1
“และตำแหน่งสุดยอดผู้บริหารประจำปีพุทธศักราช 25xx ได้แก่...คุณสงคราม อานันทรัตติกุล ขอเสียงปรบมือดังๆ หน่อยค่า...”
เสียงปรบมืออันดังก้อง ก็ได้มาพร้อมกับสายตาชื่นชม ระคนอยากรู้อยากเห็น มองมายังร่างสูงที่ยืนขึ้นอย่างสง่า เขาค้อมศีรษะเชิงทักทายเล็กน้อย ก่อนยืดตัว เดินขึ้นไปรับรางวัล ที่ได้รับมาต่อเนื่องทุกๆ ปี ด้วยความรู้สึกที่แสนจะปกติ
และก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งหรือประสบความสำเร็จกว่าใคร
เพราะรางวัลนี้ มันได้มาเพราะ...
“ขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้นะครับ” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยขึ้น แม้ว่าเขาจะพูดด้วยโทนที่จะปกติแค่ไหน แต่ผู้คนทั้งห้องโถง ก็พากันเงียบกริบ รอฟัง ราวกับว่าเขากำลังจะเอ่ยเคล็ดลับของการได้รับรางวัลอย่างยาวนาน มาตลอด 7 ปี อย่างไรอย่างนั้น
“รางวัลนี้ ได้มาด้วยหลายๆ องค์ประกอบนะครับ ผมก็เลยถือว่า มันไม่สามารถจะเป็นของผมคนเดียวได้” ทั้งที่ภายในใจเขาอยากจะบอกทุกคนมาทุกปีว่า รางวัลนี้มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว มันสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นผู้บริหารในเครือข่ายและหมายจะพยายามพัฒนาตัวเองต่างหาก
“สำหรับใครที่อยากจะคว้ารางวัลนี้ไปครอบครองบ้าง ผมว่าไม่ยากเลยนะครับ พัฒนาตัวเองต่อไป...สักวันต้องเป็นของพวกคุณแน่ครับ”
แม้กระนั้น เขาก็ยังเลือกที่จะพูดในสิ่งที่น่าจะเกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหกโดยสมบูรณ์แค่ไหน
เสียงปรบมือเชิงชอบใจ ดังขึ้นอย่างระงม ด้วยแววตาชื่นชม และไร้ข้อกังขา...
เออ มันก็ดีอย่างนี้...เกิดมามีพร้อม โอกาสพร้อม มันก็ดีอย่างนี้ เจ้าของรางวัลคิดทั้งๆ ที่แววตาและหัวใจมีความภาคภูมิใจอย่างเต็มที่
“ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ” สงคราม อานันทรัตติกุล ค้อมศีรษะให้ทุกคนอีกครั้ง ก่อนเดินลงมาจากเวทีอย่างสง่า
เวทีสีน้ำเงินเข้มประดับไฟสีฟ้าสลับขาวแวววาว ตัดกับถ้วยรางวัลรูปปั้นผู้ชายชูโคมไฟแห่งความหวัง ที่ตัวโคมไฟทำมาจากเพชรแท้
เขาจะตื่นเต้นมากกว่านี้ ถ้าไอ้เพชรนี่ มันไม่ได้เป็นสมบัติของคุณย่า ที่ส่งมาให้ทำทุกๆ ปี จากรุ่นสู่รุ่น...
แม้ก่อนหน้ารุ่นของเขา จะมีการสลับกระจายรางวัลไปบ้างตามความเหมาะสม แต่พอเขาทำยอดให้กับบริษัทและบริหารจัดการลูกน้องได้อย่างดีเยี่ยม การล็อกมงก็ได้ถือกำเนิดเกิดเรื่อยมา...
อา...ภูมิใจก็ภูมิใจ
เสียงปรบมือเซ็งแซ่ ชื่นชมเซ็งซัง ค่อยๆ เงียบลงเมื่อเขาเดินกลับมาในห้องนอนสุดหรู บนคอนโดเนื้อที่กว้าง ใจกลางเมือง
เนกไทสีเข้มถูกเขวี้ยงให้พ้นจากต้นคอ หลังจากที่คล้องแบบหลวมๆ หลุดลุ่ยมาสักพัก ตั้งแต่ในรถเมอซิเดสคันงามสีดำด้าน ที่ที่มีคนขับรถขับให้ในทุกเส้นทางมาหลายปีแล้ว
ก็ตั้งแต่ที่เขาต้องรับตำแหน่งเป็น ‘ท่านประธาน’ ของ J&K Group กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ ที่ไม่ว่าจะกี่ร้อนกี่หนาว กี่วิกฤตของโลก ก็สามารถรักษายอด คงระดับและไม่ต้องเลิกจ้างพนักงานเพื่อความอยู่รอด เหมือนที่อื่นๆ
ภาพลักษณ์ก็ต้องมาก่อน...
จากคนง่ายๆ สบายๆ ที่ไม่ชอบให้ชีวิตต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย กลับต้องมาใช้ชีวิตที่ไปไหนก็จะต้องสวมสูท ผูกไท กางเกงรีดจนเป็นกลีบเนี๊ยบ ผมอยู่ทรง...ขัดกับความเป็นตัวตนของเขาแทบจะทุกอย่าง
แต่ก็จะให้ทำอย่างไรได้ เขาดันมาเกิดเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลที่อายุอานามมากกว่าใคร แถมต้องมาเสียบิดาไปเร็วกว่าที่คาด ความรับผิดชอบบริษัททั้งหมด จึงต้องตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
‘ตั้งแต่ที่คุณปู่เสียไป...ย่าก็เป๋ ยังดีที่มีลูกชาย พ่อของซุง คอยพยุงบริษัทเอาไว้ได้ อาผู้หญิงอีกสองคน ก็บริหารงานไม่เป็น จะให้ผัวเขามาดูแล เขาก็มีธุรกิจของเขา น้องๆ ก็ยังไม่โต ก็มีแต่ซุงนี่แหละที่เรียนจบมาพอดี มาช่วยย่าเถอะนะลูก ถือว่าแทนพ่อเขา’
ด้วยความที่เขากำพร้ามารดาตั้งแต่เกิด จึงสนิทกับ กมลพรรณ อานันทรัตติกุล ผู้เป็นย่าเพราะเธอเลี้ยงเขามากับมือ
ครั้นจะให้ดื้อหรือไม่สนใจใครเหมือนที่ใจต้องการมันก็ไม่ได้ เขาต้องเป็นหลักใหม่ให้กับครอบครัว แทนบิดาผู้ล่วงลับ
และช่วงเวลาเดียวแล้ว ที่พอจะทดแทนความเป็นตัวตนที่เขายอมเสียไปได้ ก็คือ ช่วงเวลานี้
การได้พักผ่อนอยู่บนคอนโดสุดหรู อันเงียบสงบ ไร้เสียงผู้คนจอแจ กับเบียร์เย็นๆ สักขวด... มันก็พอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้
“เข้าท่า...” แววตาคมที่ดูล้าๆ เพ่งไปยังจอกว้าง 32 นิ้ว ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยแววตาที่เปล่งแสงสว่างออกมาเล็กน้อย
มันคือหนังเรื่องโปรด ที่เขารอตอนใหม่มาสักพักใหญ่ และตอนนี้มันก็ได้เข้าแล้ว! แถมตัวอย่างของมัน ก็ดูจะมันส์ใช้ได้
สงครามรีบถีบรองเท้าให้หลุดพ้นจากเท้าไปแบบลวกๆ หยิบถังขนมที่วางอยู่อย่างรู้ใจของแม่บ้าน ที่เขาให้เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ หลังทำความสะอาดทุกครั้ง ก็ยังไม่มีข้อให้ตำหนิ
“เออ ให้มันได้แบบนี้...” ว่าแบบไม่ยอมละสายตา ราวกับเป็นเพียงแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ผู้บริหารผู้เก่งกาจ น่าเกรงขามและพร้อมจะให้ปรัชญาอันงดงามแก่ผู้คน
ใช่...สำหรับเขา ตัวเองก็เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่เหมือนยังไม่พร้อมที่จะเติบโต ต้องการกิน เล่น เที่ยว ไปวันๆ ให้สาสมกับการได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เหมือนลูกคนรวยทั่วไปซะหน่อย
“เชี่ย...สุดจัด” ว่าพร้อมหัวเราะออกมาน้อยๆ เพิ่มระดับของเสียงให้ดังขึ้น จนทำให้ไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าอันคุ้นเคยจากผู้หญิงคนเดียวที่เขาสนิทที่สุดในชีวิต
“เออ ให้มันได้อย่างนี้!” แล้วเขาก็ตะโกน พร้อมตบมือลงบนขาฉาดใหญ่ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำมาจากเกมส์ เป็นเกมส์ที่เขาชอบเล่น และติดงอมแงมมาสักพักใหญ่
พอมีคนสนใจเอามาทำเป็นภาพยนตร์ มีหรือที่สาวกผู้ซื่อสัตย์อย่างเขา จะพลาดในการตามติด