2
MEEN PART
ในระหว่างที่ฉันกำลังทำอาคารอยู่ในครัว เหมือนฉันจะได้ยินรถของคุณพ่อคุณแม่นะ สงสัยท่านจะมาจากกาสิโนแล้วสิ เห้อ จะเรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้สินะ ตั้งแต่น้องดาพูดได้ เธอก็ไม่พอใจที่ฉันเรียกคุณพ่อคุณแม่ของเธอ ตั้งแต่ตอนนั้นคุณพ่อก็สั่งให้ฉันห้ามเรียกว่าคุณพ่อคุณแม่อีก ให้ฉันเรียกว่าคุณท่านแทน
“นังมีน แกอยู่ที่ไหน เอาน้ำมาให้ฉันหน่อย” เสียงเรียกของคุณหญิงดวงตาทำให้ฉันหลุดจากการคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“ค่ะ คุณหญิง” ฉันตอบกลับไปแล้วรีบตามเอาน้ำไปให้คุณพ่อคุณแม่ที่ห้องนั่งเล่นทันที
“นั่งสิ” คุณพ่อบอกฉัน
“คะ? ค่ะ ค่ะ” ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่คุณพ่อท่านพูดกับฉันแล้วยังชวนฉันนั่งอีก ปกติท่านจะไม่ค่อยพูดคุยกับฉันเท่าไหร่ ตั้งแต่คุณแม่เสียก็นับประโยคที่คุณพ่อพูดกับฉันได้เลย
“คุณท่านกับคุณหญิงมีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปเพราะจากสีหน้าของท่านทั้งสองแล้วเหมือนมีเรื่องบางอย่างจะบอกฉัน
“คือฉันกับคุณพี่” คุณแม่ท่านพูดก่อนจะมองหน้าคุณพ่อเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“เธอรู้ใช่ไหมว่าพวกเราติดหนี้กันอยู่ บริษัทเองก็ไปได้ไม่ค่อยดี”
“ค่ะ ทราบค่ะ” ฉันตอบกลับคุณแม่ออกไป ฉันก็พอรู้มาบ้างว่า บริษัทกำลังจะล้มละลาย คุณพ่อคุณแม่ ก็ยังติดการพนันจนเป็นหนี้กาสิโนอีก แต่เอ๊ะ ท่านจะมาถามฉันทำไม ฉันก็ได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้จนคุณแม่ท่านพูดต่อ
“ฉันอยากให้เธอไปทำงานอยู่กับคุณคิณ เจ้าหนี้ของเราจนกว่าพวกฉันจะใช้หนี้เสร็จ เธอก็จะได้รับอิสระจากคุณคิณ และสิทธิ์ที่จะออกจากบ้านหลังนี้เพื่อไปตั้งหลักใหม่หากเธอต้องการ หรือเธอจะกลับมาอยู่ที่นี้ต่อก็ได้ฉันไม่ได้ว่าอะไร” คุณแม่พูดออกมาอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่ฉันน่ะสิ ไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะทำได้ถึงขนาดนี้ ถึงฉันจะรู้ว่าท่านไม่ค่อยชอบหน้าฉัน แต่ก็ไม่คิดว่าท่านเกลียดฉันมากจนถึงกับต้องเอาฉันไปใช้หนี้แบบนี้ คิดแล้วน้ำตาก็พานจะไหล น้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตัวเองนัก
“ไม่จริงใช่ไหมคะคุณท่าน” ฉันหันไม่ถามคุณพ่อ อย่างน้อยท่านหน้าจะเห็นใจในความเป็นพ่อลูกกันบ้าง
“ใช่ แค่นี้แกจะตอบแทนบุญคุณฉันกับคุณหญิงไม่ได้หรือไง เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กจนโตมาป่านนี้ ทำแค่นี้ให้ฉันไม่ได้หรือไงห้ะ” คุณพ่อพูดด้วยอารมณ์โมโห เห็นอย่างนี้แล้วน้ำตาที่ฉันพยายามจะกลั้นไว้ก็ไหลลงมาทันทีอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อไป
“ได้ค่ะ มีนจะยอมไปอยู่กับคุณคิณ จนกว่าคุณท่านกับคุณหญิงจะใช้หนี้เสร็จ” ฉันตอบกลับคุณพ่อออกไป โดยมีคำถามบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
“ก็ดี” คุณพ่อตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งๆ
“งั้นแกก็รีบไปเก็บของ เดี๋ยวฉันจะได้พาแกไปให้คุณคิณ” ให้หรอ
คุณแม่ทำไมถึงพูดเหมือนฉันเป็นข้าวของ ที่จะให้จะขาย จะอะไรยังไงก็ได้
ฉันก็เป็นคน มีชีวิต มีความรู้สึกเหมือนกัน
“ค่ะ” ฉันตอบกลับท่านทั้งสองออกไป แล้วเดินเข้าไปในห้องทันที ตอนนี้จิตใจฉันมันรับไม่ไหวแล้ว มันเจ็บปวดไปหมด คนที่ฉันรักและเทิดทูน กลับยกฉันให้คนอื่นได้อย่างเลือดเย็น ไม่มีความสงสารหรือเห็นใจ เพียงทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
คืนนั้นฉันร้องไห้ทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าฉันก็ลุกขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัว ไปกับคุณแม่คุณพ่อท่าน ซึ่งชีวิตฉันต่อจากนี้
ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าน แต่ถึงยังไงฉันก็จะสู้
“เป็นกำลังให้มีนด้วยนะคะแม่” ฉันหยิบล็อกเก็ตที่แม่ฝากป้าอุ่นไว้ให้พกติดตัวไว้ตลอด ก่อนจะพูดบอกแม่ เสมือนว่าท่านอยู่ใกล้ ไม่เคยห่างไปไหน
MEEN END
“นังมีนแกเสร็จรึยัง” คุณหญิงดวงตาเรียกหาหญิงสาว เพราะมันเริ่มจะสายแล้ว
“เสร็จแล้วค่ะคุณหญิง” เธอรีบตอบออกไป พร้อมกับเดินไปหาคุณหญิง กลัวว่าถ้าหากชักช้าจะถูกดุ
“งั้นไปกันได้แล้ว คุณพี่รออยู่ที่รถแล้ว”
“หนูขอไปลาป้าอุ่นสักแป๊บได้ไหมคะ ถือว่าหนูขอร้องละนะคะ”
“อืม เร็วๆ นักล่ะฉันไม่อยากให้คุณพี่และก็คุณคิณเขารอนาน”
นางดวงตาพูดเพียงเท่านั้นก็เดินตรงไปยังรถทันที ถ้าไม่ติดว่ามันยังมีประโยชน์นางก็ไม่อยากจะเสียเวลามารรออย่างนี้หรอก ส่วนมินตราที่ได้ยินดังนั้นก็พูดตอบรับแล้วเดินไปหาป้าอุ่นของเธอทันที
“ขอบคุณค่ะ”
เธอเดินมาหาป้าอุ่นของเธอที่ครัว เพราะทุกๆ วันป้าอุ่นจะตื่นมาทำกับข้าวโดยมีเธอเป็นลูกมือเสมอ แต่ต่อจากนี้ไปป้าแกคงต้องทำคนเดียว รวมถึงงานบ้านอื่นๆ ด้วย คิดได้ดังนั้นน้ำตาเธอก็พานจะไหลอีกครั้ง ที่ทิ้งให้คนแก่ทำงานคนเดียว ชีวิตเธอหากมีทางเลือกมากกว่านี้เธอคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ หาโอกาสให้ตัวเองได้เรียนจบปริญญาตรีได้แล้วแท้ๆ แทนที่จะได้ทำงานหาเงินช่วยคุณพ่อ เธอก็ทำเพียงแค่เป็นคนรับใช้ที่บ้าน แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ ชะตาชีวิตของเธอมันก็แบบนี้ จะไปหวังทางเลือกมากมายก็คงไม่ได้ ก็ได้แต่ภาวนาในคุณพ่อคุณแม่หาเงินมาคืนได้เร็วๆ
“อ้าวคุณหนู มาค่ะวันนี้ป้าทำต้มยำกุ้งของโปรดของคุณหนูเลยนะคะ” เสียงของป้าอุ่นทำให้หญิงสาวหลุดจากความคิด
“คะ.. ค่ะ ป้าอุ่นวันนี้มีนคงไม่ได้อยู่ทาน มีนต้องไปแล้ว” พูดเสร็จเธอก็เดินไปกอดกับป้าอุ่นของเธอทันที ป้าอุ่นเปรียบเสมือนแม่ของเธอคนนึง ป้าคอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจปลอบเวลาเธอเสียใจเสมอ
“หืม ไปไหนหรอคะ คุณหนูของป้า” คนแก่แปลกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ
ก็เห็นคุณหนูของเธอร้องไห้แบบนี้
“มีนต้องไปอยู่กับคุณคิณ เจ้าหนี้ของคุณพ่อน่ะค่ะ เพื่อรอจนกว่าคุณท่านกับคุณหญิงจะใช้หนี้เสร็จ” หญิงสาวพูดพร้อมเสียงสะอื้น
“โถ คุณหนูของป้า” เธอสงสารคุณหนูของเธอเหลือเกิน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรหนักหนา มีพ่อ พ่อก็ทำเหมือนไม่ใช่ลูก เมินเฉยไม่พูดไม่จาด้วย ซ้ำยังถูกแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงอย่างคุณดวงตา คุณดากลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยคิดจะสู้ เพราะหากสู้ก็จะต้องถูกพ่อทำโทษอยู่เสมอทั้งที่รู้ว่าคุณหนูของเธอไม่ได้เป็นคนผิด ทำไปก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าหากไม่ได้รักแล้วทำอย่างไรมันก็ผิดอยู่นี้นั่นแหละ เคราะห์ซ้ำกำซัดยังต้องไปขัดดอกให้คุณๆ อีก
เธอเชื่อว่าสักวันฟ้าจะเข้าข้างคุณหนูของเธอเพราะคุณหนูของเธอนั้นเป็นคนดี
“ดูแลตัวเองดีๆ นะคะคุณหนู ป้ารักและเป็นห่วงคุณหนูเสมอนะคะ” เธอก็พูดได้เพียงเท่านี้ ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้ เธอก็แค่คนแก่ๆ คนหนึ่ง จะมีสิทธิ์มีเสียงทำอะไรได้
“ค่ะป้าอุ่น มีนจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แล้วมีนจะกลับมาหาป้าอย่างปลอดภัยนะคะ”
จากนั้นหญิงสาวก็กล่าวล่ำลาป้าอุ่นของเธออีกเล็กน้อย ก็เดินไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่รถ
“กว่าจะมาชักช้า” คุณดวงตาพูดออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวนั้นมาถึง
“ขอโทษค่ะ”
“หยุดร้องได้แล้ว คุณคิณเขาคงจะไม่ชอบเห็นน้ำตาเธอหรอกนะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่เธอจึงกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงตำหนิอีกครั้ง
“ค่ะ”
จากนั้นรถก็เคลื่อนจากตัวบ้านไปยังที่หมายทันที
ระหว่างทางเธอก็ได้แต่คิดว่าต่อจากนี้ชีวิตเธอจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง คุณคิณที่เธอต้องทำงานด้วยเขาจะเป็นยังไง เขาคงมีอายุพอสมควร จะใจร้ายกับเธอเหมือนที่เธอต้องเจออยู่ทุกวันรึเปล่า คงจะไม่เป็นเสี่ยตัณหากลับหรอกใช่ไหม เธอหวังให้เขาใจดีกับเธอมันจะเป็นไปได้บ้างรึเปล่า
เธอเหนื่อยแล้วที่จะต่องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่มักถาโถมเข้าหาเธอดั่งมรสุมชีวิตไม่จบไม่สิ้นเสียที จนเธออคิดไม่ได้ว่าชาติที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชีวิตเธอถึงได้อาภัพอย่างนี้
“ใกล้จะถึงแล้ว เธอพร้อมแล้วใช่ไหม” คุณหญิงดวงตาเอ่ยบอกหญิงสาวเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว
“ค่ะ คุณหญิง” เธอตอบออกไป ความจริงเธอไม่เคยพร้อมหรือทำใจได้แม้แต่ครั้งเดียว
“ที่นี่มันกาสิโนนี่คะ หรือ หรือคุณท่านกับคุณหญิงจะพาหนูมาขายหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย ความที่เธอไม่รู้อะไรมากเธอเพียงคิดว่าจะพาเธอไปบ้านของคุณคิณเท่านั้น เธอจึงมีอาการตกใจเล็กน้อยกับสถานที่ที่พึ่งมาถึง
“จะบ้าหรอ ฉันก็คนนะไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก” คุณดวงตาพูดบอก แต่มันก็เข้าข่ายอยู่หรอกนะฮาๆ ประโยคหลังเธอเพียงคิดในใจ
“รีบลงจากรถได้แล้ว” คุณภพเมื่อเห็นเวลาล่วงเลยมานานพอสมควรจึงเอ่ยบอก
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างคลายกังวลเล็กน้อย
พอเข้ามาในคาสิโน ก็มีคนของภาคิณเดินนำพวกเขาทั้งสามขึ้นไปที่ห้องที่เขาทำงานอยู่
“ขออนุญาตครับ” เมื่อมาถึงเลขาหน้าห้องก็เอ่ยบอกคนในห้องเพื่อขออนุญาตเข้าไปข้างในทันที
“อืม เข้ามา”
KIN PART
ผมมองดูคนที่เข้ามาใหม่ เธอก้มหน้าแล้วดูกลัวๆ ผมนิดหน่อย ไม่นิดสิดูมากไปด้วยซ้ำ หึ มารยา แสร้งทำล่ะสิ คงทำแบบนี้มานับไม่ถ้วนแล้วสินะ แต่มันใช้กับผมไม่ได้หรอก
“พวกเราพาคนของเรามาส่งให้คุณคิณ ตามที่นัดไว้แล้วครับ”
คงอยากจะให้ผมจนตัวสั่นแล้วสินะ
“ไหนเงยหน้าสิ ก้มๆ แบบนี้แล้วฉันจะเห็นหน้าได้ยังไง” ผมบอกไป เธอก้มหน้าตั้งแต่เดินเข้ามา พอผมบอกเธอก็เริ่มเงยหน้าขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยในระดับนึงเลย ไม่สิถือว่าสวยมาก ให้ตายเถอะพอผมเห็นหน้าเธอผมก็เกิดอารมณ์แล้ว แต่ข้างในคงจะไม่ได้สวยงามเหมือนข้างนอกสินะ ดูแล้วสองสามีภรรยาคู่นี้คงจะทำแบบนี้บ่อย แต่ชั่งเถอะถึงยังไงผมก็รับเธอมาแล้ว ไว้ให้เธอไปเป็นคนรับใช้ที่บ้านก็ไม่เสียหายอะไร เธอคงจะทำได้อยู่หรอกมั้ง
“เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของคุณหญิงดวงตาทำให้ผมหลุดจากความคิด
“อืม ก็ดีแล้วฉันจะให้เธอไปทำงานเป็นคนใช้ที่บ้าน เธอคงทำได้อยู่หรอกใช่ไหม”
“ดะ ได้ ค่ะ” เธอตอบเหมือนกลัวผมจะพาเธอไปทำมิดีมิร้ายงั้นแหละ ผู้หญิงคนนี้ท่าทางจะมารยาเยอะไม่เบา หึ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวนะคะคุณคิณ นังมีนแกก็เชื่อฟังคุณเขาล่ะ” พอพวกนั้นเดินออกไปผมก็หันมาสั่งไอนนท์ทันที
“ไอนนท์แกพาผู้หญิงคนนี้ไปที่บ้าน จัดการหาห้องให้เธอให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปบอกงานกับเธอ” ผมสั่งไอ้นนท์ แล้วหันมาบอกผู้หญิงตรงหน้า จากนั้นผมก็หันมาสนใจงานที่ทำค้างไว้ต่อ
“เชิญครับ คุณมีน”
KIN END
