บทที่ 2
ที่ด้านนอกเกิดเสียงฮือฮาจนมารตีที่กำลังดื่มน้ำอยู่ต้องพลอยมองตามไปด้วย
“หล่อมาก ไม่เจอนานหล่อขึ้นไปอีก” หนึ่งในเด็กนั่งดริ้งพูดขึ้นหลังส่งเสียงกรีดร้องไปก่อนหน้า
“โหย อยากรู้ใครจะได้คนแบบนี้เป็นแฟน ทั้งหล่อทั้งรวย เกินไปไหมแก” อีกคนก็ทำท่าปลาบปลื้มจนมารตีที่มองตามสายตาของสาวๆ เหล่านั้นไปได้เห็นว่า ชายหนุ่มที่ยี่หวาควงอยู่หล่อจริงดังว่า มารตีไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แต่ มีเสน่ห์ชะมัด
มารตีเห็นยี่หวาเดินมากับคนคนนั้น ยี่หวาแนบแก้มกับหนุ่มหล่อก่อนแยกจากกัน มารตีรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับลูกค้า อย่างมากก็แค่แตะมือบ้างแต่มารตีระวังตัวเสมอ การแสดงออกแบบนั้นบ่งบอกว่าเป็นคนพิเศษ แม้จะรู้ว่าเด็กที่นี่ห้ามรับงานนอนกับแขก แต่มันก็ดูจะสนิทสนมกันเกินไปจริงๆ
“พี่ยี่หวามาแล้ว ไปๆ” สองสาวที่ยืนอยู่รีบวิ่งไปหายี่หวาเพื่อคุยเรื่องของชัชชล แต่มารตีนั้นเลี่ยงเดินออกมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมกลับบ้าน
“อุ้ย!” ระหว่างที่กำลังจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัวก็เกือบชนกับใครบางคนเข้าจนต้องร้องออกมาเสียงดัง
“ขอโทษครับ” ยังไม่ทันได้ชน แต่มือใหญ่จับเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างตั้งใจ
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” มารตีขืนตัวออกจากมือใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เกือบชนเธอแล้วต้องมุ่นคิ้ว เพราะเขาคนนั้นคือคนที่เพิ่งแยกจากยี่หวาก่อนหน้านี้
“หน้าผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าตาหล่อเหลาแต่สายตาเจ้าเล่ห์นั่นหรือเปล่า ที่ทำให้มารตีรู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่น่าอยู่ใกล้เลยสักนิด
“ไม่มีค่ะ ขอโทษนะคะตรงนี้เป็นส่วนของพนักงานรบกวนคุณลูกค้าออกไปด้วยค่ะ” มารตีผายมือเพื่อให้อีกคนออกไป
“คุณเป็นเด็กใหม่เหรอ ผมไม่เคยเห็นหน้า” นอกจากชัชชลจะไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังไล่เขาอยู่
“ค่ะ ขอตัวนะคะ” ตอบตามมารยาทและเตรียมจะผละออกไป
“เดี๋ยวสิ” แขนเล็กถูกจับเอาไว้แน่น
“นี่คุณ!” สาวสวยแหวเสียงใส่เริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ฟังยังก้าวเข้าหาจนอีกคนถอยไปติดกำแพง
“คุณ จะทำอะไรคะ” มารตีสีหน้าหวาดหวั่น คิ้วสวยขมวดมุ่น หลังติดกำแพงไปไหนไม่ได้เมื่ออีกคนก้าวเข้ามายันแขนทั้งสองข้ากันเอาไว้
“ปกติไม่เคยมีใครหนีผมเลยนะ คุณคนแรกรู้หรือเปล่า” ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ มารตียิ่งขมวดคิ้วใส่
“นั่นมันเรื่องของคุณ กรุณาถอยค่ะ” มารตีเริ่มเสียงแข็ง ตาคมตวัดมองด้วยความไม่ชอบใจ แต่มันกลับยิ่งทำให้ชัชชลยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมก็แค่... อยากทำความรู้จักเท่านั้นเอง” เขาพูดเสียงนุ่ม แต่รอยยิ้มดูกวนประสาทมากสำหรับมารตีในตอนนี้
“แต่ฉันไม่อยากรู้จักคุณ กรุณาหลีกไปค่ะ” คนที่ตัวเล็กกว่าใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักอีกคนให้พ้นทาง แต่นั่นแหละ ตัวแค่นี้จะไปสู้แรงของผู้ชายตัวโตอย่างชัชชลได้อย่างไร นั่นก็เลยทำให้มารตีเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชัชชลเข้าอย่างจัง และเมื่อถูกกระทำแบบที่ไม่ชอบใจมารตีเลยตอบโต้ด้วยการกระแทกเข่าเข้าที่กล่องดวงใจของอีกฝ่ายอย่างจัง
พลั่ก!!
