ถูกทำร้าย
แปร๋นนน...
“หืม..”
เสียงดังกังวานด้านนอกทำให้หญิงสาวที่นั่งฟุบอยู่ข้างหน้าต่างสะดุ้งตัวโยนหลุดจากภวังค์ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ
แปร๋นนนน
เสียงนั้นยังคงไม่หายไปง่ายๆ กรองแก้วเลยตัดสินใจค่อยๆแง้มเปิดประตูออกมาดูอย่างช้าๆ ภาพตรงหน้าชานกระท่อมทำเอาหญิงสาวจอมขวัญอ่อนชะงักค้างตกใจสุดขีดอีกครั้ง
“หา..”
ตอนนี้มีช้างเผือกตัวใหญ่ที่ไม่ใหญ่ธรรมดา ตัวแทบเท่ากระท่อมที่เธออยู่ได้งาช้างสีทองอร่ามยาวได้รูปสวยปลายโค้งแหลมยืนปัดงวงใหญ่ไปมา อีกทั้งดวงตาคมสีน้ำตาลจ้องมองเธอไม่วางสายตา
“หญิงงามเช่นเจ้าใยจึงมาอยู่ที่เรือนของท่านปักษาได้...หรือข้ามิได้ทันรู้ว่าท่านปักษามียอดดวงใจแล้ว”
“ช..ช้างพูดได้”
เสียงทุ้มใหญ่ของช้างเผือกที่เอ่ยถามกรองแก้วเมื่อครู่ทำเอาเธอเข่าทรุดลงนั่งไปกับพื้นพยายามไม่ให้ตกใจ และบอกตัวเองว่าที่นี่เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นสัตว์นั้นพูดได้ตามที่ปักษาบอกแต่ก็ไม่ได้ง่ายเอาเสียเลย
“ว่าอย่างไรเจ้าเป็นผู้ใดกันหรือแม่หญิง”
กุญชรสีเผือกยังคงเอื้อนเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดเซียวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก
“เอ่อ...แก้วคือคนที่ปักษาช่วยเหลือเอาไว้ค่ะ ไม่ได้เป็นยอดดวงใจของปักษาอย่างที่คุณว่าหรอกค่ะ”
กรองแก้วพยายามหายใจเข้าลึกๆ ทำตัวให้เป็นปกติก่อนจะลุกยืนขึ้นอีกครั้ง และเดินลงจากชานกระท่อมเพื่อคุยกับช้างเผือกตัวใหญ่
“อ่อ..อย่างนั้นรึนับว่าเป็นวาสนาที่มีต่อกัน...แล้วท่านปักษาอยู่ที่ใดใยได้ยินเสียงข้าเรียกจึงไม่ออกมาพบข้า”
กุญชรสีเผือกปัดงวงไปมา ทั้งสายตาคมยังจ้องมองไปบนกระท่อมกวาดหาครึ่งคนครึ่งนกที่เป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ไม่วางตา
“ปักษาไปหาผลไม้มาให้แก้วน่ะค่ะเห็นว่าจะรีบไปรีบกลับ”
กรองแก้วรีบเอ่ยไขความกระจ่างให้กับช้างเผือกตรงหน้า
“อย่างนั้นข้าขอฝากสมุนไพรสมานแผลกายนี้ให้ท่านปักษาไว้กับแม่หญิง หากท่านปักษากลับมาให้เจ้าบอกว่าข้ากุญชรสีเผือกนำมาให้”
งวงใหญ่ตวัดไปคล้องห่อผ้าที่วางไว้ข้างต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่มาถึงส่งให้หญิงสาว ในนี้เป็นสมุนไพรที่กุญชรสีเผือกนั้นนำมาให้ปักษาอยู่บ่อยๆ
“ได้ค่ะแก้วจะบอกให้นะคะ”
มือน้อยรีบหยิบถุงผ้ามาคล้องไว้ที่แขนก่อนจะส่งยิ้มอ่อนให้ช้างเผือกตรงหน้าอย่างเป็นมิตร หลังจากได้คุยกับช้างตัวใหญ่ตรงหน้านี้ครู่หนึ่งใจเธอก็หายความตื่นกลัวไปมาก
“ข้าต้องไปก่อน เจ้าเป็นมนุษย์อยู่ที่นี่คนเดียวจงอย่าออกไปไหนไกลจากกระท่อมน้อยนี้”
ก่อนที่กุญชรสีเผือกจะหันหลังเดินออกไปก็ต้องเอ่ยเตือนหญิงสาวไม่ให้ไปไหนไกลจากที่นี่ แม้ที่นี่สัตว์ทุกตนจะเป็นมิตรแต่ใช่ว่าสิ่งที่มองไม่เห็นจะเป็นมิตรกับมนุษย์ด้วย
“ค่ะปักษาก็บอกแก้วไว้แบบนั้น”
ใบหน้านวลพยักหน้ารับ
“ดีแล้วข้าไปก่อน”
เมื่อหญิงสาวตอบรับคำเตือนอย่างว่าง่ายร่างใหญ่อุ้ยอ้ายก็เดินกลับค่อยๆหายลับเข้าไปที่ชายป่า
“เอาไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน”
กรองแก้วเดินขึ้นมาบนกระท่อมแล้วเลือกที่จะเดินมาทางชานทำครัวทางซ้ายของกระท่อม เธอกวาดสายตามองหาที่เก็บสมุนไพรตากแห้งในห่อผ้า เมื่อเห็นตู้ไม้สี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากวางอยู่ข้างหม้อดินเผา จึงเปิดประตูตู้เล็กออกและเก็บห่อผ้าสมุนไพรไว้ที่นี่ ทั้งแอบอมยิ้มรู้สึกสนุกกับเรื่องแปลกใหม่ที่พึ่งเจออยู่เหมือนกัน นับว่าเป็นประสปการณ์ที่ดีไม่น้อย
หลายชั่วโมงต่อมา
ครื่นนนนๆๆ
“ลมฟ้าลมฝนลงขนาดนี้ทำไมปักษาถึงไม่กลับมาเสียทีนะ”
กรองแก้วนั่งกอดเข่านอนอยู่บนฟูกสีขาว ด้านข้างมีตะเกียงน้ำมันตั้งอยู่ใกล้ๆ ใบหน้านวลมีสีหน้าที่ค่อนข้างกังวลเพราะตอนนี้ลมฟ้าลมฝนพัดค่อนข้างแรง แถมตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววว่าปักษาจะกลับมา
กุกกัก...
“เจ้าแก้ว..”
ในขณะที่หญิงสาวนั่งตื่นกลัวลมฟ้าลมฝนอยู่ในกระท่อมนั้น ปักษาก็เปิดประตูเข้ามาด้วยตัวเปียกปอนน้ำฝนและล้มพับอยู่ชายกระท่อมที่หน้าประตูห้องของที่กรองแก้วอยู่ด้านใน
ร่างบางรีบลุกถือตะเกียงออกมาดูปักษาจากเสียงเรียกเมื่อครู่ เมื่อแสงของตะเกียงน้ำมันส่องเห็นร่างใหญ่ทั้งแสงอัสนีบนฟ้าที่สาดมาเป็นระยะ ทำให้กรองแก้วนั้นเห็นว่าที่น้าท้องของปักษานั้นมีแผลใหญ่และเลือดกำลังออกมาจำนวนมาก
“ปักษาทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ”
สาวเจ้ารีบนั่งลงวางตะเกียงน้ำมันเอาไว้ใกล้ๆแล้วรีบพยุงร่างใหญ่เข้าไปนอนด้านในดีๆ..มือไม้ของเธอสั่นไปหมดทั้งรีบดึงผ้าคลุมไหล่ผืนบางกดแผลของปักษาเพื่อห้ามเลือดเอาไว้
