บทย่อ
เพราะต้องการประชดชีวิตประชดครอบครัว เธอจึงได้ออกไปดื่ม ความเมาเพียงข้ามคืนทำให้เผลอพลาดท่าให้กับนักธุรกิจสีเทาชื่อเสียงเลื่องลือ นภาตัดสินใจใจรีบออกมาเพราะไม่ต้องการสานสัมพันธ์ต่อในเมื่อทุกอย่างมันก็แค่เผลอใจ แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่คืนนั้นยังคงฝากไว้ เธอไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปทางไหนร้องขอความรับผิดชอบหรือลืมไปให้หมดจากความทรงจำว่าปกรณ์คือพ่อของลูกในท้องเธอ **** “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ ต่อให้เด็กคนนี้เป็นลูกคุณจริงๆแต่ฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่งเกี่ยว” หญิงสาวพูดตรงๆเธอไม่อยากให้ชายหนุ่มมาตามแบบนี้เพราะกลัวว่าจะถูกมองไม่ดี อีกอย่างเธอไม่อยากเดือดร้อน ไม่อยากให้ลูกรับรู้ว่ามีพ่อเป็นนักธุรกิจที่ทำแต่เรื่องผิดกฎหมาย “ฉันอยากรับผิดชอบ อย่างน้อยๆให้ฉันช่วยเธอเรื่องค่าใช้จ่าย” “เก็บเงินสกปรกของคุณไว้เถอะค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกสนใจเงินของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงฉันไม่ได้สนใจคุณมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่เพราะว่าเมาฉันไม่มีทางพลาดนอนกับคนแบบคุณอย่างแน่นอน”
1 ชีวิตของผู้หญิงจืดๆ
ตอนที่ 1
ชีวิตของผู้หญิงจืดๆ
ภายในห้างสรรพสินค้าแถบชานเมือง เต็มไปด้วยลูกค้ามากมายเนื่องจากว่าใกล้ถึงเทศกาลแล้ว เหล่าพนักงานจึงต้องเร่งมือ ช่วยกันจัดตะกร้าของขวัญสำหรับเตรียมจำหน่ายในวันถัดไป
“สงสัยว่าวันนี้เราคงได้ทำโอทีอีกแล้ว”
ชายหนุ่มรุ่นน้องเอ่ยด้วยท่าทางเซ็งๆ เขาไม่ได้อยากทำงานล่วงเวลา อยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า แต่ทุกวันนี้เขาถูกบังคับให้ทำโอทีโดยที่ไม่เต็มใจ พูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะผู้จัดการไม่สนใจฟัง ถ้าใครไม่พอใจกับการทำงานที่นี่ก็เอ่ยปากจะไล่เสมอ
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น แต่เพราะประจบประแจงเบื้องบนเก่ง ทำให้บางครั้งก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้
“เอาน่า อย่างน้อยๆก็ได้เงินนะ”
ถึงแม้ว่าบางครั้งจะถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลา แต่อย่างน้อยๆก็ไม่ได้ทำงานฟรี นภาไม่อยากให้รุ่นน้องหนุ่มคิดมาก เธอรู้ว่าอีกฝ่ายอยากรีบกลับบ้านไปดูแลลูกที่เพิ่งคลอด แต่ชีวิตการทำงานก็เป็นแบบนี้ ในฐานะลูกจ้างไม่มีปากมีเสียง มีหน้าที่ทำตามที่นายจ้างสั่งเท่านั้น
“เบื่อเนอะ ชีวิตจนๆแบบนี้ เมื่อไหร่พวกเราจะได้เป็นเศรษฐีกับเขาสักที”
“ครอบครัวนายก็มีฐานะอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
