ตอนที่ 1 วางยาพิษ
เกือบสามเค่อแล้วที่รถม้าวิ่งออกจากจวนสกุลซ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังจวนฟ่านโหว สตรีรูปร่างบอบบางกำลังนั่งใจลอยอยู่ด้านใน มือสองข้างที่วางอยู่บนหน้าตักของตนบีบกันแน่น เมื่อคิดถึงหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายจากซ่งฮูหยินก็ทำให้ดวงตาร้อนผ่าว น้ำใสในตาเอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่วาสนาของนางมีสิทธิ์เป็นได้แค่นี้หรือ
เถาซูเหวินสาวใช้ข้างกายวัยสิบสี่ปีเหลือบมองผู้เป็นนายก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งพร้อมกล่าวออกด้วยความเห็นใจ “คุณหนูเจ้าคะ” พูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง
ผู้เป็นนายรับผ้าเช็ดหน้ามาโดยไม่กล่าวคำใด
เถาซูเหวินจึงพูดขึ้นอีก “คุณหนูอย่าร้องไห้เลยนะเจ้าคะ”
“ข้าแค่คิดถึงท่านแม่” หากท่านแม่ของนางยังอยู่ นางอาจจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็ได้ ถึงมารดาของนางจะเป็นเพียงอนุภรรยาที่มาจากสาวใช้ก็ตาม แต่ก็ยังได้รับความโปรดปราณจากบิดา แต่หลังจากสิ้นมารดาไปแล้วชีวิตของนางก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปทั้งหมด
ได้ยินเช่นนั้นเถาซูเหวินก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่ “คุณหนูอาจจะโชคดีเหมือนท่านแม่ก็ได้นะเจ้าคะ” ตอนนั้นมารดาของนางเป็นเพียงสาวใช้ในจวน เพียงแค่ซ่งจางเหว่ยได้พบหน้าก็รับเป็นอนุภรรยาทันที อีกทั้งยังได้รับความโปรดปราณมานานหลายปี กระทั่งซ่งเมิ่งเหยาบุตรสาวของนางอายุได้สิบสามปีก็ยังเป็นที่รักใคร่ของสามี ทว่าเมื่อนางจากไปบุตรสาวของนางจึงอยู่ในความดูแลของฮูหยินใหญ่ของนายท่านซ่ง
ริมฝีปากบางยกยิ้มหยันออกมา “โชคดีแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตแล้วทิ้งให้ข้าต้องสู้ชีวิตเพียงลำพังอย่างนี้หรือเรียกว่าโชคดี อีกอย่างข้ามีสิทธิ์เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงไม่ได้เป็นอนุภรรยาสักหน่อย” ซ่งเมิ่งเหยากล่าวตัดพ้อชีวิตตนเอง ไม่คิดว่าฮูหยินใหญ่ที่เคยพูดจาดีกับนางมาตลอดจะขายนางออกมาเช่นนี้
“แต่ถ้าคุณหนูเป็นที่โปรดปราณของท่านโหว คุณหนูก็มีสิทธิ์ได้เป็นถึงอนุภรรยาของท่านโหวนะเจ้าคะ” เถาซูเหวินพยายามชี้ทางให้คุณหนูของนางมองเห็นข้อดีในเรื่องนี้
ซ่งเมิ่งเหยาแค่นยิ้มก่อนกล่าวออก “เจ้าอย่าให้ข้าหวังเกินตัวไปหน่อยเลย” ฟ่านโหวอายุตั้งยี่สิบแปดปีเข้าไปแล้วแม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงสักคนก็ยังเคยไม่มี นับประสาอะไรกับภรรยาหรืออนุ แม้นางเองเดินทางไปยังจวนฟ่านโหวครั้งนี้ก็เพื่อเป็นสาวใช้อุ่นเตียงที่ซ่งฮูหยินขายให้แก่เจียงซื่อมารดาของเขา แต่นางก็ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง หน้าตาของฟ่านโหวผู้นั้นนางก็ยังไม่เคยเห็นสักครั้ง รู้แค่ว่าเขาเป็นคนเย็นชากับสตรียิ่งนัก
