เอไลจาห์ หวัง (2/2)
จึก
“…อ๊ะ!”
ฉันที่กำลังงงงวยถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งแต่ เอไลจาห์จิ้มนิ้วลงบนเอวของฉันและทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ได้ไม่ถึงวินาที ฉันก็ถูกเล่นงานอย่างหนักจนหงายหลังล้มลงไปนอนบนโซฟาอย่างหมดสภาพ
“ฮ่าๆๆๆ คุณไล ฮ่าๆ พอแล้ววว”
ฉันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ส่วนเอไลจาห์ก็เอาแต่จั๊กจี้ฉันเหมือนอยากแกล้งฉันมานาน แต่ก่อนที่ฉันจะขาดอากาศหายใจตาย ฉันก็สามารถจับข้อมือหนาแล้วลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ
“แฮ่ก พอแล้วค่ะ…”
ฉันไม่รู้เลย…ว่าระยะห่างระหว่างเราสองคนจะสั้นขนาดนี้
ปลายจมูกของฉันแตะกับปลายจมูกของเอไลจาห์ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดริมฝีปากของฉัน ดวงตาสีรัตติกาลที่สบประสานกับดวงตาสีเปลือกไม้นั้นลึกลับเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่าเจ้าของของมันกำลังคิดอะไรอยู่ ต่างจากฉันที่แสดงทุกอย่างออกไปทางสีหน้าหมด ฉันเขินอาย แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัว และเอไลจาห์คงล่วงรู้ความคิดของฉันแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่งั้นเขาคงไม่อมยิ้มขำแบบนี้หรอก
“พยายามได้ดีนะ” ร่างสูงผละออกก่อนที่ฉันจะทันได้รู้สึกตัว ฉันกะพริบตาปริบๆ วางมือทาบบนอกตัวเองโดยอัตโนมัติ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนกลัวว่าจะหลุดออกมา ความร้อนผะผ่าวแผ่ไปทั่วทั้งใบหน้า พนันได้เลยว่าตอนนี้แก้มของฉันต้องแดงแจ๋ยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศแล้วแน่ๆ
โอ๊ยยย ตั้งสติหน่อยสิทอรุ้ง เธอจะมาหวั่นไหวกับผู้ชายแปลกหน้าไม่ได้นะ!!!
“แต่น่าเสียดาย…ที่เธอยังพยายามไม่มากพอ”
“….”
“ทำยังไงดีล่ะ? ฉันยังไม่รู้สึกอยากหัวเราะออกมาเลย” เอไลจาห์ตั้งศอกบนเข่า เขาเท้าคางพร้อมกับเอียงคอมองหน้าฉันด้วยสายตากวนประสาท
“หรือฉันประเมินเธอสูงเกินไปนะ?”
“….”
ฉันเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง คำดูถูกของเขาไม่ได้ทำให้ฉันหน้าชาหรือเจ็บใจหรอก ฉันเคยโดนด่าโดนเหน็บแนมด้วยถ้อยคำเจ็บแสบกว่านี้เป็นร้อยเท่า แค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก แต่ที่ฉันกำลังเครียดมันเป็นเพราะ…ฉันเสียดายเงินต่างหาก
เงินตั้งหนึ่งแสนเชียวนะ เป็นใครจะไม่อยากได้บ้างล่ะ
พรึ่บ
ฉันลุกขึ้นยืน สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก้มลงมองเอไลจาห์เล็กน้อยก่อนจะ…
“ไก่ย่างถูกเผา! ไก่ย่างถูกเผา! มันจะถูกไม้เสียบ วู้ว!! มันจะถูกไม้เสียบ วู้ว!!”
…เต้นเพลงสันทนาการ
อย่าด่าฉันเลย ก็ฉันอับจนหนทางแล้วจริงๆ นี่นา T^T
ฉันมีสกิลการเต้นที่ห่วยแตกมาก แต่มันคือสิ่งที่ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ ตอนที่ฉันมาคัดตัวเป็นนางฟ้าแล้วโดนสั่งให้เต้นนะ ขนาดโจเซฟที่ว่าขรึมๆ ยังแอบหลุดขำเลย เอไลจาห์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทางดุ๊กดิ๊กของฉันเหมือนกันสิ
“เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ!!!”
“….”
“….”
จนจบเพลง…เอไลจาห์ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับปาก
อะไรอ่ะ ไม่ตลกเลยเหรอ!?
“เธอเต้นน่ารักดี”
“….”
น่ารักตรงไหน น่าเกลียดจะตายชัก!
ฉันบ่นในใจก่อนจะหันไปกดเปิดทีวี ฉันไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก ฉันจะเต้นจนกว่าเขาจะหัวเราะเลยคอยดู!
ตึก ตึก ตึก
นี่คือเสียงของเคอร์เซอร์ที่กำลังไล่ไปตามเพลงต่างๆ ฉันพยายามหาเพลงที่เต้นแล้วอีกฝ่ายจะไม่ชมว่าน่ารัก ซึ่งมันก็ต้องเป็นเพลงที่เต้นยากชนิดที่ว่าแค่ฉันขยับขาก็ผิดจังหวะแล้ว
อืมมมม…
…เพลงนี้ก็แล้วกัน
ติ๊ด
พอเพลงเริ่มบรรเลง ฉันก็ออกสเต็ปแดนซ์ทันที เพลงที่ฉันเลือกเป็นเพลงที่มีเนื้อหาและทำนองเซ็กซี่ ซึ่งมันไม่ใช่แนวฉัน และฉันก็เป็นคนที่เต้นเซ็กซี่ได้ทุเรศทุรังสุดๆ ถ้าเขาไม่หัวเราะก็ให้มันรู้ไปสิ!
“….”
เฮ้ย ฉันว่าฉันเห็นมุมปากของเอไลจาห์ยกขึ้นนิดหนึ่งนะ แสดงว่าการเต้นของฉันได้ผลใช่มั้ย!?
ดีล่ะ แบบนี้ต้องลงไปทเวิร์คสักหน่อยแล้ว
ตึก
ฉันคุกเข่าคลานสี่ขา กำลังเตรียมตัวจะทเวิร์ค แต่…
แป๊ด
…ฉันดันตดออกมาเสียก่อน
“….”
“….”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศมาคุ หากไม่มีเสียงเพลงที่เปิดคลออยู่มันก็ไม่ต่างอะไรจากห้องสุญญากาศเลย ฉันมองหน้าเอไลจาห์ เอไลจาห์มองหน้าฉัน เราต่างมองหน้ากันและกัน แต่กลับไม่มีใครพูดอะไร ฉันยังคงอยู่ในท่าเดิม ตัวแข็งเกร็งเหมือนสัตว์ถูกสตาฟ และสุดท้ายความอึดอัดก็ทำให้ฉันทนไม่ไหว หลับหูหลับตาแล้วพูดออกไปเสียงอ้อมแอ้ม
“…ตดเสียงดังมันไม่มีกลิ่นเหม็นนะคะ”
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“….”
“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ยะ อย่าหัวเราะสิคะ” เสียงหัวเราะของเอไลจาห์ทำให้ฉันหน้าร้อนฉ่า นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้
“ทำไมล่ะ? ภารกิจของเธอคือทำให้ฉันหัวเราะนี่นา ฉันก็หัวเราะแล้วนี่ไง เธอควรดีใจสิ”
“แต่หนูอาย…” ฉันก้มหน้างุด
“มานั่งนี่มา” เอไลจาห์ตบเบาะข้างๆ เป็นเชิงสั่ง ฉันจึงเดินไปนั่งลงแต่โดยดี
“นี่คือเงินรางวัลของเธอ”
“…คุณให้หนูจริงๆ เหรอคะ?” ฉันมองเช็คตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเอง บนกระดาษแผ่นเล็กแผ่นนั้นเขียนตัวเลข 100,000 อย่างชัดเจน
“จริงสิ ฉันไม่ใช่คนขี้โกหกเหมือนเธอนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมก่อนจะรับเช็คมาถือไว้ “เอ่อ…ขอโทษที่ทำให้เสียบรรยากาศนะคะ”
“จะขอโทษทำไม? ตอนนี้ฉันมีความสุขดี” เอไลห์พูดยิ้มๆ ใช้นิ้วเรียวม้วนปลายผมหยักศกของฉันก่อนจะพูดต่อ “ทำไมเธอถึงใส่เครื่องแบบบาร์เทนเดอร์ล่ะ?”
“หนูไม่มีลูกค้าก็เลยอยากช่วยงานอย่างอื่นที่ผับแทนน่ะค่ะ” บอกตามตรงว่าประโยคที่ตอบออกไปไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองจากสมองเลยสักนิด เพียงแค่ได้สบตากับเอไลจาห์ ความคิดของฉันก็ลอยออกไปไกลแสนไกล ราวกับว่าดวงตาสีรัตติกาลของคนตรงหน้ากำลังสะกดจิตฉันอยู่ไม่มีผิด
“แล้วทำไมถึงไม่มีลูกค้าล่ะ?”
นี่คือเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่ควรจะถลำลึกลงไป แต่ว่า…ฉันไม่สามารถต้านทานเอไลจาห์ได้จริงๆ
“เมื่อประมาณสองปีที่แล้วหนูมีปัญหากับลูกค้านิดหน่อยน่ะค่ะ หนูทำให้เขาไม่พอใจ เขาก็เลยใส่ร้ายหนูให้ลูกค้าคนอื่นฟัง”
“เธอทำให้เขาไม่พอใจเรื่องอะไร?”
“เขาหาว่าหนูเรียกเงินแพงเกินไป ทั้งๆ ที่มันอยู่นอกเหนือจากเมนูของร้านและหนูสามารถเรียกเงินเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าเขาไม่อยากจ่าย เขาก็แค่ไปหานางฟ้าคนอื่น แต่เขาไม่ยอมจบจนมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ หนู…”
ฉันสามารถหยุดตัวเองได้ทันก่อนที่จะพล่ามทุกสิ่งทุกอย่างออกไป ความจริงเรื่องมันมีมากกว่านั้น แต่เอไลจาห์ไม่ควรรู้ เพราะยังไงซะเราสองคนก็เป็นแค่คนแปลกหน้ากัน พอผ่านค่ำคืนนี้ไป เขาก็สลายหายไปเหมือนควันบุหรี่แล้ว
คนอย่างฉันทำให้เขาประทับใจได้ไม่นานหรอก
“เธอเสนอราคาเขาไปเท่าไหร่?”
“…คุณไม่ต้องทราบหรอกค่ะ”
“แต่ฉันอยากรู้”
“….”
“และเธอต้องบอกฉัน”
บอกไปก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงมันก็ไม่ใช่ความลับอยู่แล้วนี่
“หนึ่งล้านค่ะ”
“แลกกับ?”
“เซ็กส์”
มือที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับผมของฉันหยุดชะงักลง ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะแสงไฟรึเปล่า แต่มีอยู่ครู่หนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าดวงตาสีรัตติกาลฉายแววไม่พอใจ แต่มันก็แค่เศษเสี้ยวของวินาทีเท่านั้น เพราะต่อมาเอไลจาห์ก็กลับมามีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม
อืม ฉันคงมโนไปเองแหละมั้ง
“ตอนนั้นหนูเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ยังไม่มีประสบการณ์ในการเอาใจแขกมากนัก ขนาดนางฟ้าอันดับหนึ่งยังไม่ตั้งราคาสูงขนาดนี้เลย คือหนูเข้าใจค่ะว่ามันอาจจะสูงเกินไปกับแค่คืนเดียว แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของหนูไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมเขาต้องหาว่าหนูหน้าเงินด้วยก็ไม่รู้”
ฉันอธิบายเพิ่มเติมเพื่อทำลายความเงียบ ตอนแรกก็สบตากับคู่สนทนาอยู่หรอก แต่พอถูกจ้องนานๆ เข้าก็ต้องเสมองไปทางอื่นตามสัญชาตญาณจนได้
“เธอตั้งราคาตัวเธอไว้ต่ำไปรึเปล่า?” คำถามของเอไลจาห์ทำให้ฉันขมวดคิ้ว
“ต่ำไปเหรอคะ? นี่สูงที่สุดในผับแล้วนะ”
เขาเป็นคนนอกคนแรกเลยที่พูดกับฉันแบบนี้ ปกติคนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็จะมองว่าฉันเรื่องมากและเห็นแก่เงิน พวกเขาต่างบอกว่าฉันน่ารังเกียจซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกไปจากรำคาญ ฉันไม่เคยอธิบายความจริงเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นคำถามของเอไลจาห์จึงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับฉันมาก มันทำให้ฉันรู้สึก…ไม่รู้สิ…
…รู้สึกดีมั้ง?
หายากนะ คนที่จะเห็นคุณค่าของคนทำงานกลางคืนน่ะ
“ฉันให้เธอได้มากกว่านี้สิบเท่า”
“…หมายความว่ายังไงคะ?”
“ถ้าคืนนี้เธอยอมมีเซ็กส์กับฉัน…ฉันจะให้เงินเธอสิบล้านบาท”
