ตอนที่ 3
3
“แม้ท่านพ่อจะไม่รักข้า แต่ที่ท่านทำเช่นนี้ก็ย่อมจะต้องมีเหตุผล ท่านคงคิดหวังให้ข้าช่วยการณ์ท่านในอนาคต ถ้าหากข้าพอมีความรู้ติดตัวไปบ้าง รูปร่างก็ไม่ได้ผ่ายผอมอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ดูดี ย่อมเป็นการเปิดทางให้ท่านพ่อได้ทำตามที่หวัง...ใช่หรือไม่ขอรับท่านฮูหยิน”
ไม่ใช่ความหวังของบุรุษผู้นั้นหรอก หากเป็นตัวฮูหยินสี่อิงเหม่ยเองต่างหากเล่าที่ต้องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่ การส่งเขาไปเป็นอนุภรรยาของบุรุษผู้นั้นเป็นเพียงแค่การเปิดประตูเท่านั้น ที่นางหวังจริง ๆ นั้นคือการส่งบุตรีไปเป็นภรรยาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่มีอำนาจมากพอและหวังให้บุตรชายคนใดคนหนึ่งรับราชการ เพื่อเชิดหน้าชูตาและเป็นขุมอำนาจไว้ต่อรองต่างหากเล่า
“อย่าไปเชื่อมันนะเจ้าค่ะท่านแม่ มันกำลังใช้เรื่องนั้นมาข่มขู่ คิดจะทำตัวเสมอลูก น้องรองและน้องสาม”
“แต่ถ้าฮูหยินคิดว่าสิ่งที่ข้าได้กล่าวไปนั้นเป็นเช่นดังที่คุณหนูใหญ่ได้กล่าว ข้าก็ต้องขออภัยด้วย ข้ารบกวนฮูหยินนานแล้ว คงจะต้องขอตัวก่อนขอรับ”
ต้องการสิ่งใดอย่ารุกไล่ให้มากจนเกินไป เดี๋ยวจะถูกจับพิรุธได้ แต่เขาเชื่อว่าคนฉลาดเช่นฮูหยินสี่อิงเหม่ยที่สามารถทำให้สามีที่ไม่เอาไหนกลายเป็นพ่อค้าที่มีชื่อ และยังสามารถครองตำแหน่งฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของสี่เหวินหม่าได้โดยไม่สั่นคลอน ยกเว้นมารดาของเขานะ เพราะนั่นนะ...มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ นางยังสามารถควบคุมคนในเรือนให้เชื่อฟัง...คนเช่นนี้ไม่เพียงแค่ฉลาดแต่ยังเก่งคิดและมองการณ์ไกลด้วย ซึ่งเขาไม่ควรประมาทมองข้ามไปโดยเด็ดขาด
“ข้าจะสั่งให้พ่อบ้านฉางจัดการให้ เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็บอกไป”
“ท่านแม่!” สี่ซูเจียวกระทืบเท้าด้วยความขัดอกขัดใจ
“หวังว่าสิ่งที่ข้าทำลงไป คงจะไม่เสียเปล่า”
นั่นไง เป็นอย่างที่เขาว่าใช่ไหมล่ะ สี่อิงเหม่ย...นางไม่ยอมทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน
“ข้าจะทำไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวังขอรับ” ได้...ข้าจะจดจำไว้ มีโอกาสข้าจะตอบแทนพระคุณ...อย่างดีเชียวล่ะ!
ข้าเดินจากมา หากหูก็ได้ยินสี่ซูเจียวโวยวายพลางตัดพ้อผู้เป็นมารดาของตนเองที่ยอมทำตามคำขอของเขา
ฮึ! นางช่างเป็นผู้หญิงที่มีแต่รูปร่างที่สวยงามชวนมอง หากสมองกลับเล็กน้อย คงมีไว้คั่นใบหูเท่านั้น...ละมั่ง!
“คุณชาย!”
เพียงแค่เห็นหน้าข้าเท่านั้น บ่าวรับใช้ผู้แสนดีและแสนจะซื่อสัตย์ก็ร้องเรียกและรีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นตื่นตระหนกและหวาดกลัวระคนห่วงใยในตัวข้าเป็นยิ่งนัก มันทำให้ข้ารู้ว่าคิดไม่ผิดในสิ่งที่คิดจะทำลงไปหลังจากนี้
ข้าส่งยิ้มให้กับเสี่ยวฝาน “กลับเรือนของเรากันเถอะ” ข้าบอกและเดินนำไป
“แล้ว...” เสี่ยวฝานหันรีหันขวาง ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
“นางเป็นคนฉลาด สิ่งที่ข้าไปบอกกล่าว นางได้ประโยชน์มากกว่าใคร แล้วทำไมนางถึงไม่ทำเล่า” ข้าบอกกล่าวกับเสี่ยวฝานที่ยังคงมีความกังวลใจอยู่
“จากนี้ไปพวกเรามีเรื่องต้องทำมากมาย เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมนะเสี่ยวฝาน” โอกาสที่ได้รับมามีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทำพลาดไป ข้าไม่กลัว เพราะถือว่าได้ทำแล้วและผลก็ย่อมต่างจากที่เคยเป็นมา หากไม่ทำต่างหากเล่า นั่นคือความน่าเสียดายและเสียใจ เพราะจุดจบของข้าก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม
“ขอรับคุณชาย”
“อย่างแรก ข้าจำได้ว่าเจ้าสามารถออกนอกเรือนไปได้โดยไม่มีใครสงสัยใช่หรือไม่” หลังจากฟื้น ความทรงจำที่ข้ามี...มันเลือนรางเป็นเสมือนม่านหมอกที่ปกคลุมไปเสียจนหมดสิ้น แต่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องราว บางครั้งข้าก็มีความรู้สึกสะท้อนก้องอยู่ในหัว มันจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เมื่อข้าเพ่งพิศคิดและมอง กลับปวดจนศีรษะแทบจะแตก ข้าจึงทำได้เพียงแค่เตรียมตัวรับมือเท่านั้น แต่ความทรงจำหนึ่งที่เหลืออยู่และฝังแน่นในดวงจิต นั่นคือ...ข้าต้องรอด!
“ขอรับ คุณชายจะให้ข้าทำอันใดขอรับ”
ข้ารู้ว่ามีงานให้เสี่ยวฝานทำ หากในหัวกลับว่างเปล่า คิดมิออกเลยว่าจะต้องทำสิ่งใด
โว้ย! ใครมันช่างกลั่นแกล้งข้ากันเนี่ย เอาความทรงจำข้าคืนมานะ
นึกสิ...นึกให้ออกสี่หนิงเหอ เจ้าต้องทำเรื่องใดกันแน่!
“คุณชายขอรับ”
“หือ...มีอันใดรึเสี่ยวฝาน” ข้าหยุดคิดถึงเรื่องที่จะให้เสี่ยวฝานไปทำชั่วคราว ก่อนจะก้มลงมองบ่าวข้างกายที่คิดไม่ตกว่าควรจะบอกกล่าวสิ่งที่ได้รับรู้มาให้ข้ารู้หรือไม่ แต่ถ้าให้ข้าคาดเดา ก็คงจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องอาการบาดเจ็บของตัวข้านั่นแหละ ถ้าให้คาดเดาเพิ่มเติม...คนที่ทำร้ายข้านั่นก็คงจะไม่พ้น...
“คุณชายรองรู้เรื่องที่คุณชายฟื้นแล้วนะขอรับ”
นั่นไง...ข้าก็คิดเอาไว้แล้วล่ะ เพราะลำพังเพียงบ่าวไพร่นั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำร้ายข้าจนถึงกับเลือดตกยางออกหรอกนะ ถึงจะอยากเอาใจผู้เป็นนายก็ตามเถอะ
ข้าได้แต่หัวเราะ ความทรงจำข้าผุดขึ้นมาว่า...เคยถูกบ่าวไพร่และก็คุณชายรองทำร้ายมาหลายครั้งมาก เอาเรื่องไปฟ้องฮูหยินและนายท่านแล้ว ก็พูดทำนองว่า...
เดี๋ยวจะจัดการตักเตือนให้ หรือไม่ก็...
ทำไมชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่เล่นกันในหมู่พี่น้องไม่ใช่รึ บาดเจ็บนิดหน่อย จะเป็นอะไรไปเล่า ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนร่างกาย
ฮึ! เวลาที่ตัวเขาถูกทำร้าย ช่างกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างเลือดเย็นยิ่งนัก หากเมื่อใดที่ข้านั้นเผลอทำร้ายคุณชายรองลงไป...ข้าจะต้องถูกลงโทษ ไม่ถูกโบยจนเนื้อแทบจะปริแตก เลือดไหลซิบ ก็จะถูกกักขังให้สำนึกผิดอยู่ที่เรือนนอนและให้อดอาหาร
ช่างมีความยุติธรรมเสียเหลือจะกล่าว!
“ก็ไม่ได้ตายเสียหน่อย ทำไมจะไม่ฟื้นเล่า” ความจริงที่ลงมือนั้น คงคิดจะให้ข้าตายไปนั่นแหละ แต่เผอิญว่าคราวนี้ข้ามันคนดวงดี...หรือเปล่า แค่ดวงมันแข็งเกินไปเท่านั้นแหละ ก็เลยรอดชีวิตกลับมาเสียได้ ดูท่าทางว่า คุณชายรองคงจะผิดหวังเป็นอย่างสูง
จะว่าไปก็...อยากเห็นหน้าเขียวหน้าเหลืองของคุณชายชะมัด
“คุณชายรองกล่าวว่า...ถ้าคุณชายกล้านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องฮูหยิน คุณชายรองจะ...”
“ข้าจะทำอย่างนั้นทำไมกันเล่าเสี่ยวฝาน อย่างไรเสียนั่นก็เป็นบุตรชายสุดที่รักของฮูหยินเชียวนะ” บุตรชายผู้ไม่เอาไหน นอกจากจะเกรกมะเหรกเกเรแล้ว ยังจะเจ้าชู้เสียจนน่ากลัวว่าจะอยู่ไม่ถึงแก่ ไม่ได้จะแช่งชักอะไรหรอกนะ แต่เชื่อเถอะว่าคุณชายรองนะ...ตายก่อนวัยอันสมควรแน่
“ถึงบอกไป ฮูหยินก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไหนจะคุณหนูใหญ่ซูเจียวอีก คงหาว่าข้าใส่ความน้องชายผู้แสนจะดีเลิศเพราะความอิจฉาริษยาเสียมากกว่า คนเช่นนี้เราอย่าไปเสียเวลาด้วยเลย ปล่อยให้เขาได้พบเคราะห์กรรมที่เขากระทำลงไปด้วยตัวเขาเองเถอะ”
“ขอรับคุณชาย”
ว่าแต่...ข้าจะให้เสี่ยวฝานทำอันใดกันน่ะ? ทำไมข้าถึงได้คิดไม่ออก แล้วแวบหนึ่งในสมองอันขาวโพลนของข้าก็ผุดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
มันคือความทรงจำก่อนจะตาย ที่ตอกย้ำให้ข้าจดจำไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย ข้า...ต้องรอดชีวิต! จะได้ท่องเที่ยวไปอย่างอิสรเสรี จะไปได้ก็ต้องมีเงินไว้ใช้จ่ายและ...ใช่! อีกเรื่องที่สำคัญไม่ต่างกัน อาหารรสเลิศที่แสนจะอร่อยล้ำเหลือและเพียงพอที่จะทำให้ข้ากับเสี่ยวฝานอิ่ม ข้าจะไม่อยู่อย่างอดอยากปากแห้งจนรูปกายผอมแห้ง เรี่ยวแรงไม่มี เหมือนคนพิกลพิการอีกแล้ว เมื่อไปที่โน่น ข้าจะต้องกินดีอยู่ดีมีอาภรณ์ที่อุ่นสบายใจ ดังนั้นข้าต้องมีวิธีการหาเงิน!
“เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เราคงต้องไปคุยกันที่เรือนข้าแล้วละเสี่ยวฝาน” ข้าลืมไปได้เช่นไร ที่นี่หูตาของพวกนางนั้นเต็มไปหมด เพียงแค่ขยับกายก็เหมือนกับจะจำแลงแปลงกายเป็นแมลงบินไปแจ้งข่าวกันเสียแล้ว
เฮ้อ! ช่างน่าสมเพชเสียนี่กระไร
