บทที่ 4
บทที่ 4
ไป๋ซีเยว่ที่มั่นใจในหนทางที่จะกลับบ้านได้แล้วเดินยิ้มออกมาจากตึก หญิงสาวมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำพุ และหยุดยืนอยู่ตรงนั้น หากนางคิดไม่ผิดนี่คือทางที่นางจะกลับไปที่ที่นางจากมาได้ แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ยาที่ปลูกจากที่นี่ล้วนช่วยคนมาได้นับร้อยนับพัน หากบ่อน้ำพุนี้จะมีความสามารถอื่นอีกก็คงไม่แปลกอะไร
เท้าของไป๋ซีเยว่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ่อน้ำพุ แต่กู้หยวนเฉิงที่ไม่อยากให้หญิงสาวกลับไปก็วิ่งมาทันซะก่อน
มือแกร่งของกู้หยวนเฉิงรีบเอื้อมไปดึงมือของไป๋ซีเยว่ที่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ่อน้ำพุ เขาทำทุกอย่างเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ เพราะบางอย่างมันทำให้เขาคิดได้ ทั้งคำพูดแปลก ๆ และท่าทางที่ไม่เหมือนคนยุคนี้ แม้จะไม่น่าเชื่อ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเชื่ออยู่ในใจลึก ๆ ว่าบางทีไป๋ซีเยว่อาจจะเป็นคนที่ข้ามมิติหรือเวลามา
ที่จริงวันนั้นตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายครั้งแรก เขาคิดว่าตัวเองคิดไปเอง แต่เธอปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้าบ่อน้ำพุ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นพวกศัตรูที่ตามมา แต่พอได้อีกฝ่ายช่วยเหลือเอาไว้จึงมั่นใจว่าไม่ใช่
และเมื่อครู่พอได้ยินคำบอกลา อีกทั้งหญิงสาวยังวิ่งมาที่บ่อน้ำพุ มันทำให้เขามั่นใจเรื่องที่คิดว่าไป๋ซีเยว่อาจจะเป็นคนที่ข้ามเวลามาจริง ๆ และบ่อน้ำพุนี่คงเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อทั้งสองยุคเข้าด้วยกัน
แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องกลับไปและคงไม่ได้เจอกันอีก มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ในใจมันหวิว ๆ เหมือนอะไรกำลังจะหล่นหายไป
“อย่าไป” กู้หยวนเฉิงพูดพร้อมทั้งดึงตัวของไป๋ซีเยว่เข้ามาหาตนเอง แต่เพราะเขาเองก็เพิ่งวิ่งมาถึง จึงยังยืนได้ไม่มั่นคงนัก ทั้งสองคนเสียหลักล้มลงกับพื้นหญ้าใกล้ ๆ กับบ่อน้ำพุ
ร่างทั้งร่างของไป๋ซีเยว่ทับอยู่บนตัวของกู้หยวนเฉิง ใบหน้าแนบชิดกัน ห่างเพียงแค่ลมหายใจคั่น แววตาของหญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างตกใจ ในขณะที่กู้หยวนเฉิงมองคนที่อยู่บนตัวเขาอย่างพอใจ เพราะเขารู้แล้วว่าทำไมช่วงเวลาหลายวันมานี่เขาใจเต้นแรงแปลก ๆ ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะหญิงสาวตรงหน้านี้
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็สาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่มีวันปล่อยหญิงสาวไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร มือของชายหนุ่มค่อย ๆ เอื้อมขึ้นไปโน้มหัวของซีเยว่ที่ไม่ทันระวังตัวลงมาเบา ๆ จนริมฝีปากของทั้งสองแตะกัน
จูบแรกในชีวิตของไป๋ซีเยว่ทำให้หญิงสาวตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำอย่างนี้ พอได้สติก็รีบผลักชายหนุ่มออก แต่กลับถูกมือของกู้หยวนเฉิงดึงมือที่ผลักเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมือที่กดอยู่ที่หัวก็ยังคงออกแรกบังคับให้ริมฝีปากอิ่มประกบแนบกันอยู่อย่างนั้น
เพราะไม่คุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้ จึงถูกชักจูงได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นซีเยว่ก็ไม่ยอมแพ้ กัดปากของผู้บัญชาการหนุ่มไปทีหนึ่ง แม้จะเจ็บแต่หยวนเฉิงก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตัวเอง
ริมฝีปากร้อนของชายหนุ่มยังคงจูบซ้ำย้ำ ๆ ราวกับกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีกครั้งก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย กู้หยวนเฉิงกระซิบเสียงแผ่วระหว่างที่ถอนริมฝีปากออก “อย่าไปเลย ไม่ว่าที่ที่เธอจากมาจะเป็นที่ไหน อย่าไปเลยนะ อยู่กับฉันที่นี่เถอะ”
ไป๋ซีเยว่รู้สึกมึนงงไปหมดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้มือทั้งสองข้างจะยังคงดันอกของชายหนุ่มตรงหน้าเอาไว้ แต่มันกลับไร้เรี่ยวแรงแปลก ๆ ริมฝีปากที่ห่างจากคนตรงหน้าไม่มากก็ร้อนราวกับมีไฟมาลน แต่เมื่อสมองเริ่มสั่งการอีกครั้ง ไป๋ซีเยว่ก็ผลักอีกฝ่ายออกสุดแรงและลุกขึ้นไปยืนจัดเสื้อผ้าตัวเอง มือเรียวปัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยซ้ำ ๆ
“ข้าจะไม่เอาเรื่องท่านผู้บัญชาการ ที่เมื่อครู่ล่วงเกินข้า แต่ท่านไม่สมควรทำเช่นนี้กับคนที่ไม่ใช่คนรัก” หญิงสาวพูดไปก็ปัดเสื้อผ้าของตนไปอย่างนั้นซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใบไม้ติดอยู่แล้ว ใบหน้ายังคงแดงและรู้สึกร้อนวูบวาบ ใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก มือก็สั่นน้อย ๆ เพราะไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้
นี่เองเรื่องที่ท่านแม่ของนางบอกให้ระวัง บุรุษนั้นแม้มองภายนอกจะดูดี แต่ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ขนาดคนที่ดูสุภาพแบบผู้บัญชาการกู้ยังทำเช่นนี้กับนางได้
“ฉันไม่ขอโทษเรื่องที่จูบเธอเมื่อครู่” ไป๋ซีเยว่หันหน้ากลับไปมองอีกฝ่าย ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่กลับเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากอีกคน รอยยิ้มที่ไป๋ซีเยว่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ “ฉันไม่ขอโทษเพราะฉันตั้งใจ หากคนที่เธอรู้สึกดีด้วยกำลังจะจากไป เธอก็คงจะทำเหมือนฉันเช่นเดียวกัน ทำทุกอย่างเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้” คิ้วสวยขมวดไม่พอใจหนักกว่าเก่า
“ข้าไม่ทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะบอกกับเขาตรง ๆ”