รุ่นน้องหนุ่มมาทำงานที่นี่เพราะอยากหาเลี้ยงตัวเอง แต่พื้นฐานทางบ้านก็ไม่ได้ยากจน พ่อแม่มีที่ดินมีทรัพย์สมบัติ หากเทียบกับครอบครัวเธอแล้วต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ผมเป็นลูกที่พวกเขาไม่เคยรัก ผมจะไปหวังสมบัติจากเขาได้ยังไง”
ชายหนุ่มยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าไปถึงดวงตา เขามักจะนำเรื่องส่วนตัวมาปรับทุกข์กับนภาเสมอ หญิงสาวเป็นรุ่นพี่ที่เขาเคารพและไว้วางใจมากที่สุด ทั้งสองสนิทสนมกันมาก จนครั้งหนึ่งภรรยาของรุ่นน้องหนุ่มถึงกับหึงหวง
นภาจึงต้องโกหกว่าเธอกำลังคบหาอยู่กับพนักงานอีกคน เพื่อให้ภรรยาของรุ่นน้องสบายใจ
“ฉันก็ไม่รู้จะปลอบใจนายยังไง เพราะตัวฉันเองก็ไม่ต่างอะไรจากนายเท่าไหร่”
เธอเองก็เป็นลูกที่ครอบครัวไม่รักเช่นกัน ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อไม่เคยชื่นชมอะไรเธอสักอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไรก็โดนดุด่า พยายามทำดีแค่ไหนก็ไม่เคยดีในสายตาพ่อแต่นภาก็ชินแล้ว เพียงแต่ว่าบางครั้งเธอก็อยากได้รับคำชื่นชมบ้าง
“ยิ่งพวกเรามาเป็นพนักงานต๊อกต๋อยแบบนี้ ครอบครัวก็ยิ่งดูถูก”
ชายหนุ่มตัดพ้อ เขาไม่มีกำลังใจที่จะเรียนต่อ เพราะหลังจากที่จบมัธยมต้นพ่อกับแม่ก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ให้เงินเขาไปเรียน ในตอนนั้นชายหนุ่มเขาเคว้งคว้างไม่รู้จะทำยังไง ด้วยความเสียใจเขาจึงทำตัวเกเร ส่งผลให้ถูกตัดหางปล่อยวัด ถูกไล่ออกจากครอบครัว
“พูดอะไรแบบนั้น ไม่ว่าจะอาชีพอะไรมันก็มีค่าเท่านั้นแหละ ถึงเงินเดือนพวกเราจะน้อยนิด แต่ถ้าเราขยันเก็บ สักวันมันก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้”
นภาเชื่อเสมอว่าหากประหยัดและอดออมจะทำให้เธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เธอไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยหรือมีต้นทุนเหมือนคนอื่นๆ เธอพยายามดิ้นรนด้วยตัวเองแต่ลำพังเงินเดือนแค่นี้ เธอจะเอาไปต่อยอดอะไรได้นอกจากค่อยๆเก็บ หอมรอมริบไปเรื่อยๆ
“ถ้าผมเก็บได้แบบพี่ก็คงจะดี แต่ผมภาระเยอะ ทุกวันนี้ต้องผ่อนทั้งรถผ่อนทั้งบ้าน ไหนจะค่านมลูกอีก โชคดีที่เมียผมก็ทำงาน เลยพอจะช่วยกันได้บ้าง”
แต่หากใครถามถึงเงินเก็บก็คงจะไม่มีปัญญาทำได้อย่างนภา
“สักวันอะไรๆมันก็คงจะดีขึ้นนั่นแหละ ได้เวลาเลิกงานแล้ว รีบไปกันเถอะก่อนที่จะถูกใช้ให้ทำโอทีนานกว่านี้”
งานตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นภาจึงชวนรุ่นน้องกลับบ้าน เธอเดินแยกไปอีกทางเพราะบ้านหยุดไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ส่วนรุ่นน้องต้องขับรถไปอีกประมาณสี่กิโลเมตร
นภารู้สึกเหนื่อยมากทำงานลากยาวมาตั้งแต่เช้า เธอแวะซื้อหมูปิ้งที่ตลาดก่อนเข้าบ้าน และไม่ลืมที่จะซื้อฝากพ่อด้วย
“เลิกงานแล้วไปเถลไถลที่ไหน”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ปกติลูกสาวจะกลับเร็วกว่านี้เพราะออกไปทำงานแต่เช้า แต่วันนี้กลับเกือบมืด เขารอใช้ลูกไปซื้อของที่ตลาด รอนานหลายชั่วโมงจนรอไม่ไหวจึงออกไปเอง
“เถลไถลอะไรล่ะพ่อ วันนี้หนูทำงานล่วงเวลา”
“ล่วงเวลาบ่อยจริงๆ แทนที่จะแบ่งเวลามาให้ที่บ้านบ้าง”
หญิงสาวถอนหายใจ ลำพังแค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วเธอยังต้องกลับมาทำทุกอย่างที่บ้านอีก ที่บ้านเธอเปิดเป็นร้านขายต้นไม้ วันๆพ่ออยู่แต่กับต้นไม้ และไม่หยิบจับงานบ้านอะไรเลยสักอย่าง กินอะไรก็ไม่เคยเก็บเคยล้าง รอให้เธอมาทำให้ตลอด
“ไปๆ รีบไปซักผ้าล้างจานได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วซักผ้าตอนนี้จะแห้งทันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แล้วทำไมพ่อไม่รีบซักล่ะ”
“มันไม่ใช่หน้าที่ฉัน”
ชายวัยกลางคนปัดความรับผิดชอบ เขามองว่าพวกงานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชายตามประสาคนหัวโบราณ เพราะฉะนั้นเมื่อเขามีลูกสาวจึงใช้ให้เธอทำงานบ้านมาตั้งแต่เล็กๆ
นภาเดินเข้ามาในบ้านก่อนเห็นถ้วยชามวางเกลื่อนเต็มโต๊ะ เธอปาดเหงื่อเพราะอากาศร้อน วางข้าวของทุกอย่างลงที่เก้าอี้เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน
ผ้าที่เพิ่งซักไปเมื่อวันก่อน วันนี้พูนเต็มตะกร้า ทั้งๆที่เธออุตส่าห์ออกเงินซื้อเครื่องซักผ้าให้แล้วแท้ๆแต่พ่อก็ยังไม่ยอมซักเอง ยังคงรอให้เธอมาทำให้เสมอ
หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่ายจนบางครั้งอยากจะไปจากที่นี่ แต่เธอรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่สามารถหนีพ่อพ้น ต่อให้เธอไม่ได้อยู่ดูแลรับใช้ พ่อก็ต้องโทรมารบกวนเรื่องเงินอยู่ดี
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้พ่อจะมีรายได้จากการขายต้นไม้มากมาย แต่เงินก็ไม่เคยตกถึงมือเธอเลย แถมพ่อยังรีดไถเงินเธอทุกเดือน จนบางครั้งเธอแทบไม่เหลือเงินไว้ใช้จ่าย ต้องแอบพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปที่ทำงานไปนั่งขยำกินอยู่ในห้องน้ำ
จะให้ยืมเงินรุ่นน้องใช้ก็ไม่อยากรบกวน เพราะอีกฝ่ายมีภาระมากกว่าเธอ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น แค่ไม่อยากเอาเงินอนาคตมาใช้ กลัวว่าหากฉุกเฉินจริงๆจะลำบาก
นภาถอนหายใจ เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่อยากติดอยู่กับพ่อไปตลอดชีวิต แต่เธอก็เป็นห่วงพ่อเกินกว่าที่จะทิ้งอีกฝ่ายไป ถึงแม้ว่าเธอจะรักพ่อมากแค่ไหนแต่พ่อก็ไม่เคยรักเธอเลย เวลาที่เธอทำอะไรผิดพลาดก็ดุด่าซ้ำเติมตลอด ไม่เคยให้กำลังใจเลยสักครั้ง

