บทที่ 2 หญิงเสียสติ (1/2)
รถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าจวนสกุลจ้าว แต่ทว่ากลับมีบรรดาชาวบ้านกำลังยืนรายล้อมเบียดเสียดกันแน่นขนัดไปหมด จ้าวหลิงหลิงสาวเท้าลงจากบันไดคับแคบพลางกวาดสายตาสำรวจด้วยความงุนงง
"คุณหนู รอก่อนเจ้าค่ะ ฝนตกเดี๋ยวเป็นหวัดเอาได้นะเจ้าคะ"
เริ่นเหมยหยิบหมวกสานซึ่งมีผ้าแพรผืนบางปิดล้อมโดยรอบพลางสวมลงบนศีรษะของจ้าวหลิงหลิง จากนั้นกางร่มเพื่อป้องกันละอองฝนอีกครั้ง
"ขอบคุณแม่นม" จ้าวหลิงหลิงยิ้มตอบ "แล้วไยผู้คนจึงมายืนบังหน้าจวนของเราอย่างนี้เล่า"
สกุลจ้าวน่าเวทนาเสียจริง เดิมทีท่านแม่ทัพทำผลงานมากมายไม่น่าคิดกบฏบ้านเมืองเลย
เสียงจากสตรีนางหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนที่แออัด
คนขายบ้านเมืองกินก็สมควรแล้วมิใช่หรือ ว่าแต่นั่นชายหนุ่มผู้นั้น...
ชายหนุ่มอันใด เจ้าอยากหัวขาดรึ นั่นองค์ชายรองเชียวนะ เกรงว่าคงนำราชโองการลงทัณฑ์มาด้วยตนเอง ว่ากันว่าองค์ชายรองทั้งเคร่งขรึมเหี้ยมโหด คาดไม่ถึง พระองค์จะสามารถสังหารคนทั้งตระกูลจ้าวได้อย่างเลือดเย็นเพียงนี้ ช่างน่ากลัวโดยแท้
พวกเจ้า! พูดจาส่งเดชยิ่ง หากพระองค์ได้ยินจะได้หัวหลุดจากบ่า!
หญิงชรานางหนึ่งเอ่ยสำทับ หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษต่างก้มหน้างุดพลันหุบปากลงเดี๋ยวนั้น
จ้าวหลิงหลิงซึ่งยืนฟังอยู่นานใจเต้นระรัวแทบกระดอนออกนอกอก นางพยายามควบคุมสติจากนั้นแหวกผ่านฝูงชนออกไปยืนด้านหน้าท่ามกลางสายฝน
เรื่องที่พวกเขาเอ่ยเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไรกัน!
ทั่วทั้งเรือนหลังใหญ่รายล้อมไปด้วยบรรดาองครักษ์จากราชวัง หน้าธรณีทางเข้ามีบุรุษร่างสูงโปร่ง เกรงว่าเขาคงอายุราวสิบแปดปี ยืนสงบนิ่งดั่งหุ่นไม้แกะสลักลายประณีต ในมือขวากำสาสน์สีแดงเหลือบทองคำไว้แน่น ส่วนมือซ้ายกำลังถือของบางอย่างเอาไว้
จ้าวหลิงหลิงหูอื้อไปชั่วขณะ นัยน์ตาหงส์เขม้นมองผ่านลาดไหล่ของบุรุษร่างสูงไปเบื้องหน้า นางเห็นสองสตรีนอนกอดกันท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำดั่งสวรรค์ร่ำไห้ มือเรียวสั่นระริกท่าทางเหม่อลอย จ้าวหลิงหลิงยกมือขึ้นแง้มผ้าโปร่งที่ขวางใบหน้าออกเชื่องช้า ความหวาดกลัวกำลังกัดกร่อนผ่านเส้นเอ็นเข้าไปจนถึงกระดูก กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งจนชวนเวียนศีรษะ
สตรีข้างกายจับข้อมือของจ้าวหลิงหลิงเอาไว้ทันควัน "คะ...คุณหนู..."
จ้าวหลิงหลิงชะงักค้าง นางกล้ำกลืนกดข่มก้อนสะอื้น ลำคอกระเพื่อมขึ้นลงน้อย ๆ "หืม..."
"อย่าบุ่มบ่าม..." เสียงสตรีข้างกายสั่นเครือ กระทั่งมือที่ปรามไม่ให้นางเลิกผ้ายังควบคุมไม่อยู่
จ้าวหลิงหลิงเหลียวหน้ามอง "แม่นม ท่านหมายความว่าอย่างไร"
เริ่นเหมยกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ กระบอกตาของนางแดงก่ำ ร่มที่ถือเมื่อครู่หล่นลงพื้นโดยไม่ได้รับการเหลียวแล ดูเหมือนน้ำตาได้หลั่งออกมาแล้ว ทว่าหยาดฝนกลับช่วยอำพรางชะล้างเอาไว้ นางทราบดีว่าจ้าวหว่านถงต้องการส่งจ้าวหลิงหลิงออกจากจวนเพราะเหตุใด ทว่าเริ่นเหมยไม่คิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงนี้ จ้าวหลิงหวินยังอยู่ที่นี่ จ้าวเฉินหลินก็เช่นกัน พวกขุนนางจอมริษยาเหล่านั้นช่างกระทำการป้ายสีได้เหี้ยมโหดยิ่ง
"ขึ้นรถม้าเถิดเจ้าค่ะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยเสียงแหบแห้ง นางพยายามดึงมือของจ้าวหลิงหลิง กระนั้นอีกฝ่ายกลับรั้งกายไว้ด้วยความดื้อดึง
"แม่นม ทะ...ท่านและท่านแม่กำลังมีเรื่องปิดบังข้าใช่หรือไม่" เสียงที่เปล่งออกมาหัวเราะแผ่วระคนปวดร้าว
นางกลัวเหลือเกิน กลัวว่าภาพที่เห็นเลือนรางจะเป็นคนที่นางคิด ยามนี้เกิดเรื่องใดขึ้นกับจวนสกุลจ้าวกันเล่า กลิ่นคาวและน้ำสีแดงเข้มซึ่งไหลรวมกับหยาดน้ำฝนนั่นคือสิ่งใด โลหิตงั้นหรือ ไฉนจึงมากมายเพียงนี้
จ้าวหลิงหลิงกระชากมือออกจากการเกาะกุมของเริ่นเหมย นางแหวกผ้าขาวบางให้พ้นทาง ภาพเบื้องหน้าเด่นชัดกระจะตา เรือนโอ่อ่าไม่หลงเหลือเค้าเดิมอีกต่อไป สองสตรีซึ่งกำลังกอดกันท่ามกลางสายฝนคือมารดาและพี่สาวฝาแฝดของนาง จ้าวหลิงหลิงเจ็บปวดดุจถูกคมมีดกรีดลงกลางใจ ท่ามกลางสติที่เริ่มพร่าเบลอน้ำตาพลันเอ่อคลอขึ้นเต็มเบ้า
เสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากลำคอแห้งผาก ร่างบอบบางแข็งทื่อดุจถูกตะปูนับร้อยตอกตรึงติดแท่นประหาร "แม่นม..." ใบหน้างามผินมองสตรีข้างกายด้วยความระทมทุกข์ ขาเรียวเยื้องย่างออกไปด้านหน้าเนิบช้า
"นี่มันเรื่องอะไร เรื่องอะไรกัน!" จ้าวหลิงหลิงตะโกนเสียงดังลั่นท่ามกลางสายฝน
ชาวบ้านที่มุงดูหลงเหลือบางตาแล้ว ทุกคนต่างตกใจสะดุ้งโหยง
ผู้ใดกัน นางเป็นใคร คนเสียสติงั้นหรือ
จ้าวหลิงหลิงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ร่างบอบบางตั้งท่าวิ่งถลาไปหน้าประตูบานใหญ่ซึ่งมีบุรุษร่างสูงยืนอยู่ ทว่ากายของนางกลับปลิวติดมือใครบางคนไปเสียแล้ว ริมฝีปากสีกุหลาบชื้นเปียกถูกมือหยาบกร้านตะปบปิดเอาไว้ จ้าวหลิงหลิงพยายามดิ้นรนดีดแข้งดีดขาอย่างสุดชีวิต เสียงกรีดร้องเมื่อครู่ถูกกลืนอยู่ในลำคอพร้อมน้ำตาที่หลั่งรินเป็นสาย
ผู้ใด!? ปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้าจะไปหาท่านแม่และท่านพี่ ปล่อยข้า!
