9
“คบกันนานหรือยังคะ” วดียิงคำถามต่อ
“ครบรอบสองปีเมื่อวานครับ” มักซิมิเลียนแกล้งบอก
“ถึงว่า...เมื่อวานนายไม่เข้าประชุมเพราะแอบไปฉลองกับ คุณม่านมานี่เอง” คิมหันต์ที่ทราบข่าวมาจากอีธาน จึงเอ่ยสมทบตามทันใด
“ก็ฉลองทุกปีแหละ แต่ปีนี้พิเศษหน่อย น้องม่านเรียนจบพอดี” มักซิมิเลียนบอกพลางส่งสายตาสื่อความหมายไปให้สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แหม...แบบนี้จะแต่งเลยไหมครับ” คิมหันต์เอ่ยถามทีเล่นทีจริง
“ก็อาจจะ อยู่ที่ว่าน้องม่านพร้อมหรือเปล่า” มักซิมิเลียนโยนไปให้สาวเจ้าตอบ
“ยังไม่พร้อมค่ะ รอรับใบปริญญาเสร็จก่อนนะคะ” ม่านรดา ฉีกยิ้มอย่างรู้สึกกระอักกระอวนใจอย่างบอกไม่ถูก
“เฮ้อ...นี่พี่ต้องรอไปอีกปีเหรอเนี่ย?” มักซิมิเลียนบอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ ประหนึ่งนักแสดงมืออาชีพก็ไม่ปาน
“อายุต่างกันขนาดนี้จะไหวเหรอคะ” วดีที่ทนมองทนฟังต่อไปไม่ไหว เอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ไหวสิครับ น้องม่านเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมคบด้วยนานที่สุด เวลาอยู่ด้วยกัน มันเหมือนโลกทั้งใบของผมหยุดหมุนไปเลย” มักซิมิเลียนเอ่ยพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้คนรักหลอกๆ
“ฟังดูเหมือนกับจำมาจากในหนังเลยค่ะ” วดียกยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ อย่างไม่ปักใจเชื่อ
“ผมกลั่นออกมาจากใจครับ” มักซิมิเลียนเอ่ยยืนยันความรู้สึกของตัวเอง
“ปกติคุณไม่ใช่คนพูดจาอะไรแบบนี้นี่คะ วันนี้ทำไมดูแปลกๆจัง” วดีจับสังเกตชายที่เธอแอบหลงรัก
“ก็ปกตินี่คะ ตอนอยู่กับม่านพี่เมสซี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด น่ารัก แล้วก็เทคแคร์ม่านทุกอย่างเลยค่ะ” ม่านรดาเอ่ยแก้หน้าให้เจ้านายมาดดุด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“คือปกตินายจะเป็นประเภทเย็นชา ถามคำตอบคำ แต่ก็นั่นแหละครับ เวลาที่เราได้อยู่กับคนรัก เราก็อาจจะเป็นใครอีกคนได้เสมอ” คิมหันต์ออกความเห็น
“เบียร์สักหน่อยไหม?” มักซิมิเลียนฉีกยิ้มอย่างชอบใจที่ทั้งลูกน้องคนสนิทและเลขาส่วนตัวให้ความร่วมมือดีเว่อร์
“ครับนาย” คิมหันต์บอกก่อนจะลุกจากเก้าอี้อย่างรู้งาน
“คุณวดีจะเอาด้วยไหมครับ” มักซิมิเลียนหันไปถามแขกสาว ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะลุกขึ้นมาฆ่าใครตายยังไงอย่างงั้น
“ค่ะ” วดีขานรับก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างรู้สึกขุ่นเคืองใจ หึ! ก็แค่เด็กกว่าเธอ นอกนั้นก็ไม่เห็นจะมีดีตรงไหน ตัวก็เตี้ยกว่า หน้าอกก็เล็กกว่า บั้นท้ายก็เล็กกว่า แถมดูจากการแต่งตัวแล้ว ฐานะทางบ้านก็น่าจะจน แล้วทำไมมักซิมิเลียนถึงเลือกคบหาอีกฝ่ายมากกว่าเธอที่มีพร้อมในทุกๆ อย่าง
“เดี๋ยวผมบริการเองครับ” คิมหันต์ขันอาสาก่อนจะเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มของผู้เป็นนาย
“ขอบใจ” มักซิมิเลียนบอกยิ้มๆ
“เอ่อ...คุณม่านจะรับด้วยไหมครับ” คิมหันต์หันไปถามนางฟ้าคนสวยของเจ้านาย
“ไม่ค่ะ” ม่านรดาส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ
“รับสิ ดื่มกับพี่กลัวอะไรครับ พี่ดูแลเอง” มักซิมิเลียนบอกก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่แก้มนวลเบาๆ
“กะ...ก็ได้ค่ะ” ม่านรดาก้มหน้าลงอย่างรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้ากับการกระทำของคนรักปลอมๆ
“เรียนเป็นไงบ้างคะ” วดีถามก่อนจะรับแก้วเบียร์ที่คิมหันต์ส่งมาให้ขึ้นดื่ม
“ดีครับ น้องม่านเรียนเก่ง ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจาก มหาลัยดัง ผมล่ะปลื้มใจสุดๆ เลย” มักซิมิเลียนหันไปส่งยิ้มให้สาวเจ้า
“โอ้โห...สุดยอดเลยครับคุณม่าน” คิมหันต์บอกพร้อมกับส่งแก้วเบียร์ที่รินเสร็จไปให้อย่างชื่นชม
“วดีเคยเห็นพวกที่เรียนเก่งๆ แต่พอจบมาแล้วไม่ได้เรื่องก็มีค่ะ” วดีเอ่ยขัดขึ้นและมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดๆ
“จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนรักจะต้องเพอร์เฟกต์อะไรหรอกครับ แค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เท่านี้ก็พอแล้ว” มักซิมิเลียนเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ถ้าพ่อเลี้ยงอยากได้คุณสมบัติแค่นั้น ทำไมถึงไม่มองมาที่วดีบ้างคะ?” วดีลุกขึ้นยืนโวยวายเสียงดังอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ เพราะทุกๆ ครั้งเธอก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากจะเป็นภรรยาของเขาจนตัวสั่น แต่เขากลับทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งดีๆ ที่เธอมีให้
“... / ...” ม่านรดากับคิมหันต์ได้ฟังถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ผมมองแล้วครับ และคิดกับคุณวดีแค่เพื่อนเท่านั้นไม่ว่าจะตอนนี้หรือที่ผ่านมาความรู้สึกผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” มักซิมิเลียนบอกช้าๆ ชัดๆ อย่างใจเย็น เพราะต้องการให้หญิงสาวซึมซับทุกๆ คำพูดของตน
วดีได้ฟังก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับศัตรูหัวใจที่นั่งทำหน้าเหวออยู่อย่างโมโห “ฮึก...แกรู้ไว้เลย อีกหน่อยเขาก็จะเขี่ยแกทิ้งเหมือนกับผู้หญิงคนก่อนๆ ที่เขาเบื่อ”
หญิงสาวเอ่ยจบ ก็ยกมือปาดน้ำตาทิ้ง คว้ากระเป๋าถือของตนเองลุกเดินออกจากบ้านตรงไปยังรถที่จอดอยู่ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
บรื้น...
“เอ่อ...ไม่ตามไปดูหน่อยเหรอคะ?” ม่านรดาบอกอย่างใจคอไม่ดี แม้หญิงสาวจะมองตนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“ช่างเถอะครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายปฏิเสธคุณวดี” คิมหันต์บอกก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับส่งแก้วเบียร์ไปให้กับผู้เป็นนาย
“มีก่อนหน้านี้อีกเหรอคะ” ม่านรดาถามอย่างรู้สึกช็อคนิดๆ
“มีครับ ประมาณสามหรือสี่ครั้งไม่แน่ใจ แต่ก็นับถือในความพยายามของคุณวดีนะครับ ยิ่งโดนตอกย้ำ ยิ่งโดนปฏิเสธเท่าไหร่ ก็ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นเมียนายให้ได้” คิมหันต์บอกพลางถอนหายใจ เพราะตนเคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนสองครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว ส่วนอีกสองครั้งนั้นอีธานเล่าให้ฟัง
“อย่าไปใส่ใจเลยครับ ทานต่อเถอะ” มักซิมิเลียนบอกก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ราวกับต้องการจะให้มันชะล้างเรื่องราวที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้ให้ผ่านพ้นไปไวๆ
“เอ่อ...นายได้ชิมอาหารที่คุณวดีทำไปหรือยังครับ” คิมหันต์ถามอย่างเพิ่งจะนึกขึ้นได้
“ทำไมเหรอ?” มักซิมิเลียนขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“อ้าว! ผมนึกว่านายรู้เรื่องของไอ้สันแล้วซะอีก” คิมหันต์บอกอย่างตกใจ ที่ตนลืมอัปเดตเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นกับคนงานให้ฟัง
“เรื่องอะไร?” มักซิมิเลียนเอ่ยเร่งอย่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ก็ครั้งก่อนคุณวดีเอาอาหารมาให้ แล้วนายไม่ได้ทานเพราะมีงานด่วน ป้าสาแกเลยเอาให้ไอ้สันแทนครับ” คิมหันต์เล่าด้วยสีหน้าตื่นๆ พลางเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังจ้องมองมายังตน
“แล้วไง?” มักซิมิเลียนถามต่ออย่างหงุดหงิดใจ ที่คนสนิทไม่ยอมเล่าให้จบๆ
“ไอ้สันมันบอกว่าคุณวดีใส่ยาปลุกเซ็กซ์มาในอาหารครับ” คิมหันต์รีบรายงาน
“ตายจริง! มีแบบนี้ด้วยเหรอคะ แล้วมียาแก้ไหม” ม่านรดาถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีหญิงสาวคนไหนกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้
“ไม่มีหรอกครับ หรือต่อให้มีก็อาจจะแก้ไม่ทัน ต้องใช้วิธีธรรมชาติครับ” คิมหันต์บอกตามตรง
“ยังไงคะ?” ม่านรดารอฟังอย่างตั้งใจ
“เอ่อ...ก็มีเซ็กซ์ไปเลยหรือไม่ก็ช่วยตัวเองครับ ในกรณีของไอ้สันถือว่าโชคดีเพราะมันมีเมียครับคุณม่าน” คิมหันต์บอกก่อนจะยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นดื่ม ในขณะที่ผู้เป็นนายนั้นเอาแต่นิ่งเงียบ ราวกับคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
