บท
ตั้งค่า

Chapter 2 เมื่อคู่อริต้องกลายมาเป็นพี่รหัสน้องรหัส

วันเปิดเรียน...

หลังจากปิดเทอมเกือบหกเดือนและฉันก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันเลยไปจัดการขอลาออกเพราะมหาลัยเปิดเทอมแล้ว ซึ่งที่ตั้งของมหาลัยที่ฉันกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นน้องเฟรชชี่อยู่ใจกลางกรุง แต่ร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่ซานเมืองซึ่งไม่สามารถเดินทางไปทำงานพิเศษได้แน่ๆ

ฉันเลยต้องตัดใจลาออกทั้งๆ ที่ยังสนุกกับการทำงานและรู้สึกผูกพันกับพี่ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก

ส่วนมินตราเธอสอบชิงทุนพยาบาลมอเอกชนแถวซานเมืองได้เลยไม่ลาออกทีเพราะที่ทำงานกับที่เรียนไม่ไกลกันมากเลยหาเงินเพื่อเก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็นต่อ แต่เธอก็บอกว่าถ้าเรียนหนักก็คงต้องลาออกเหมือนกัน

ฉันก็ต้องขนของไปอยู่หอเพราะอย่างที่รู้ว่าบ้านอยู่ซานเมืองจะเดินทางไปกลับก็คงไม่ไหวกับรถที่ติดมหาโหดของกรุงเทพมหานคร

“น้ำผึ้งแต่งตัวเสร็จหรือยัง พวกเราจะไปกันแล้วนะ” เสียงเคาะประตูเรียกจากเพื่อนใหม่ของฉัน เธออยู่ห้องตรงข้ามกับฉันมีรูเมทที่มาจากโรงเรียนเดิมหนึ่งคน ส่วนฉันยังหารูเมทมาแชร์ค่าห้องไม่ได้ทีเลยต้องอยู่คนเดียวไปก่อน หอพักที่ฉันอยู่เป็นหอพักในมหาลัยเสียเงินค่าหอเป็นเทอม ที่ฉันเลือกอยู่หอในเพราะว่ามันเดินทางสะดวกและเด็กปีหนึ่งต้องมีกิจกรรมรับน้องต่างๆ เยอะแยะทำให้กลับดึกเป็นประจำพ่อของฉันท่านเลยเป็นห่วง เลยให้พักหอในซึ่งเป็นหอหญิง

“โอเคๆ เสร็จแล้วจ้าหนุงหนิง” ฉันยิ้มให้เพื่อนใหม่ที่บังเอิญเรียนวิศวะเหมือนกันแต่คนล่ะสาขา

“ว้าว!ทำไมแกสวยจนพวกเราอิจฉาเลยนะเนี้ย ผู้หญิงอะไรไม่แต่งหน้าก็สวยมาก หนิงว่ายังไงตำแหน่งดาววิศวะปีนี้ก็ต้องเป็นของน้ำผึ้งแน่ๆ สวยขนาดที่ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ ยังชอบ” หนุงหนิงเล่นชมจนฉันรู้สึกเขินอายพูดไม่ออกกันเลย อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้นคะเพื่อน

“พูดเกินไปไม่ขนาดนั้นหรอก แกก็รู้ว่ามอเราเป็นมอชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศยังไงก็ต้องมีดาวจากโรงเรียนต่างๆ เข้ามาเรียนที่นี่ เดี๋ยวไปเจอคนอื่นแกจะเห็นว่าฉันหน้าตาธรรมดามากเถอะ” ฉันยิ้มแกรมหัวเราะให้กับเพื่อนใหม่ที่เธอดูจะพูดยกยอตัวฉันเกินไป

“จ๊ะ!แม่คนถ่อมตัวเนอะแก้มใส” หนุงหนิงพยักหน้าหาแนวร่วมเมื่อค้านจะเถียงกับฉัน

“แต่น้ำผึ้งก็สวยจริงๆนะ แก้มยังอิจฉาเหมือนกัน” เพื่อนใหม่อีกคนพูดยิ้มๆ ให้ฉัน

“รีบไปเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันแล้วพวกเราจะถูกลงโทษกันนะแก” ฉันฉุดแขนเพื่อนใหม่ทั้งสองให้รีบวิ่งจากชั้นสามลงไปใต้หอ เพื่อไปรอนั่งรถไฟฟ้าของมอไปยังคณะวิศวะ

ณ.ลานเกียร์

“กว่าจะมาถึงทำไมรู้สึกว่ามันไกลจังเลย...” มือบอบบางปาดเหงื่อที่ผุดออกมาจากไรผม แววตาสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้จะพูดเหมือนไม่ชอบใจ แต่พอมองเห็นกิจกรรมรับน้องที่แสนจะครึกครื้นของคณะกับเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา

“ใจเย็นแก กลุ่มนั้นมันรุ่นพี่ไม่ใช้เด็กปีหนึ่งไม่ต้องทำท่าจะกระโจมเข้าไปร่วมสนุกกับรุ่นพี่นะแก” ฉันมองมือหนุงหนิงที่จับแขนของฉันเอาไว้แน่น อะไรกันยัยนี่ฉันก็แค่อยากจะเข้าไปทำความรู้จักกับรุ่นพี่เอาไว้เสยๆ

“กรุณาอย่าทำตัวเด่นตั้งแต่วันแรกเลยนะแก มันไม่ดีเดี๋ยวจะโดนรุ่นพี่เขม้นเอานะน้ำผึ้ง” หนุงหนิงกระซิบเสียงเบาเมื่อเอ่ยประโยคนั้นขึ้นมา

“เฮ้ยก็ได้ งั้นไปนั่งกับกลุ่มนั้นก็ได้แก” ฉันทำหน้าเซ็งเมื่อโดนเพื่อนใหม่ที่เหมือนรู้จักกันมาชักสิบปีเพราะเธอจะเบรกทุกเรื่องที่ฉันคิดจะทำอะไรแผงๆ

“ดีมากจ๊ะคนสวย เลิกมองตามตาละห้อยแล้วไปนั่งตรงนั้นไป๊” หนุงหนิงดันหลังให้ฉันก้าวเดินไปข้างหลังแต่สายตาของฉันก็ยังมองพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นที่ทั้งกำลัง ตีกลอง ร้องเพลง เต้นกันอย่าครึกครื้น อย่างแสนจะเสียดายตอนเรียนอยู่มอหกฉันจัดว่าเป็นเจ้าแม่กิจกรรมของโรงเรียนเป็นทั้งเชียร์หรีดเดอร์ทั้งพี่สันทนาการ แล้วดูตอนนี้สิทำได้เพียงมองพี่ๆ สนุกและเดินตามเพื่อนสาวที่ดูเรียบร้อยมาก..เลิกคบยัยนี่ดีไหม

“แกแอบด่าฉันอยู่ในใจใช่ไหมน้ำผึ้ง”

“ปะเปล่าแกอ่ะคิดมาก…” ยัยเพื่อนใหม่นี่ชักจะน่ากลัวไปแล้วยังจะมาอ่านใจของฉันออกอีกนะ

“แววตาของแกหนะมันฟ้อง” หนุงหนิงผลักหัวฉันอย่างหมั่นไส้

“แฮะๆ” ฉันหัวเราะแห้งๆ หมดคำจะแก้ตัวกับเธอเพราะมันคือเรื่องจริง

“น้องๆเข้าแถวตามสาขานะครับ เดี๋ยวเราจะเริ่มทำกิจกรรมรับน้องกันแล้ว!!!” เสียงพี่ว้ากตะโกนสั่ง

“เจอกันตอนเย็นนะแก” ฉันโบกมือลาหนุงหนิงเพราะว่าเราสองคนเรียนคนละสาขากันจำเป็นต้องแยกไปคนละแถว

“ได้ๆไลน์มานะ” ฉันยิ้มบางๆพยักหน้าให้เธอแล้วหันหลังเดินไปหาแถวของตัวเองแต่…

“โอ๊ยเจ็บ!” ฉันกำลังหมุนตัวหันหลังกำลังเงยหน้าขึ้นมองหาแถวของสาขาเครื่องกลแต่ชนเข้ากับกำแพงแข็งๆ อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มือบางลูบๆ คลำๆ กำแพงหนาหลับตาด้วยความอายต่อสายตาของเพื่อนๆ ที่กำลังวุ่นวายกันต่อแถว

“อืมใจเย็นที่นี่มันลานเกียร์ไม่ใช่ที่ลับตาคนยัยหื่น…” เสียงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูพอให้ได้ยิน อ้าวเฮ้ยกำแพงพูดได้ผะผีหลอกแกแล้วน้ำผึ้ง ผีหลอกกลางวันแสกๆ เลยเหรอมะมารับน้องวันแรกแกก็โดนดีชะแล้ว

“อย่ามาหลอกมาหลอนหนูเลยนะคะคุณผี! เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปใส่บาตรให้แต่เช้าสัญญาเลย ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะคะ” ฉันยังคงหลับตา ยกมือขึ้นไหว้กำแพงพูดได้ ตัวเริ่มสั่นเทาปกติไม่ใช้คนกลัวผี แต่ถ้ามาเจอตัวเป็นๆ กลางวันขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะ

“นี่น้องครับ กรุณาลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองผม” น้ำเสียงดุๆ ที่ฟังดูเหมือนฉันเคยได้ยินน้ำเสียงนี้แบบมาก่อนตะคอกเสียงดันจนสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมองคนที่ฉันคิดเองเออเองว่ามันคือกำแพง มองเห็นเสื้อสีน้ำเงินเข้มบนหน้าอกมีตราของมหาลัยปักอยู่บนอกด้านซ้าย ตัวของฉันสูงเพียงหน้าอกของเขา พอละสายตาจากเสื้อช็อป ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองใบหน้าของเจ้าของน้ำเสียงดุๆ แลดูโหดช็อกรอบสองเพราะเขาคือ...

“คุณ!”

"เธอ!"

สองเสียงประสานกันโดยไม่ต้องนัดหมาย สายตาทั้งสองคู่มองกันและกันด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญโคจรมาพบกันอีกหลังจากที่ทะเลาะกันเมื่อหลายเดือนก่อน

“อ้าวคิง! ทำอะไรกันอยู่ทำไมไม่ให้น้องคนนั้นไปนั่งต่อแถวตัวเอง” พี่ว้ากตะโกนถามเขาในตอนนี้ก็คงมีแต่ฉันคนเดียวที่เป็นเด็กปีหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่กลางลานเกียร์ทั้งที่เพื่อนร่วมรุ่นต่างพากันนั่งลงเป็นแถวหมดแล้ว

“อ่อคือว่ายัยนี่ปวดขี้!อยากเข้าห้องน้ำน่ะครับพี่เปรม” ไอ้บ้านี่เล่นตะโกนเสียงดังลั่นลานเกียร์ว่าฉันปวดขี้!ต่อสายตานับพันคู่ที่มองมายังฉันเลยเหรอ ฉันมองเขาด้วยความแค้นจนอยากจะฉีกร่างออกมาเป็นชิ้นๆ ให้มันแหลกคามือ

“ฮ่าๆ โอเคพี่อนุญาตให้น้องไปเข้าห้องน้ำได้ พี่จำหน้าน้องคนสวยได้รีบไปรีบกลับมานะครับ” พี่ว้ากตะโกนอนุญาตให้ฉันไปเข้าห้องน้ำ มันคงไม่ใช่แค่พี่ว้ากหรอกที่จำหน้าหนูได้คนทั้งรุ่นก็คงจำได้ว่าฉันปวดขี้กลางลานเกียร์วันรับน้อง ไอ้หน้าโจรป่าฉันจะต้องเอาคืนแกให้ได้ในสักวัน คนแบบน้ำผึ้งแค้นนี้ต้องชำระให้สาสม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel