20
~ซ่า~
“นิ ตื่นได้แล้วจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห๊ะ”
“....” น้ำที่สาดใส่ทำให้ร่างบางที่หลับไปเพราะอ่อนเพลียจากการเดินทางบวกกับการที่เธอท้องอ่อนๆ อยู่ทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงง
“ที่พูดไม่ได้ยินหรือไงห๊ะ” ภาคิณตะคอกเธอไปอย่างเดือดดาล อะไรที่ทำให้เขาโกรธและไม่ชอบเธอขนาดนี้เขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงต้องลงโทษเธอตลอดหนึ่งเดือนที่อยู่ที่นี่เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่โรงพยาบาลครั้งนั้นที่เขาเห็นเธอดูมีความสุขกับผู้ชายคนอื่น เขาถึงได้โกรธจนหน้ามืดตามัวขนาดนี้
“ค คุณคุณ ทำแบบนี้ทำไมคะ” มินตรามองชายหนุ่มด้วยแววตาตัดพ้อปนสงสัยกับการกระทำของเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังดีๆ อยู่เลย แต่ทำไมกัน อะไรที่ทำให้เขากลับกลายเป็นซาตานอีกครั้ง
“หึ ฉันแค่จะลงโทษผู้หญิงร่านๆ แบบเธอ ก็เท่านั้น คิดอยากจะรวยทางลัด ถึงขนาดกับเอาคนรุ่นราวคราวพ่อมาทำผัวเลยหรอห๊ะ”
“ฮึก มีนไม่เข้าใจ คุณคิณหมายถึงอะไรคะ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยเธอคิดว่าเรื่องน่าเกลียด ที่เธอทำไว้ที่โรงพยาบาลฉันไม่เห็นหรือไงห๊ะ หึ ละอีกอย่างนะ น้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอ
ต่อให้เธอร้องไห้จนเป็นสายเลือด ฉันก็ไม่สงสารเธอหรอก มันน่าสมเพชมากกว่า” ภาคิณย่อตัวลงนั่งชันเข่า พร้อมกับกระชากแขนบางมาบีบอย่างรุนแรงแทบจะแหลกคามือเขาเลยก็ว่าได้
“ฮึก คุณคินปล่อยก่อนค่ะ มีนเจ็บ ฮือ”
“เธออยากรู้อะไรไหมมินตรา ทำไมฉันถึงพาเธอมาที่นี่ ทำไมฉันถึงจะปล่อยเธอไปในเวลาอีกแค่หนึ่งเดือน ทั้งที่พ่อกับแม่เธอเป็นหนี้ฉันตั้งมากมาย” เขาลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ห้อง ไม่สิต้องบอกว่ามันเป็นกระท่อมเก่าๆ หลังนึงต่างหาก สภาพที่มันคลอนแคลนหากมีพายุลูกใหญ่เข้ามันก็คงจะปลิวติดไปด้วย
“...” ตอนนี้เขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเจอมา หญิงได้แต่คิดไม่กล้าที่จะสบตาหรือพูดคุยกับร่างหน้าที่เธอไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลย ร่างบางสั่นเทาไปหมด ทั้งจากความหวาดกลัวและจากสภาพร่างกายที่เปียกปอนจากน้ำที่เขาสาดใส่เธอ
“หึ ก็เพราะฉันเกลียดยังไงล่ะ เกลียดผู้หญิงอย่างเธอ เธอมันน่ารังเกียจ รู้อะไรไหมที่ฉันเอากับเธอฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนแค่ไหน จืดชืดก็จืดชืดไม่มีอะไรเร้าใจฉันสักนิด ที่ฉันทนเอากับเธอก็เพราะเงินที่ฉันเสียไปให้พ่อกับแม่เธอยังไงล่ะ ถึงมันจะไม่คุ้มค่าเลยสักนิด และอีกอย่างนะ ฉันอยากให้เธอเจ็บปวด ทรมาน อยากให้เธอตายทั้งเป็น ฉันเกลียดเธอได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดผู้หญิงอย่างเธอ! เกลียดที่เธอเป็นเธอ เกลียดแบบไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น แค่เห็นเธอครั้งแรกฉันก็เกลียดเธอแล้วมินตรา”
“ฮึก...คุณคิณ...” หญิงสาวน้ำตาร่วงทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากหนา เธอเรียกเขาเสียงเบาหวิว เธอไม่คิดว่าเขาจะเกลียดเธอขนาดนี้ แค่เธอเจอกับเขาครั้งแรกเขาก็เกลียดเธอแล้ว ขนาดที่พึ่งเจอกันก็เกลียดเธอจนต้องทำร้ายเธอได้ขนาดนี้ ชีวิตเธอมันชั่งน่าสมเพชอะไรขนาดนี้นะมินตรา เธอได้คิดตลกกับโชคชะตาตัวเองและชีวิตที่ไม่เคยมีอะไรดีเลยของตัวเอง
“ส่วนเวลาที่ฉันบอกเธอว่าอีก 1 เดือนแล้วฉันจะปล่อยเธอไป ก็เพราะฉันอยากจะเห็นเธอทรมานที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ไงละ หึ” เขาเดินมาหาร่างบางอีกแล้วย่อตัวลงอีกครั้งพร้อมกับบีบคางเธอแน่น จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ฮือ ฮึก”
“หึ เธอมันก็แค่ผู้หญิงน่าสมเพชคนนึง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ถ้าฉันปล่อยเธอไปพ่อกับแม่เธอก็คงไม่วาย จะเอาเธอไปถวายพานให้เจ้าหนี้เหมือนกับที่ทำกับฉัน แต่ก็แย่หน่อยนะ ถ้าตอนนั้นมาถึงจริงสภาพของเธอคงไม่มีใครต้องการแล้วล่ะ จะขายจะได้ราคาสักกี่บาทกันเชียว ฉันรู้ว่ามันมีทางเลือกตั้งมากมาย และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธมัน แต่เธอจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเธอมันง่ายไงละ ผู้หญิงอย่างเธอคงจะคันตลอดเวลาสินะ ขนาดอยู่โรงพยาบาลเธอยังไม่เว้น อ่อยไปทั่วหรือจะให้ฉันช่วยสนองให้เอาไหม จะได้รู้ว่าฉันกับไอคนที่โรงพยาบาลใครจะถึงใจกว่ากัน”ภาคิณปล่อยมือออกจากคางของเธอ ซึ่งตอนนี้คางที่สวยได้รูปของเธอเป็นรอยแดงจากการโดนบีบจากคนตัวโต
“ฮึก มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธออยากจะอธิบายบอกเขาเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่โรงพยาบาลและเรื่องทีบ้าน เหตุผลที่เธอไม่สามารถขัดขืนหรือปฏิเสธพ่อกับแม่ได้ หากแต่พูดไปก็เท่านั้น รั้งแต่จะทำให้เขาเกลียดเธอยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วแบบไหนละห๊ะ! เลิกคร่ำครวญได้แล้วฉันรำคาญ!!”
~ปัง~ ว่าเสร็จเขาก็เดินออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮือๆๆๆ” มินตราได้แต่ร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
หากพ้นจากที่นี่แล้วเธอจะไปกราบลาพ่อกับแม่ แล้วจะหนีไปให้ไกลจากทุกๆ คน เธอจะเริ่มต้นใหม่กับลูกน้อยของเธอ ถึงแม้ลูกของเธอจะต้องไม่มีพ่อ เธอก็จะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้เขาเอง เธอไม่อยากที่จะเจ็บปวดอีกแล้ว
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะเสียน้ำตาให้กับผู้ชายอย่างเขา
~ปัง~
ไม่ทันที่เธอจะร้องไห้เสียใจกับชะตาชีวิตเสร็จเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณครับ นี่อุปกรณ์ทำความสะอาด ละก็ข้าวกับเสื้อผ้าครับ
คุณคิณให้เอามาให้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับงั้นผมขอตัวนะครับ”
...
“อดทนไว้นะหนูน้อยของแม่ อีกหนึ่งเดือนเท่านั้นเราจะได้ไปจากคนใจร้ายนี้” หญิงสาวลูบท้องตัวเองแล้วพูดกับลูกน้อยอย่างโยน ไหนๆ เราสองคนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อยู่แล้วสู้รักษาชีวิตตัวเองให้ดีเพื่อรอให้ถึงเวลาที่จะได้ไปจากที่นี่เสียดีกว่า
วันเวลาล่วงเลยผ่านมาจนใกล้วันจะครบกำหนดที่เขาจะปล่อยเธอไป คืนวันผ่านไปอย่างยากนานเหลือเกินในความคิดของเธอ ความเจ็บปวดทางจิตใจในแต่ละวันมันเกินที่ผู้หญิงคนนึงจะรับไหวจริง แต่ก็ไม่น่าเชื่อที่เธอจะผ่านมันมาได้ ดีหน่อยที่เขาทำร้ายเพียงจิตใจของเธอเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธออย่างที่เธอเป็นกังวล มีเพียงการใช้งานเธอเท่านั้นที่ช่วงแรกจะใช้งานเธอหนักจนเธอทำไม่ไหวเป็นลมเป็นแล้งไปอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เขาเป็นอีกเช่นเคยที่ดูแลเธอ พอช่วงหลังมาเขาค่อยๆ ลดงานเธอลง การพูดจาทำร้ายจิตใจก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ว่างจะมายุ่งวุ่นวานกับเธอในช่วงกลางวันเหมือนแต่ก่อนก็เป็นได้ เพราะช่วงนี้เธอเห็นสายโทรศัพท์ของเขาเข้าอยู่บ่อยๆ หลังจากวางสาย สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียด จนบางครั้งเธอก็อดห่วงเขาไม่ได้ จึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเขา ไม่ให้เขาหงุดหงิดยามเห็นหน้าเธอ ไม่ก็มักจะทำอาหารที่เป็นเมนูโปรดให้เขาทาน เป็นการตอบแทนที่ลดความใจร้ายของเธอลง
ที่ที่เขาพาเธอมาอยู่ เป็นเกาะมีทะเลล้อมรอบดูเหมือนจะเป็นเกาะส่วนตัวของเขาเพราะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หากทรายสีขาวใส อาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า น้ำทะเลต้องแสงแปลเปลี่ยนสีสวยงาม หลังจากเตรียมอาหารและทำงานที่เขาสั่งไว้เสร็จ ร่างบางก็ไม่รอช้าดึงกระโปรงตัวสวยที่เจ้าของเกาะจัดหามาให้ รวบมาถือไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายเป็นช่วงเวลาที่เธอมักจะมาเดินเล่นแบบนี้อยู่บ่อยๆ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หากมีเวลาว่าง
ทางด้ายชายหนุ่มที่พึ่งเคลียงานเสร็จก็ออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียง
ถึงเขาจะมาพักผ่อนกับเธอแต่เขาก็มีบริษัทและลูกน้องต้องดูแลถึงจะมีธนนนท์ช่วยดูแล แต่บางเรื่องเขาก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ก่อนสายตาคมจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบอบบาง กับผมยาวสลวยที่ปล่อยพลิ้วไหวไปกับสายลมและเกลียวคลื่น เดินเลียบชายหาดอย่างมีความสุข ชายหนุ่มยืนมองภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวที่เล่นไปกับเกลียวคลื่นอย่างผ่อนคล้ายจนเผลอยิ้มมีความสุขตามไปกับเธอด้วย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูมาบันทึกภาพนี้ไว้ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้
-พรึบ-
“อากาศเริ่มเย็นแล้วคลุมเอาไว้เดี๋ยวไม่สบาย” ชายหนุ่มว่าเสียงเรียบหลังจากถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกคลุมไหล่มนเอาไว้ เธอหันมามองการกระทำของผู้มาใหม่อย่างมึนงง ที่อยู่ๆ เขาก็มาทำดีกับเธอแบบนี้ ใจดวงน้อยอดที่จะเต้นแรงไม่ได้
“ค คุณคิน” อยู่ๆ เขาก็ดึงมือบางของเธอเข้าไปกอบกุมก่อนจะพาเธอเดินเลียบหาดไปเรื่อยๆ หัวใจสองดวงสงบสุข ชายหนุ่มจับจูงมือบางไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร ใจดวงน้อยมัวแต่ซึมซับความอบอุ่นที่เขามอบให้ เธออยากจะหยุดเวลาตรงนี้ไว้เหลือเกิน และก็หวังว่าลูกน้อยจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของพ่อของเขาเช่นกัน เพราะอีกไม่นานเธอต้องไปจากเขาแล้ว ด้านชายหนุ่มเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้พาเธอมาสถานที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขานำอัฐิของพ่อกับแม่มาโปรยทิ้งที่นี่ จากหน้าผาสูง สู่ทะเลกว้างที่สามารถมองวิวเห็นทั้งเกาะ และเป็นที่ที่พ่อกับแม่เขามักจะพาเขามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่อีกด้วย
“ที่นี่เป็นที่ที่พ่อกับแม่พี่ชอบพาพี่มาดูพระอาทิตย์ตกถ้าท่านทั้งสองมีเวลาว่าง เรามักจะมาพักที่เกาะนี้ด้วยกัน” เขานั่งลงกับแผ่นหินก่อนจะดึงเธอมากอดไว้นั่งบนตัก ใบหน้าคมยื่นมาวางไว้ที่ไหล่งาม ก่อนจะเล่าเรื่องราวต่างๆ บอกเธอ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนี้ รู้แค่ว่าเขาอยากจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง เขาเล่าไปถึงตอนไฮสคูลที่ต้องไปเรียนต่างประเทศใช้ชีวิตคนเดียว จนได้เจอกับแก๊งของเพื่อนเขา ที่ต่างก็ไปเรียนที่นั่น ร่างบางบนตักเขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีถึงแม้จะแปลกใจกับการกระทำของเขาอยู่ไม่น้อยก็ตาม
“แล้วมีนล่ะ” ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวในอ้อมกอดบ้าง เขาเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟังแล้ว ตาเธอบ้าง
“ชีวิตมีนไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจ แม่มีนเสียตั้งแต่มีนยังเด็กจากนั้นพ่อก็ไม่ใส่ใจมีนอีกเลย พ่อแต่งงานใหม่...” เธอเล่าไปถึงเรื่องที่เธอเรียนจบ ม.ปลายและก็ดิ้นรนหางานทำเอง เพื่อส่งตัวเองเรียนถึงที่บ้านจะห้ามแต่เธอก็ยังดื้อดึงจนเรียนให้จบหญิงสาวเล่าไปยิ้มไป บางครั้งเธอก็แอบน้ำตาคลอด้วยน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดของเธอมีคนรับฟังมันบ้าง เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวยามเธอเล่าถึงความเจ็บปวดเขาก็กระชับอ้อมกอดของเขาแน่นขึ้น ถ่ายทอดความรู้สึกให้เธอ จนเธอรู้สึกอุ่นใจ เธอเชื่อว่าลูกน้อยของเธอคงสัมผัสถึงมันด้วย
หนุ่มสาวนั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันสักพักจนเมื่อเห็นว่าเริ่มค่ำแล้วชายหนุ่มก็พาเธอกลับบ้านพัก โดยที่มือหน้ายังคงกอบกุมมือบางไม่ห่าง
“มีนทำอาหารเสร็จแล้ว พี่คิณจะทานเลยไหมคะ เดี๋ยวมีนจะได้ตั้งโต๊ะเลย” หลังจากได้พูดคุยกับชายหนุ่มตอนดูพระอาทิตย์ตก เขาก็บังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่อย่างเอาแต่ใจ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อนเลย
“ตั้งเลยก็ได้ พี่ก็เริ่มจะหิวแล้วเหมือนกัน”
“วันนี้อะไรให้พี่ทานบ้าง”
“วันนี้มี พล่ากุ้ง กับกุ้งอบวุ้นเส้นค่ะ” หญิงสาวแนะนำเมนูที่เธอทำให้เขาฟัง ปากเล็กๆ เอ่ยบอกเขาเสียงเจื้อยแจ้ว
“ค่อยๆ กินก็ได้ ดูสิเลอะปากหมดแล้ว” ไม่ว่าเปล่าเขายังส่งนิ้วหัวไปเช็ดเศษอาหารที่ติดอยู่ริมฝีปากบาง ก่อนที่จะนิ้วที่เปื้อนซอสพล่ากุ้ง ส่งมันเข้าปากตัวเองยิ้มๆ
“พ พี่ คิณ” หญิงสาวเขินอายกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก
แก้มนวลซับสีแดงอย่างน่ารัก
“ไม่เผ็ดเลย แฮะ แปลกจริงๆ”
เธอและเขานั่งรับประทานอาหารกับอยู่ที่หน้าบ้าน ลมทะเลพัดมาเบาๆ เสริมให้บรรยากาศดีไม่น้อย เมื่อเห็นเขาอารมณ์ดีขึ้น หญิงสาวจึงเอ่ยถามสัญญาที่เขาได้ให้กับเธอไว้ เธออย่ารู้ว่าเขาจะปล่อยเธอไป หรือจะเก็บเธอไว้ข้างกายแบบนี้ต่อไป หากเขาให้เธออยู่และเขาใจดีกับเธอแบบนี้เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องลูกกับเขา แต่หากเขาไม่ยอมรับลูกเธอก็พร้อมที่จะจากไปเหมือนกัน จะให้เธอทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเธอทำไม่ได้
“พี่คิณคะ คือ มีน...” เธออ้ำอึ้งทันทีที่ เขามองมาตามเสียงเรียกของเธอ
