บทที่ 3
ท่าทีนิ่งเฉยของคนรักทำให้เกวลีไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวจะพาลทำให้เขาหงุดหงิดแล้วพาลมาลงที่เธออีกจนได้
“คืนนี้ผมมีนัดกับพวกไอ้ยศ เกวจะไปด้วยกันไหมครับ” หญิงสาวรู้ว่าหากเธอปล่อยเขาไปคนเดียว มีหวังอาจได้เจอกับเด็กนั่น ถึงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวออกไปสะสางเอกสารที่ค้างคาของตัวเองต่อ ทิ้งไว้ก็แต่ชลธีที่หลังจากพ้นแผ่นหลังของคนรักสาวไปแล้ว เขาก็ต่อสายหาอีกคนทันที
แต่ดูเหมือนไอ้พี่เวรมันจะรู้เท่าทัน ว่าเขาคงโทรไปต่อว่าโทษฐานที่มันดูแลพินทุอรไม่ดี ปล่อยให้เธอผอมลงขนาดนั้นมันถึงได้ชิงไม่ยอมรับโทรศัพท์ ก่อนจะปิดเครื่องหนีไปดื้อๆ
ไอ้พี่เวร! เอาไว้คืนนี้เขาค่อยคิดบัญชีกับมันก็ยังไม่สาย!
ชายหนุ่มคิดกับตัวเองก่อนจะเลิกล้มความพยายามโทรหาพี่ชาย เปลี่ยนมาส่งข้อความหาอีกคนแทน ซึ่งก็เหมือนเดิมที่เธอจะเพียงแค่กดอ่านไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยสักคำเดียว
‘ทานข้าวเยอะๆ หน่อย ถือว่าทำเพื่อพี่สักครั้ง นะครับ’
ในฐานะคนรัก เขาอาจเลวที่ทำแบบนั้นกับเธอ แต่ในฐานะพี่ชายที่เคยรักและเอ็นดูพินทุอรไม่ต่างอะไรกับน้องสาวนั้น เขาย่อมเป็นห่วงเธอเสมอ ยิ่งได้เห็นเธออยู่ในสภาพแบบนี้เขายิ่งโทษตัวเอง ที่ต่ำช้า ปล่อยให้เธอเข้ามาในชีวิตถึงหกปีเต็ม เวลาที่ว่าสำหรับบางคนแล้วมันอาจไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่ต้องดิ้นรนคนเดียวมาตั้งแต่อายุสิบสี่นั้น มันคงไม่ต่างอะไรกับครึ่งชีวิตของเธอ ซึ่งเขาทำพลาดไปจริงๆ
แต่ครั้นจะให้กลับไปแก้ไขอะไรในตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้ เพราะเลือกแล้วที่จะให้โอกาสอดีตคนรัก คนที่เขายังคงรักอยู่
และน่าจะเป็นเพียงคนเดียว
ที่เข้าใกล้คำว่า ‘รัก’ ของเขามากที่สุดด้วย
การปรากฏตัวของชลธีกับคนรักของเขาไม่ได้สร้างความแปลกใจแก่พินทุอรเลยสักนิด เพราะเธอรู้ดีว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน เพลินบาร์ แห่งนี้เชกเช่นเดียวกับพี่ชายและเพื่อนๆ อีกสองคนของเขาอันได้แก่พี่ยศ กับพี่ปราณ
เพราะอย่างนั้นการที่เขาจะแวะมาที่ร้านก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หรือถ้าจะผิด มันก็คงผิดที่เธอต้องชอบเหล่มองเขาเรื่อย
“ไม่ได้มานาน ร้านนี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” ชลธีไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งยิ้มให้คนรัก ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับไปจ้องมองใครอีกคน ที่เอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ อยู่ที่มุมประจำมุมหนึ่งของร้าน
“เกวดื่มอะไรดี”
“เบียร์ก็ได้ ว่าแต่น้องนวลล่ะ ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย” นวลที่ว่า คือแฟนสาวของยศที่ตอนนี้ท้องได้สองเดือนแล้ว ที่รู้เพราะชลธีเป็นคนเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีให้ฟัง
“ใกล้คลอดแล้ว ผมเลยให้หยุดอยู่บ้าน ว่าแต่เกวเถอะ…แผนเดินทางรอบโลกไม่สนุกอย่างที่คิดเหรอ ถึงได้เลือกที่จะกลับมาแบบนี้” อาจเพราะเป็นเพื่อนกันมานาน เกวลีจึงไม่ได้คิดว่าคำถามของยศเป็นการเสียมารยาทเลยสักนิด
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แรกๆ มันก็สนุกดีที่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่พอผ่านมาหลายปีเข้า เราก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ” ยอมรับว่าการบอกเลิกชลธีเป็นสิ่งที่เธอทำพลาดและอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันที่สุด แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว หากย้อนเวลากลับไปและมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้ง เธอก็ยังเชื่อว่าตัวเองจะเลือกทำตามความฝันของตัวเองก่อนอยู่ดี และเพราะกลัวว่าเขาจะต้องรอเก้อ เธอก็เลยให้โอกาสเขาได้เปิดใจ ส่วนตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ก็มีคนผ่านเข้ามาอยู่บ้าง แต่ไม่นานพวกเขาเหล่านั้นก็ผ่านไป
“เราคิดถึงคนที่นี่มากกว่า ก็เลยตัดสินใจกลับมาน่ะ...”
เอาเลยจ้า มองตาหวานเชื่อมกันเข้าไป เอาให้รักมันจุกอกไม่ต้องสนหรอกว่าสิ่งนี้มันจะทำให้ใครเจ็บปวดสักแค่ไหน
“เบาเจ๊เบา! เดี๋ยวก็เมาหรอก ผมไม่แบกไปส่งห้องแล้วนะ!” เป็นเสียงอันน่ารำคาญของน้องรหัสอย่างทิมที่เอ่ยขึ้น และเพราะเสียงของหมอนี่ไม่เบาเลยสักนิด มันถึงทำให้เธอกับเขา ตกเป็นเป้าสายตาของคนในร้านแทบจะทันทีที่เขาพูดจบ
“ทิมน้องรัก…ไหนว่าอยากจีบเจ๊ นี่ไงโอกาส! ไม่อยากได้เหรอแฟนน่ะ!” ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่เจ๊แกปรึกษาบรรดาพี่ชายของตัวเองรึยัง ว่าจะยอมให้เขาเป็นแฟนเธอไหม
ทุกวันนี้แค่เข้าใกล้เขายังถูกมองราวกับจะกินเลือดเนื้อ!
“พูดอย่างกับว่าถ้าผมอยากได้ เจ๊จะให้อย่างนั้นแหละ!” แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น อย่างน้อยถ้าเอาชนะใจเธอได้ คนอื่นๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ก็ถ้าน้องทิมของเจ๊ทำตัวน่ารัก ไม่แน่นะ…คืนนี้เจ๊อาจยอม สนไหมจ๊ะสุดหล่อออ!” ผู้หญิงบ้าอะไรยิ่งเมายิ้มน่ารัก ก็เพราะแบบนี้ไง เขาถึงไปไหนไม่รอด เฝ้ารอแต่เธอมาตลอด
แม้จะรู้ว่าเธอรักใคร แต่เขาก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ เพราะเชื่อเสมอว่าตัวเองก็ดีพอให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีของเธอเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ไอ้บ้านั่นกลับไปคบกับอดีตคนรักด้วยแล้ว
ทางของเขาก็ยิ่งสะดวก!
