ตอนที่ 3 เจ้าของราเมนที่แปลกที่สุดในโลก
ท่ามกลางทุ่งหิมะขาวโพลนที่แผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ลมหิมะเย็นเฉียบพัดกรูใส่หน้าแบบไม่ปรานี
เกล็ดหิมะละเอียดปลิวว่อนอยู่ในอากาศหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า ทุกย่างก้าวที่ฉันเดินเหมือนเหยียบลงไปในมหาสมุทรเย็นเยียบที่ไม่รู้จุดจบ
"ฮ่าาา...อะไรกันเนี่ย..."
ฉันกัดฟันแน่น เสียงลมหายใจของตัวเองกลายเป็นไอขาวพวยพุ่งออกมาเป็นจังหวะ ยกแขนปิดหน้าบังลม และก้าวเท้าออกไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่รวบรวมมาแทบหมดทั้งชีวิต
ข้างหลัง —
ประตูเชื่อมต่อกับโลกเดิม ที่ครั้งหนึ่งยังมองเห็นเป็นบานประตูไม้ธรรมดา บัดนี้ค่อย ๆ เลือนหายไป
เหมือนเงาฝันจาง ๆ ถูกลบหายไปกับหิมะ
เหมือนไม่เคยมีอยู่เลยตั้งแต่แรก
ทิ้งฉันไว้กลางโลกที่ไม่รู้จัก
ตอนนี้...
ฉันมีแค่ตัวเอง กับ...กล่องราเมนที่อบอุ่นในมือเท่านั้น
มือข้างที่กอดกล่องไว้แน่นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเล็ก ๆ
มันเหมือนจุดไฟเล็ก ๆ ในทะเลน้ำแข็งนี้ กลิ่นหอมกรุ่นที่แทรกออกมาจากกล่อง ยังช่วยเตือนว่าฉันมีภารกิจ — มีเป้าหมาย — และยังมีอะไรบางอย่างที่ต้องไปให้ถึง
เสียงลมหิมะพัดหวิวดังครืนครางอยู่รอบตัว — มันไม่ใช่แค่เสียงลมธรรมดา แต่ฟังดูเหมือนเสียงคำรามอันแผ่วเบาของบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พรมหิมะหนานุ่มนี้
ชุดกันหนาวไฮเทคที่พี่ยำให้มา แม้จะปกป้องความหนาวไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่อาจหยุดความสั่นไหวที่ไหลมาจากข้างในตัวฉันเอง
สั่นด้วยหนาว หรือสั่นด้วยความกลัว...ฉันเองก็แยกไม่ออกแล้ว
ทุกย่างก้าวที่ฝ่าไป รอยเท้าของฉันจมหายลงในหิมะหนาเกือบถึงหัวเข่า ทิ้งร่องรอยบางเบาที่ถูกลมหิมะกลบทับอย่างรวดเร็ว ราวกับโลกนี้ไม่ต้องการให้มีหลักฐานว่าฉันเคยมาเหยียบย่างที่นี่
'แค่เดินตรงไป...เดินตรงไป...'
ฉันท่องอยู่ในหัวซ้ำ ๆ อย่างกับคาถาคุ้มครอง
ทั้งที่ในความเป็นจริง...โลกใบนี้ไม่มีแม้แต่เส้นทางให้เดินตาม มีเพียงสีขาวโพลนของหิมะ กับความเงียบงันที่หนาวเหน็บกินลึกเข้าไปถึงกระดูก
ลมพัดแรงจนแทบก้าวเท้าไม่ออก หิมะปกคลุมถึงข้อเท้า หนักอึ้งจนทุกย่างก้าวต้องใช้แรงลากขาไปทีละก้าว ทีละก้าว
ความหนาวแทรกซึมเข้ามาแม้จะมีชุดกันหนาวชั้นเยี่ยมปกคลุมตัวอยู่ก็ตาม
"ถ้าใครคิดว่าส่งอาหารในกรุงตอนรถติดแย่แล้ว...ลองมาส่งในพายุหิมะดูมั้ย..."
ฉันพึมพำใส่ลมอย่างหงุดหงิด มือที่กอดกล่องราเมนไว้แนบอกสั่นระริกเพราะต้องฝืนสู้กับทั้งความเหน็บหนาวและแรงลมบ้าคลั่ง
"แค่สั่งราเมน...ถึงขั้นต้องส่งข้ามมิติเลยหรือไง?!"
เสียงพึมพำนั้นปลิวหายไปกับลม — ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวฉันเอง
กล่องราเมนในมือเป็นเหมือนแหล่งความอบอุ่นเดียวในโลกใบนี้ ความร้อนน้อย ๆ จากมันช่วยให้มือของฉันไม่แข็งจนสูญเสียความรู้สึก แม้จะต้องจับมันด้วยปลายนิ้วแข็งชาจนแทบไม่รู้ตัวแล้วก็ตาม
ตึง!
บางอย่างลื่นไถลเข้ามาชนขาข้างหนึ่งเบา ๆ จนฉันสะดุ้ง
"เฮ้ย?! อะไรน่ะ!"
ฉันรีบก้มลงมอง ระแวงว่าอาจเป็นสัตว์ประหลาดจากมิติประหลาดนี้
แต่สิ่งที่เห็น...กลับเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ สีขาว ที่กลิ้งอยู่ข้างรองเท้าของฉัน
ก้อนเล็กนั่นติดหิมะเกาะพราวทั้งตัว ดูเหมือนเศษก้อนน้ำแข็งในตอนแรก...แต่เมื่อฉันเพ่งมองดี ๆ ถึงเห็นว่ามันหายใจเบา ๆ จนไหล่เล็ก ๆ นั่นสั่นไหว
มันคือ ลูกสัตว์ตัวน้อย — คล้ายลูกจิ้งจอก แต่ขนของมันเหมือนทำจากเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ ระยิบระยับเคลือบทั่วร่าง ดวงตาสีฟ้าอ่อนเปิดปิดช้า ๆ ราวกับกำลังใกล้หมดแรงเต็มที
"โอ๋ย...ตัวจ้อยเอ๊ย..."
หัวใจฉันบีบรัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ฉันรีบหย่อนตัวลง ประคองเจ้าก้อนน้อยขึ้นจากหิมะอย่างเบามือ ตัวมันเบาจนเหมือนเศษขนมสายไหมเล็ก ๆ และสั่นระริกจนฉันรู้สึกได้ผ่านปลายนิ้วที่ชา
"สงสัยพลัดหลงกับแม่ล่ะสิ..."
ฉันพึมพำ มองซ้ายมองขวา แต่มีเพียงหิมะว่างเปล่า — ไม่มีเสียง ไม่มีร่องรอย ไม่มีเงาอื่นใด
ใจหนึ่งอยากอุ้มเจ้าตัวน้อยกลับบ้านไปดูแลให้ปลอดภัยเต็มที่ แต่อีกใจ...ฉันมีภารกิจในมือ — กล่องราเมนที่ต้องส่งให้ทันก่อนที่ความร้อนจะสลายไปกับพายุหิมะ
"โอเค ฟังนะ เจ้าก้อนหิมะน้อย"
ฉันก้มหน้าลงกระซิบใกล้หูเล็ก ๆ ของมัน ขณะที่มันพยายามลืมตาขึ้นมามองฉันด้วยสายตาเปียกชื้น
"ฉันต้องไปส่งราเมนก่อน ไม่งั้นนายกับฉันได้แข็งตายพร้อมกันแน่"
ฉันควานหาผ้าพันคอผืนหนาในกระเป๋าแคปซูล ลากมันออกมาด้วยมือที่สั่นเทา แล้วค่อย ๆ ห่อเจ้าจิ้งจอกน้ำแข็งน้อยไว้แนบอกอีกข้าง ข้างเดียวกับหัวใจของฉัน
ข้างหนึ่งคือกล่องราเมนที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ข้างหนึ่งคือชีวิตน้อย ๆ ที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ
สองชีวิต สองภารกิจ...สู้โว้ย!
ฉันกัดฟันแน่นอีกครั้ง
รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือ ก้าวเท้าออกไปในทุ่งหิมะอันโหดร้ายด้วยหัวใจที่หนักแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉันลากขาเดินฝ่าหิมะต่อไปเรื่อย ๆ รู้สึกเหมือนก้าวเท้าในฝันที่ไม่มีวันไปถึงจุดหมาย
จนกระทั่ง...
เงาร่างขนาดมหึมา ปรากฏขึ้นในม่านหิมะเบื้องหน้า ราวกับภาพลวงตาที่ค่อย ๆ ชัดขึ้นทีละนิด
มันคือ วังน้ำแข็ง — ปราสาทสีขาวเงินตั้งตระหง่านท่ามกลางทุ่งหิมะรกร้าง
เสาหินน้ำแข็งขนาดมหึมาเรียงตัวเป็นแนวโค้งอย่างวิจิตรตระการตา แกะสลักอย่างละเอียดเหมือนลมหายใจของโลกได้ปั้นแต่งมันขึ้นมาเอง
กำแพงสูงตระหง่านเป็นแผ่นน้ำแข็งใสบริสุทธิ์ที่สะท้อนประกายแสงจากฟากฟ้าให้สว่างไสวราวกับก้อนเมฆเรืองแสง
ความงดงามนั้น...แทบทำให้ฉันลืมหายใจไปชั่วขณะ
หน้าประตูวังขนาดใหญ่ที่ปิดสนิท มีใครบางคนยืนอยู่
ชายคนหนึ่ง —
สูง สง่า และเยือกเย็นจนบรรยากาศรอบตัวดูสงบนิ่งผิดธรรมชาติ
เส้นผมยาวสีครามเข้มปลิวไหวตามแรงลมราวม่านน้ำหมึก ชุดคลุมสีเทาเงินแนบไปตามร่างสูงโปร่ง แข็งแรง ประหนึ่งรูปสลักจากหินน้ำแข็งเก่าแก่
ร่างของเขาดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของวังน้ำแข็งเบื้องหลัง — เย็นเยียบ งดงาม และน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ
และที่สำคัญที่สุด...
เขากำลังจ้องมาที่ฉัน —
ไม่ใช่ที่ใบหน้าฉัน แต่จ้องไปยังกล่องอาหารราเมนในมืออย่างแน่วแน่
ดวงตาสีฟ้าเข้มลึกเหมือนบ่อบาดาลใต้ธารน้ำแข็งพันปี จับจ้องกล่องราเมนเรืองแสงในอ้อมแขนฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก — ความสงสัย? ความไม่เชื่อ? หรือความสนใจที่แทบจะมองเห็นได้ชัดเจน?
หัวใจฉันกระตุกวูบ — ร่างแข็งค้างอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้นอีกชิ้นหนึ่งของวังน้ำแข็ง
'ไม่ใช่แค่หล่อ...นี่มันตัวอันตรายชัด ๆ!'
ฉันพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอ แล้วฝืนยิ้มเกร็ง ๆ ยกกล่องราเมนขึ้นสูงนิดหน่อยเป็นสัญญาณแบบงก ๆ
"อะ...เอ่อ...ออมนิไบท์เดลิเวอรี่ค่ะ ราเมนเพลิงจันทร์ลาวา...สำหรับคุณ?"
เสียงของฉันถูกลมหนาวกลืนหายไปเกือบครึ่ง แต่เขาก็ยังได้ยิน
ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบใต้แพขนตายาวพริ้มจับจ้องกล่องราเมนราวกับกำลังวิเคราะห์มันทุกอณู
เขาไม่พูดอะไร
ไม่ถาม ไม่ขานรับ
แค่...
ก้าวเข้ามาใกล้
ช้า ๆ แน่วแน่
ลมหิมะที่พัดกรูรอบตัวดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อยทันทีที่เขาขยับตัว
อากาศหนาวรอบกายคล้ายจางลงอย่างผิดธรรมชาติ ราวกับฤทธิ์แห่งพลังบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเขา
ฝีเท้าของเขาเบาและนิ่งสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมลงไปในหิมะ
'โอ้พระเจ้า...'
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืด รู้สึกเหมือนร่างกายไม่ตอบสนองอีกต่อไป
'ฉันส่งอาหารให้ใครกันแน่เนี่ย...เทพน้ำแข็งเรอะ?!'
ในขณะที่หัวใจเต้นระรัวจนน่ากลัวว่าจะได้ยินจากภายนอก
ฉันยืนแข็งอยู่กับที่...
ทำได้แค่ภาวนาในใจว่า "เทพเจ้าน้ำแข็ง" ตรงหน้านี้...จะไม่หิวราเมนมากเสียจนเป่าฉันให้กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งไปด้วยอีกคนหรอกนะ
❄️❄️❄️❄️❄️❄️