“คุณหนูก็เพียงทำตามหน้าที่ของตนเท่านั้นเจ้าค่ะ” เถาซูเหวินกล่าวพลางหยิบขนมขึ้นมา “คุณหนูกินขนมสักหน่อยนะเจ้าคะ เมื่อเช้าคุณหนูยังไม่ได้กินอะไรเลย ขนมนี้คุณหนูใหญ่เป็นคนให้ท่านมานะเจ้าคะ”
ซ่งเมิ่งเหยายิ้มรับด้วยความดีใจ ถึงจะรับขนมมาด้วยท่าทีเฉื่อยชา แต่ก็ยอมกัดกินขนมก้อนนั้นจนหมด เพราะนานครั้งเธอจะได้รับความรักจากพี่สาวต่างมารดา จากนั้นสาวใช้จึงรินน้ำชาส่งให้ ไม่นานซ่งเมิ่งเหยาก็หาวออกมาคล้ายง่วงนอนสองสามครั้ง นางใช้ผ้าปิดปากหาวจนน้ำตาเล็ด
“คุณหนูพักสายตาสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ใกล้ถึงจวนท่านโหวแล้วข้าจะปลุกคุณหนูเองเจ้าค่ะ” เถาซูเหวินบอกคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย
“ก็ดีเหมือนกัน” ซ่งเมิ่งเหยาเคลิ้มหลับไปในทันที ถึงสาวใช้จะรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดผู้เป็นนายถึงหลับง่ายดายถึงเพียงนี้ แต่ก็ปล่อยให้นางได้พักผ่อนอย่างสบายใจ เพราะหลายวันมานี้ซ่งเมิ่งเหยานอนเพียงวันละไม่ถึงสองชั่วยามด้วยซ้ำ เหตุเพราะนางเป็นกังวลเรื่องที่ต้องเข้าไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านโหว จึงทำให้นางนอนไม่ค่อยหลับ แต่เถาซูเหวินหาได้รู้ไม่ว่า ตอนนี้ผู้เป็นนายได้สิ้นใจไปแล้ว
อีกหนึ่งเค่อจะถึงจวนฟ่านโหวสาวใช้จึงจับแขนผู้เป็นนายเขย่าเบา ๆ “คุณหนูเจ้าคะ ใกล้ถึงจวนฟ่านโหวแล้วเจ้าค่ะ” คาดไม่ถึงว่าร่างของนางจะหล่นฮวบลงไปนอนบนพื้นรถม้าคล้ายกับร่างไร้วิญญาณ เถาซูเหวินตกใจแทบสิ้นสติ พูดออกด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ” เถาซูเหวินคุกเข่าลงค่อย ๆ พยุงร่างอ่อนปวกเปียกให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกตน มือข้างหนึ่งจับคางนางไว้แล้วเรียกเสียงสั่น “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู”
ทันใดนั้นร่างในอ้อมแขนกลับสะดุ้งเฮือกคราหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น นางยืดตัวนั่งตรงพร้อมกลอกตาไปมาคล้ายกำลังงุนงง
“คุณหนู”
เถาซูเหวินยังไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ เสียงสารถีจากด้านนอกก็ดังขึ้น “หยุด!” สารถีสั่งม้าทั้งสองตัว จากนั้นจึงบอกกับคนด้านใน “ถึงจวนฟ่านโหวแล้วขอรับ”
“เราลงไปกันเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้เก็บข้าวของเตรียมลงจากรถม้า
“ไปไหน?” ปานตะวันยังรู้สึกงุนงงอยู่เลย ก่อนหน้านี้เธอยังอยู่ที่เมืองไทยไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้เธอมาอยู่ในที่ที่ประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร