านชั้นเดียวที่พ่อเป็นคนออกแบบด้วยตัวเอง ลักษณะจะสร้างคล้ายๆ ตัวยูในภาษาอังกฤษ เพราะต้องการให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เน้นต้นไม้ให้ดูร่มรื่น กลางบริเวณบ้านยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และถ้าไม่มีกำแพงมากั้น เมื่อเดินพ้นสวนที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามไป ก็คือค่ายมวยที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้ว
ป้าอ้วน ซึ่งเป็นแม่บ้านกำลังทยอยจัดอาหารกลางวันขึ้นโต๊ะให้กษิดิศ เมื่อจัดโต๊ะเรียบร้อยชายหนุ่มก็ลงมือทาน ป้าอ้วนสังเกตพฤติกรรมการรับประทานอาหารของกษิดิศนั้นเปลี่ยนไป ดูจะเจริญอาหารอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งขนมหวานประเภททองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุนนั้นกลับยิ่งชอบ
รูปร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามของนักมวย ตอนนี้ดูเหมือนจะอวบๆ คล้ายกับคนมีพุงเสียด้วยซ้ำ ออกกำลังกายจากที่เคยออกวันละหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็แทบไม่เห็น ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจ ไม่สมาร์ทอย่างแต่ก่อน หุ่นแบบนั้นเรียกว่าอะไรนะ ภาษาอังกฤษติดอยู่ตรงริมฝีปากแท้ๆ แต่กลับพูดไม่ออก แต่พอนึกขึ้นได้ก็พูดออกมาเสียงดัง เพราะกลัวจะลืมนั่นเอง
“ซิกแพค”
“อะไรนะครับป้า” คนฟังถามซ้ำเพราะได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่นัก
“อ้อ…ป้าพูดว่าซิกแพคค่ะ คุณเรย์กินข้าวเยอะแบบนี้ไม่กลัวอ้วนหรือคะ ขนมแต่ละอย่างที่ชอบก็หวานๆ ทั้งนั้น” ขณะพูดป้าอ้วนก็มองไปยังหน้าท้องของชายหนุ่มที่ยื่นออกมาจนเห็นได้ชัด
“ไม่ครับ สงสัยแต่ก่อนจะคุมน้ำหนักมากเกินไปจนไม่เคยได้กินของอร่อยพวกนี้ พอไม่ต้องคุมก็เลยขอกินให้สมใจอยากเสียหน่อย” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากออกมา ต่อจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องคุมน้ำหนักอะไรนั่นอีก ไม่จำเป็น
“เฮ้อ! ป้าละกลัวว่าหุ่นดีๆ ของคุณเรย์จะหายไป” ขณะที่พูดภาพขณะที่กษิดิศถอดเสื้อฝึกมวยอยู่ที่ค่ายมวยก็ฉายเข้ามาในความคิดของป้าอ้วน กษิดิศตอนนั้นดูดีกว่าใครจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ยังดูดีอยู่แต่น้อยกว่าแต่ก่อนไปนิด
“หายก็ช่างสิครับ ผมไม่ได้เอาหุ่นหรือรูปร่างนี้ไปใช้ทำอะไรอีกอย่างหุ่นผมตอนนี้ก็โอเคดีแล้ว มีห่วงยางรอบเอวนิดๆ เหมือนคนรวยกับเขาหน่อย” กษิดิศเอ่ยประชดแล้วก้มมองร่างกายของตัวเอง สำหรับเขาแล้วก็ไม่เห็นว่าการอ้วนจะไม่ดีตรงไหน แม้น้ำหนักจะขึ้นมาหลายสิบกิโลทำให้หน้าท้องที่เคยแบนราบดูเจ้าเนื้อขึ้นจนใครหลายคนเอ่ยทักว่าเขาอ้วน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เก็บมากังวลแต่อย่างใด นี่มันรูปร่างของเขาจะเป็นยังไง จะอ้วนจะผอมเขากำหนดเอง
“ใช้ชกมวยยังไงละคะ”
“คงไม่มีวันนั้นอีกแล้วครับป้า”กษิดิศพูดเรื่องจริง สีหน้าของชายหนุ่มสลดลงไปพร้อมลอบถอนหายใจออมา เพราะชีวิตต่อจากนี้เขาคงไม่มีวันกลับไปชกมวยอีกแล้ว ไม่มีวัน สิ่งไหนที่เขาอยากกินเขาก็จะกิน แต่คนฟังนั้นกลับใจหายและรู้สึกเป็นห่วงมาก แต่ก็ได้แค่ส่งกำลังใจให้
“คุณเรย์ ทำไมถึงพูดแบบนี้”
“เรื่องจริงนี่ครับ”
“แต่ป้าว่า…” ป้าอ้วนจะแย้ง แต่กษิดิศก็เอ่ยตัดบท
“ป้าอ้วนช่วยไปเตรียมไอศกรีมให้ผมอีกสักถ้วยได้ไหมวันนี้ไม่รู้เป็นอะไรอยากกินอะไรเย็นๆ อากาศเมืองไทยคงร้อนขึ้นจริงๆ อย่างที่เขาว่า”
“ค่ะๆ” รับปากเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมไอศกรีมให้ตามที่กษิดิศบอก
เมื่อทานมื้อเที่ยงอิ่ม ชายหนุ่มก็ขับรถออกไปที่บริษัทเพื่อเคลียร์งาน เขาหมกตัวอยู่กับกองเอกสารที่ต้องเซ็นเกือบสามชั่วโมงก็ออกไปดูความคืบหน้าของงานชิ้นใหม่เพราะเมื่อเร็วๆ นี้เขาเริ่มโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางกรุง โดยเน้นการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับธรรมชาติ แต่ก็ผสมผสานความสะดวกสบายที่หรูหราให้ลงตัวเข้าไป ผลตอบรับถือว่าดีกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้มาก ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น
ภายในห้องสูทของคอนโดมิเนียมหรู เจ้าของห้องกำลังเดินไปเดินมาอย่างคนคิดไม่ตก เธอกลับมาเมืองไทยได้หลายวันแล้ว แต่ถึงจะไม่ได้อยู่ที่นี่เธอก็ยังตามข่าวของกษิดิศเสมอ ยิ่งมาอยู่เมืองไทยก็อยากไปพบหน้ากษิดิศมากขึ้น เธอคิดถึงชายหนุ่มใจแทบขาดแต่ก็ไม่กล้าพอ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเธอเองที่เป็นฝ่ายเดินจากเขามา พูดอย่างโมโหและน้อยใจว่าเราเลิกกัน นั่นคือการเรียกร้องความสนใจและอยากให้กษิดิศต้องตามมาง้องอนขอโทษและขอคืนดีกับเธอ แต่เขากลับไม่ทำแบบนั้น และหลังจากนั้นเธอกับเขาก็ขาดการติดต่อกันไป
กษิดิศคงยุ่งกับงานที่บริษัท เช่นเดียวกับเธอที่ได้รับโอกาสไปเดินแบบอยู่ต่างประเทศ ในยามเหงามากิหวนคิดถึงแต่กษิดิศคนรักเก่า เพราะยังรักชายหนุ่มอยู่ และที่สำคัญไปกว่ารัก คือเธออยากให้เขาช่วยเหลือในบางเรื่อง เนื่องจากมีแค่กษิดิศเท่านั้นที่สามารถช่วยเธอได้ เธอต้องลดทิฐิตัวเองลง ต้องเข้าไปหาชายหนุ่มก่อนและเอ่ยขอโทษเขา บอกว่ายังรักเขาอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง รับรองว่ากษิดิศต้องใจอ่อนแน่นอน แต่อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ก่อนจะกดรับเพราะเป็นเบอร์ของแอนนา เพื่อนในวงการนางแบบ
“ฮัลโหล”
“มากิ อยู่เมืองไทยแล้วใช่ไหม” ปลายสายเอ่ยถาม น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าดีใจมาก ที่สามารถติดต่อมากิได้เสียที
“อื้อ…ทำไม”
“มีคนฝากถามว่าเมื่อไหร่มากิจะชวนเรย์มาชกมวยอีก ผัดผ่อนมาหลายครั้งแล้วนะ” แอนนาเอ่ยถามแบบไม่อ้อมค้อม เพราะเธอเองก็ชอบเรื่องชกมวยมากเช่นกัน ยิ่งได้เงินมาง่ายๆ ก็ยิ่งชอบ ถ้ากษิดิศมาขึ้นชกได้จริงๆ คราวนี้เธอจะทุ่มฝั่งชายหนุ่มให้หมดตัว ไหนจะมีพี่ชายของเธออีกละ ซึ่งรายนั้นพอได้ฟังเรื่องที่เธอเล่าว่ากษิดิศเก่งเรื่องชกมวยมาก เก่งจนชนะน็อกคู่ต่อสู้ แถมยังได้ข่าวแว่วๆ มาว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง คู่ต่อสู้ของกษิดิศถึงกับนอนป่วยเป็นเจ้าชายนิทรา แต่มากิก็เอ่ยแบบบ่ายเบี่ยง เพราะแม้จะชอบเรื่องที่กำลังพูดคุยนี้แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกผิดอยู่
“ไม่รู้สิ”