“อึก....” แรงกระแทกส่งผลให้คนที่โดนเข่าเสยจนตัวงออย่างจำยอมเอามือกุมเป้าหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนที่ทำก็ยืนหอบอยู่ใกล้ๆ
“ว้าย! บอสคะ” เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้มารตีหันมอง เป็นยี่หวาที่เดินเข้ามาช่วยชัชชลให้ลุกขึ้นทั้งที่ตัวยังงออยู่แบบนั้น
“บอส?” มารตีตาโตขึ้นมากับคำเรียกของรุ่นพี่
“ตายจริง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” ยี่หวามองทั้งสองคน ก่อนจะช่วยพยุงเอาตัวชัชชลเข้าไปในห้องแต่งตัว มารตีเดินตามมาอย่างคนที่สำนึกผิด
มารตีบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรุ่นพี่สาวสวยดาวของผับต่อหน้าชัชชลคนที่เธอคิดว่าเขาเป็นลูกค้าโรคจิต และนั่นทำให้ยี่หวาหลุดขำออกมา
“บอสเล่นอะไรคะ ดีนะที่น้องแค่เอาเข่ากระแทกเบาๆ เป็นหมันแล้วหรือเปล่าคะเนี่ย” พูดไปก็ขำไป ชัชชลได้แต่กัดฟัน ทั้งเจ็บทั้งอาย
“ก็ใครจะไปรู้ว่าคิดมากขนาดนั้น หน้าผมเหมือนคนโรคจิตหรือไง” เขาแหวใส่คนที่ทำให้เขาเจ็บและอายในเวลาเดียวกัน
“ฉันขอโทษค่ะ ก็คุณ จู่โจมฉันก่อน” มารตีที่แม้จะรู้สึกผิดแต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอ
“เอาล่ะค่ะ บอสอย่าว่าน้องเลยนะคะ น้องไม่รู้จักบอสนี่คะ มาร์นี่คุณชัชชล เป็นเจ้าของผับจ้ะ คนที่นี่เรียกคุณชัดว่าบอส ส่วนนี่มารตีค่ะ ที่ยี่หวาบอกไงคะ เรียกน้องว่ามาร์ก็ได้ มาร์ที่แปลว่าดาวพุธน่ะค่ะ ใช่มาแบบมาเฉยๆ” ยี่หวายุติการโต้แย้งของสองคน และแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้เจ็บตัว พี่หวาคะ มาร์ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” มารตีเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมากก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ยี่หวาพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ มารตีเดินออกไปแล้ว เหลือแค่ชัชชลที่ยังจุกและยี่หวาที่ยังขำไม่เลิก
“ยี่หวา...” ชัชชลเรียกเธอเสียงยาน
“ขอโทษค่ะ ก็มันตลก กับมาร์บอสอย่าทำรุ่มร่ามน่าจะดีกว่านะคะ” ยี่หวาออกปากเตือน
“ก็ไหนบอกว่าเด็กดี”
“ก็เด็กดีค่ะ แต่ไม่ง่ายนะคะ” ยี่หวายิ้มกว้าง เป็นเด็กดีไม่ได้แปลว่าจะต้องดีกับทุกคน อะไรแบบนั้น
“อยากรู้เหมือนกันว่าจะยากขนาดไหน” สีหน้าชัชชลยากจะคาดเดาความคิดแต่สายตาบ่งบอกความมุ่งมั่นที่อยากเอาชนะ
“อะไรนะคะ” ยี่หวาได้ยินไม่ถนัดถามกลับอีกครั้ง
“ไม่มีอะไร ไปส่งหน่อยได้ไหม เดินไม่ไหวแล้วเนี่ย”
“ได้ค่ะ มาค่ะยี่หวาช่วย” ยกแขนเขาโอบไหล่ตัวเอง ก่อนจะพากันเดินออกมาจากตรงนั้น ในขณะที่ใครบางคนซึ่งบอกว่ากลับแล้วแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะเดินหายไป
