เขตอันตราย -Ep.9-
Ep.9
ในที่สุด พวกเราก็เดินทางมาถึงเกาะป่าช้าอะไรก็ไม่รู้นี่สักที ฉันเกร็งจนตะคริวจะกินก้นอยู่แล้วค่ะ เกาะป่าช้านี่มันก็ป่าช้าสมชื่อเลยแฮะ ทั้งเงียบทั้งวังเวง คงไม่มีแบบ...คนเอาศพมาทิ้งหรือมีประวัติน่าขนลุกอะไรหรอกใช่ไหม ฉันอยากรู้ว่าใครกันเป็นคนตั้งชื่อให้เกาะนี้ ตั้งให้มันสร้างสรรค์หน่อยก็ไม่ได้
“อย่าทำเหมือนมันน่าขนลุก เพราะเราต้องเข้าไปอยู่ในนั้นสามคืน ต่อให้คุณเจอผีก็ร้องกลับไม่ได้”
ฉันหันไปขมวดคิ้วใส่อีตาผู้กองน้ำแข็งที่เดินผ่านฉันไป เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องมาพูดกดดันกันด้วย อีกอย่าง...หมอนั่นอ่านใจคนได้อย่างนั้นเหรอ เขารู้ความคิดของฉันตลอดเลย ฮึ่ยย!
ฉันรีบวิ่งตามทุกคนที่ต่อแถวเป็นสองแถวเดินขึ้นเกาะกันอย่างมีวินัย ผู้กองลักษณ์เดินนำหน้าแถวหนึ่ง คุณคินเดินนำหน้าแถวสอง ฉันเดินตามหลังอีตาผู้กองลักษณ์ค่ะ ส่วนคุณแดนคุมอยู่ท้ายแถวหนึ่ง คุณตาร์ก็คุมอยู่ท้ายแถวสอง ส่วนกระเป๋าฉันถูกคุณพี่ตำรวจท่านอื่นสะพายอยู่ เนื่องจากทางขึ้นมันลำบาก อีตาผู้กองน้ำแข็งกลัวฉันจะเป็นตัวถ่วงทำเวลาเดินทางล่าช้าเลยให้คนถือกระเป๋าให้ ส่วนตัวเขาเองต้องเดินนำและอำนวยความสะดวกให้ทุกคนจึงไม่เหมาะที่จะหิ้วของอะไรทั้งนั้น
“เดินไปอีกหน่อยจะถึงที่นั่งพัก คราวที่แล้วฉันให้แกเดินตรวจเชือกกั้นมีปัญหาอะไรไหม?” ผู้กองลักษณ์กางแผนที่ให้คุณคินดูแล้วคุยอะไรกันฉันก็ไม่ทราบ ตอนนี้ฉันสนใจแต่ธรรมชาติรอบด้าน ข้างในไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นเหมือนด้านนอกแล้วก็ชื่อของมันค่ะ เอ๊ะ! ฉันเอามือถือถ่ายรูปไว้ดีกว่า กล้องอยู่ในกระเป๋าเป้แหนะ ฉันไม่อยากไปขอรื้อเพราะเกรงใจพี่คนถือ
“ทุกคนระวังแมลงหัวแดงด้วยนะ คราวที่แล้วมีคนโดนกัด ถ้าแพ้จะอาการหนักมาก ถ้าไม่แพ้แผลที่โดนกัดจะบวมแดงและอักเสบนิดหน่อย ยังพอกินยาระงับพิษได้”
ฉันได้ยินเสียงอีตาผู้กองน้ำแข็งพูดอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้สนใจ ตอนนี้ฉันเห็นผีเสื้อเต็มไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าจะมีต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ดูหญ้าสีเขียวอมม่วงนี่สิ สวยมากเลย ถ่ายรูปไปอวดยัยนานาตอนกลับจากค่ายดีกว่า โอเค..ได้หลายรูปเลย อ๊ะ! พวกเขาเดินกันไปนู่นแล้ว ฉันค่อยๆ ย่องเข้าไปต่อแถวที่เดิมเพราะกลัวอีตาผู้กองเห็นว่าฉันแตกแถว เดินมาสักพักก็ได้ยินหมอนั่นบอกทุกคนให้นั่งพัก แหม...เลือกที่พักได้เหมาะจริงๆ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปไปอวดยัยนานาเพียบเลย เอิ่ม...ไปขออนุญาตหมอนั่นออกไปถ่ายรูปแถวๆ นี้ดีกว่า แล้วฉันก็วิ่งเข้าไปหาผู้กองลักษณ์ที่ยืนประชุมอยู่กับพวกคุณตาร์ พอคุณแดนเห็นฉันมายืนข้างๆ อีตาผู้กองน้ำแข็ง ทุกคนก็หันมาสนใจฉันตามสายตาคุณแดนที่มองมา ฉันเลยยิ้มแห้งๆ ให้คนตรงหน้า
“เอ่อคือ...ฉันขอไปถ่ายรูปแถวๆ นี้ได้ไหมคะ?” ฉันเม้มปากรอฟังคำตอบจากผู้กองลักษณ์ แต่เขาไม่ตอบอะไร ฟังฉันพูดจบเขาก็หันหน้ากลับไป ฉันเลยต้องเอียงหัวขมวดคิ้วใส่ กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็เห็นมือคุณคินส่งสัญญาณมาก่อนว่าให้ไปได้ อ่อ คุณคินเขาอยู่กับอีตาผู้กองนี่มานานคงรู้ปฏิกิริยาของหมอนี่ดีว่าท่าทางแบบนี้หมายถึงอะไร
ฉันก็ยิ้มแล้ววิ่งออกมาสิคะ จากนั้นก็รีบรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ยังส่งออกไปไหนไม่ได้หรอกค่ะเพราะมันไม่มีสัญญาณ ตรงนี้ก็สวย ตรงนั้นก็สวย งือออ~ เห็นธรรมชาติสวยๆ แล้วมีความสุขจัง
(Luck talk)
“แผนการฝึกคร่าวๆ ก็มีแค่นี้แหละ ไว้นึกอะไรได้เพิ่มเติมแล้วจะบอก”
“ครับผู้กอง”
“ไปนั่งพักเถอะ อีกสิบนาทีเราจะเดินทางกันต่อ อีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว”
“ครับผู้กอง”
ผมพับแผนที่เก็บหลังจากบอกพวกไอ้แดนให้ไปนั่งพักผ่อน ก่อนจะหันไปมองยัยนักเขียนจอมเซ่อที่ชอบสร้างแต่ปัญหา แต่ผมกลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย ผมหันมองไปทั่วบริเวณแต่ก็เห็นแค่คนในหน่วยนั่งดื่มน้ำกันเป็นจุดๆ ให้ตาย! ผมลืมบอกว่าเกาะนี้มันมีเขตกั้นเอาไว้ ยัยนั่นคงดูไม่เป็นว่าสิ้นสุดเขตปลอดภัยตรงไหน ขอร้องล่ะพระพาย เธออย่าสร้างปัญหาให้ฉันเลย
ผมรีบวิ่งออกไปหาเธอตรงที่ที่ผมเห็นเธอแวบๆ ตอนประชุมกับพวกไอ้คิน นี่เดินถ่ายรูปไปยันไหนวะเนี่ย เงียบเชียว
“คุณพระพาย!” ผมตะโกนเรียกเผื่อยัยนั่นจะอยู่แถวนี้ แต่ก็ยังเงียบอยู่ดี ผมเดินออกมาจนใกล้จะถึงเขตเหลืองอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเธอเลย เขตเหลืองคือเขตปลอดภัยก็จริง แต่มันเป็นเขตใกล้กับเขตอันตรายคือเขตแดงที่ห้ามออกไปเด็ดขาด ถ้าเธอออกมาถึงเขตเหลืองก็คือไม่น่าไว้วางใจแล้ว แมลงมีพิษมันยิ่งเยอะอยู่ด้วย หงุดหงิดจริงๆ
“คุณลักษณ์!!”
“…..!” ผมหยุดวิ่งแล้วหันไปหาต้นทางของเสียง ก่อนจะรีบวิ่งตามเสียงเรียกนั้นไป สรุปเธอออกมาถึงเขตเหลืองจริงๆ ด้วย
“คุณลักษณ์!!~ ชะ..ช่วยฉันหน่อยค่ะ คือมัน....” ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพระพายแต่ไม่ได้ใกล้เธอเท่าไหร่เพราะที่มือเธอกำลังชี้อยู่คืองูเห่าที่เป็นตัวพ่อมันเลยล่ะครับ ปกติงูพวกนี้มันจะไม่เข้ามาในเขตเหลืองนี้ แต่ก็นั่นแหละครับ มันใกล้กับเขตแดง ผมถึงได้ตั้งเขตเหลืองขึ้นมาไง
“อยู่เฉยๆ หาเรื่องอีกจนได้นะคุณพระพาย!”
“ฉะ..ฉันขอโทษค่ะ ฉันเห็นว่ามันสวยเลยคิดว่าไม่มีอะไร”
“ผมเองก็ลืมเตือนคุณ” ผมก็มีส่วนผิดอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้เตือนเธอที่พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก ผมค่อยๆ ก้มไปหยิบมีดพกที่เหน็บอยู่ที่ขากางเกง ตาผมจ้องเจ้างูเห่าอยู่ตลอด ตอนนี้มันแผ่แม่เบี้ยใส่พระพายและหันมาตอบสนองผมด้วย ผมรู้ว่ามันก็กลัวคนจะทำร้ายมัน มันถึงได้แผ่แม่เบี้ยขู่เพื่อปกป้องตัวเอง สัตว์มันพูดไม่ได้นี่ครับ ทั้งมันและเราไม่มีใครรู้หรอกว่าใครดีใครชั่ว
“คุณจะฆ่ามันเหรอคะ?”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเธอที่พูดเหมือนอยากจะห้ามถ้าผมคิดจะฆ่ามันจริงๆ ก็ไม่เลวนี่ ตัวจะตายเพราะมันยังคิดจะช่วยเหลือมันอีก
“อยู่เฉยๆ อย่าเสียงดัง”
“แต่มันแค่จ้องฉัน ยังไม่ได้กัดฉันเลยนะคะ” ผมบอกว่าอย่าเสียงดัง เธอก็กระเส่าคุยกับผมครับ บางทีคุยกับเธอผมก็เหนื่อยเหมือนกัน
ผมเอามีดเล็งเป้าที่ผมจะให้มีดไปลง พองูมันสนใจผมผมเลยเขวี้ยงมีดลงไปปักตรงหน้ามันซึ่งอยู่ฝั่งพระพาย พองูมันตกใจมันก็เลื้อยหนีย้อนกลับมา ผมเลยก้าวยาวๆ หลีกทางให้มันไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของใครบางคน
“ฟังให้ดี ถ้าเจอต้นไม้ที่ขีดเป็นรอยยาวหนึ่งเส้นคือเขตเขียว ปลอดภัย คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าเจอต้นไม้ที่มีรอยขีดสองเส้นแบบนี้....” ผมชี้ไปที่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งมันมีตัวอย่างให้พระพายเห็นได้อย่างชัดเจน “...คือเขตเหลือง ไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่อันตรายซะทีเดียว พูดง่ายๆ คือควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเจอต้นไม้ที่มีรอยขีดสามเส้นคือเขตแดง นั่นหมายถึงถ้าคุณทำบุญมาเยอะก็อาจจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย หรือไม่ก็อาจจะสาหัสจากการทำร้ายของสัตว์”
“ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงอ่อนพร้อมกับก้มหน้า ทำผิดแล้วชอบทำเสียงอ้อนก้มหน้าหนีเป็นนิสัยสินะ
“ไปกันได้แล้ว ทุกคนต้องเดินทางต่อ” พูดจบผมก็หันหลังกลับ แต่จู่ๆ แขนเสื้อผมก็ถูกดึงโดยมือบางที่ใช้สองนิ้วจีบเนื้อผ้าที่แขนเสื้อผมเอาไว้แล้วเดินตามผมมาติดๆ ผมปรายตามองแต่ไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าที่นี่มันยังอันตรายและเธอก็ยังคงตกใจอยู่หรอกนะถึงให้เกาะไปด้วย ไม่เจอของจริงคงไม่จำ!
