บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ไปรับเมีย

“หนูนัดจะออกไปไหนคะลูก”ได้ยินเสียงเรียกทักจากแม่สามี ณัฐวดีก็รีบเดินเข้าไปหาเสียก่อน กุลนิดาพยักหน้าให้ลูกสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม

“นัดจะไปดูที่คลินิกหน่อยน่ะค่ะ”ณัฐวดีเป็นทันตแพทย์ เวลาเข้างานเธอก็เหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำงานเวลา 8.30-16.30 น. หยุดเสาร์อาทิตย์ นอกเหนือจากเวลาเหล่านี้เธอก็ว่างเป็นอย่างมาก

แต่ก็คิดเอาไว้แล้วว่า หากคลินิกไปได้ดี วันข้างหน้าเธออาจจะลาออกจากโรงพยาบาลและมาทำคลินิกเต็มตัว แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตเธอเองก็กำหนดไม่ได้ อยากรีบทำงานจะได้แบ่งเงินคืนให้กับแม่กุลไปบ้าง

“อืม...ก่อสร้างไปถึงไหนแล้วล่ะลูก ใกล้จะตกแต่งภายในได้หรือยัง”

“ใกล้แล้วค่ะ ตอนนี้หนูนัดสั่งให้พี่ช่างทำตู้กระจกติดผนัง จากนี้ก็จะเป็นการตกแต่งภายในแล้วค่ะ คุณแม่จะไปดูด้วยกันไหมคะ”ถึงอย่างไรคุณแม่สามีเธอคนนี้ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของคลินิก

ความจริงแล้วคุณแม่ตั้งใจจะยกให้เธอคนเดียว แต่เธอไม่สบายใจที่จะรับเอาไว้ทั้งหมด จดทะเบียนเป็นชื่อเธอก็จริง แต่เงินทุกบาทก็เป็นของกุลนิดา รายได้ทั้งหมดย่อมต้องเอามาแบ่งคนละครึ่ง แน่นอนว่าต้องหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้แม่มีนัดกับภริยาท่านวรวุฒิ ปีนี้เห็นว่าท่านจะลงเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯน่ะ คุณพ่อก็เลยให้แม่ออกไปพบปะภริยาของคนในพรรคบ้าง เดี๋ยวเอาไว้หนูนัดว่างก็ต้องไปกับแม่บ้างนะคะ”

“ได้เลยค่ะ...อืม ใกล้จะเลือกตั้งอีกรอบแล้วสิเนอะ”

“ใช่ค่ะ...แม่เบื่อมากเลย ถึงฤดูกาลเลือกตั้งทีไร แม่จะวิ่งหัวหมุนทุกที ตานนท์ก็ไม่เคยคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย หนูนัดคิดดูนะ แม่จะต้องโฆษณาพรรคแบบที่เหมือนไม่ได้ตั้งใจโฆษณา หาเสียงแบบที่เหมือนไม่ตั้งใจหา ปวดหัวไหมล่ะ นี่แม่ยังคิดไม่ออกเลยว่าปีนี้จะทำอะไร ปีที่แล้วจัดทริปบริจาคเสื้อกันหนาวให้กับเด็ก ๆ ตามโรงเรียนต่าง ๆ ไปแล้ว”

“หรือปีนี้พวกเราจะจัดงานประมูลขึ้นมา รายได้ทั้งหมดก็เอามาซื้ออุปกรณ์การแพทย์ และเดี๋ยวเดือนหน้าวันเปิดคลินิก หนูนัดคิดว่าพวกเราจะเปิดการกุศลก่อน โดยใช้ชื่อพรรคของคุณพ่อเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้ทั้งหมด ถึงอย่างไรคนก็รู้กันดีว่าหนูนัดเป็นลูกสะใภ้ของโรจนเมธีกุล เราก็ถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์การเปิดคลินิกแล้ว ยังถือโอกาสโฆษณาพรรคไปในตัว”

กุลนิดาเบิกตาขึ้น นั่นน่ะสิอย่างไรวันนั้นก็ต้องจัดงานเปิดคลินิกทั้งยังเชิญนักข่าวมาทำข่าว แล้วทำไมไม่ฉวยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไว้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ได้ชื่อเสียงง่าย ๆ แบบนี้มีหรือที่จะไม่ตกลง หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างพลางดึงมือลูกสะใภ้ที่จับจองเอาไว้ตั้งแต่เด็กมากุมเอาไว้

“โชคดีของพี่นนท์ที่ได้ภรรยาดี ๆ แบบหนูนัดวันข้างหน้าแม่ก็ตายตาหลับแล้ว แต่ก่อนตายขอหลานให้แม่หลาย ๆ คนหน่อยนะ”รอยยิ้มบนใบหน้าพลันเหยเกขึ้น เกรงว่าจะไม่ใช่โชคดี แต่เป็นโชคร้ายมากกว่าแต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอยู่ดี

“คุณแม่ยังสาวและสวยอยู่เลย อย่าพูดเรื่องตายได้ไหมคะ หนูนัดไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วค่ะ” กุลนิดายกมือขึ้นลูบผมลูกสะใภ้ สงสารจับใจ เธอสูดลมหายใจเข้า และเปลี่ยนไปพูดเรื่องลูกชายตัวดีแทน

“เมื่อเช้าแม่เห็นรถตานนท์ขับออกไป เมื่อคืนพี่เขากลับมานอนบ้านแล้วเหรอคะเขาบอกหรือเปล่าคะว่าไปนอนที่ไหนมา”

“เอ่อ...หนูนัดไม่ทราบเลยค่ะ สงสัยหมอนนท์จะนอนอีกห้อง เมื่อคืนหนูนัดนอนเร็วมากค่ะคุณแม่ แต่ว่าที่โรง’บาลมีห้องพักแพทย์ด้วยนะคะ เขาอาจจะค้างที่นั่น”กุลนิดาเม้มปากมองลูกสะใภ้ที่ใบหน้าไม่สดใสเท่าที่ควร ก็พลันหน่วงในใจ

นึกถึงสมัยที่เธอกับสามีแต่งงานกันใหม่ ๆ พวกเธอก็ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกเหมือนกัน เป็นผู้ใหญ่ที่จัดการเรื่องแต่งงานให้กับกุลนิดา ทว่าตอนนั้นที่แต่งกันแล้ว คุณรัชพงศ์สามีของเธอก็เอาอกเอาใจ ทั้งยังทำตัวติดกับเธอตลอดเวลา แล้วทำไมพอมาถึงลูกชายถึงได้เป็นแบบนี้ หรือว่าเธอจะคิดผิด แต่ผู้หญิงดี ๆ อย่างหนูนัดให้ปล่อยมือไปก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ

“พี่นนท์คงเห็นว่าหนูนัดนอนหลับ จึงไม่อยากรบกวนมั้งคะ อย่าคิดมากเลยนะลูก”

“ค่ะ หนูนัดเข้าใจคุณแม่ไม่ต้องกังวล หมอนนท์ก็ไม่ได้ทำตัวไม่ดีกับหนูนัด พวกเรายังไม่คุ้นเคยกัน ต้องใช้เวลาหน่อยค่ะ”หญิงสาวรับปากทั้ง ๆ ที่รู้ดีแก่ใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรบกวน แต่เขารังเกียจต่างหากล่ะ แต่แล้วอย่างไร เธอไม่สนใจหรอก อีกหน่อยก็ต่างคนต่างไปอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel