บทที่ 1 โชคชะตาพาให้พบเจอ
เช้าวันนี้รนิดาตื่นขึ้นมาใส่บาตรตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอเป็นคนธรรมะธัมโมชอบทำบุญและเชื่อเรื่องลี้ลับต่างๆ รวมถึงชอบอ่านหรือดูหนังผียามว่างหลังจากเลิกงาน ตอนเด็กๆคนเป็นแม่เคยบอกว่าเธอมีสัมผัสพิเศษแต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังสัมผัสอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง มันคงยังไม่ถึงเวลาล่ะมั้ง หลังเลิกงานรนิดาก็เดินทางกลับบ้านทันทีไม่ได้แวะที่ไหนก่อน วันนี้อากาศค่อนข้างครึ้มเธอกลัวว่าฝนจะตกแถมเธอยังตากผ้าเอาไว้เสียด้วยหากชักช้าเสื้อผ้าที่อุตส่าห์ซักคงเปียกปอนแน่ๆ เธอจึงต้องรีบกลับบ้านทันที ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำให้เธอไม่เคยได้มีความสุขแบบจริงๆสักที ระหว่างทางกลับบ้านรนิดาเจอกับหนูน้อยคนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้ บริเวณรอบๆไม่มีใครเลยดูน่าสงสารจับใจ เธอจึงเดินเข้าไปถามไถ่ว่าหนูน้อยคนนี้มายืนตรงนี้ได้อย่างไรแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ หนูน้อยไม่ตอบกลับอะไรเธอสักคนเอาแต่ร้องไห้โฮ เธอตัดสินใจก้มลงไปอุ้มหนูน้อยมาไว้ในอ้อมกอด พอได้อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวหนูน้อยก็เงียบเสียงลงและซบใบหน้าไปกับอกอุ่นของเธอ เธอตบที่หลังเบาๆเป็นการปลอบขวัญไม่นานหนูน้อยก็หลับไป ในเมื่อแถวนี้ไม่มีใครอยู่เลยเธอเลยต้องพาหนูน้อยคนนี้กลับบ้านไปด้วยกัน บ้านของเธออยู่ห่างจากจุดที่เจอหนูน้อยประมาณ 200 เมตร เมื่อมาถึงบ้านเธอก็ค่อยๆวางหนูน้อยลงบนเตียงขนาดเล็กของเธอ เมื่อรู้สึกสบายตัวขึ้นหนูน้อยก็หลับสนิทนอนหลับตาพริ้ม เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดีจะส่งคืนก็กลัวจะโดนหลอกเพราะไม่รู้ว่าคือพ่อและแม่ของเด็กจริงหรือไม่ หากเป็นพวกต้มตุ๋นเธอคงจะบาปหนักกว่าเก่า สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงหนูน้อยคนนี้เอง
“ตื่นแล้วหรอคะ” เธอถามออกไปน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณน้าเป็นใครคะ” สาวน้อยถามออกไปเสียงเบา
“น้าเจอหนูกำลังร้องไห้ พออุ้มหนูปุ๊บหนูก็หลับใส่น้าเลยค่ะ น้าเลยพาหนูมาที่บ้านน้าก่อน
“คุณน้าอยู่คนเดียวหรอคะ สาวน้อยมองไปรอบๆแล้วไม่เจอใคร
“ใช่ค่ะน้าอยู่คนเดียวแล้วหนูละคะอยู่บ้านกับใครบ้าง อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ใช่หรือเปล่าคะคนเก่ง”
“อยู่กับคุณพ่อ อยู่กับ…”
“กับใครคะ”
“แม่มดค่ะ”
“แม่มดหรอคะ” เธอถามกลับด้วยความแปลกใจไม่น้อย ใครกันที่หนูน้อยต้องการจะสื่อถึง
“แล้วคุณแม่ของหนูละคะ
“คุณแม่อยู่บนฟ้าคะ” คำตอบของหนูน้อยทำให้เธอพอจะประติประต่อเรื่องราวต่างๆได้
“น้าเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณแม่ของหนู” หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ
“ว่าแต่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะคะ น้าชื่อรนิดาหรือเรียกน้าว่านิลก็ได้ค่ะ น้านิล”
“นะ หนูชื่อข้าวสวยค่ะ” สาวน้อยตอบกลับเสียงเบา
“ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“น้านิล” สาวน้อยยิ้มน้อยๆออกมา หญิงสาวรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าเธอชอบตอนน้องข้าวสวยยิ้มออกมามากกว่าตอนร้องไห้งอแง
“มาให้น้ากอดหน่อยเร็ว” ตอนแรกข้าวสวยมีท่าทีกล้าๆกลัวๆแต่สุดท้ายหนูน้อยก็ขยับเข้าไปหารนิดาแต่โดยดี
“หนูไปโดนอะไรมาลูก” เธอเปิดเสื้อของหนูน้อยขึ้นก็เห็นรอยแดงชัดเจน
“ตีๆค่ะ ถ้าข้าวสวยกรี๊ดๆข้าวสวยจะโดนตี”
“โถว่ๆ น่าสงสารจริงๆเลยลูก” เด็กตัวแค่นี้ทำไมยังกล้าทำรุนแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้
“คุณพ่อของหนูรู้ไหมลูก”
“ไม่รู้ค่ะ”
“เฮ้อ น้าไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย” ลักษณะการแต่งตัวของหนูน้อยก็ทำให้รู้ว่าครอบครัวของเธอไม่ธรรมดาแน่นอน เสื้อผ้าแพงๆแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ซื้อมาใส่ได้ แต่มันแปลกตรงที่ทำไมคนเป็นพ่อถึงไม่ได้รับรู้ปัญหาของลูกสาวเลย เธออยากจะเห็นหน้าคนที่ทำร้ายน้องข้าวสวยจริงๆจะตบให้สักฉาดแน่นอน แม้เธอจะเป็นคนอื่นแต่ก็รู้สึกโกรธแทนไม่น้อยเลย
