สาวน้อยไม่อยากเป็นทาสรับใช้อีกแล้ว 2
“นั่นเจ้าจะไปไหน เย็นป่านนี้แล้วยังจะออกไปอีกหรือ รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกไปที่นาแต่เช้า อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
ได้ยินประโยคสุดท้ายนั่นพ่อนางก็ชะงักไป ฉินหลิวซีที่คอยจับสังเกตรอบด้านอยู่เสมอขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางของบิดา นางพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นึกความเป็นไปได้ออกว่า ทำไมบิดาถึงไม่ยอมตอบโต้หรือสู้เพื่อครอบครัว
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้วแม่ของนางก็ยังต้องมาล้างจานชามที่เหลือ ระหว่างนั้นบิดาก็มาเล่นกับลูก ๆ
“ท่านพ่อเจ้าคะ” เด็กหญิงยิ้มหวานเข้าไปหา
บิดาไม่เห็นลูกเรียกหามานานก็ยิ้มดีใจ
“ทำไมข้าถึงไม่ได้กินข้าวล่ะ” คำถามของนางเหมือนลิ่มเหล็กตอกเข้ากลางใจ ฉินก่วงรู้สึกสะอึกขึ้นมา
“เพราะว่า...เอ่อ เพราะว่า...”
ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะตัวท่านเองก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“ท่านแม่ทำงานหนัก ซักผ้าเกือบทุกวัน ไม่เสื้อผ้าก็เป็นที่นอนปลอกหมอนมุ้ง ไม่มีวันไหนที่นางได้หยุดพัก ข้าเห็นพี่น้องบ้านใหญ่อาหารการกินมีเนื้อไข่ ข้ากับน้องได้กินแต่แผ่นแป้งแข็ง ๆ ทั้งที่ข้าก็ทำงาน น้องก็ทำงาน
จะเล็กน้อยอย่างไรก็ทำ ท่านพ่อไม่รู้สึกว่าแปลกหรือเจ้าคะ”
เด็กหญิงทำหน้าตาใสซื่อตั้งคำถามเหมือนไม่รู้ความหมายจริง ๆ ดวงตากลมโตบริสุทธิ์จ้องมองไปยังบุรุษตรงหน้า
“ข้าน้อยใจเหลือเกินเจ้าค่ะ วันนี้ท่านแม่ก็จะเอาผ้าไปซักตามปกติ แต่ท่านป้าไม่ยอมเอาผ้าของนางมาให้ กลายเป็นว่าท่านแม่ของข้าเป็นคนผิด หรือนี่เป็นความถูกต้องเจ้าคะ”
ยิ่งฟังบุตรสาวพูด ผู้เป็นพ่อยิ่งรู้สึกหนักอึ้งในใจ
มีความไม่พอใจคุกรุ่นอยู่ในนั้น
“ท่านพ่อเจ้าคะ หากวันนี้ข้าไม่เชื่อฟัง ข้าไม่ไปซักผ้า ไม่ทำอย่างที่ข้าเคยทำ ท่านจะผิดหวังในตัวข้าหรือไม่”
นางกล่าวถามเสียงใส ปั้นหน้าดุจเทพธิดาตัวน้อย
นั่นทำให้ฉินก่วงนึกย้อนไปถึงวัยเด็กของตัวเองขึ้นมา เขาเคยเชื่อว่าหากทำตามที่มารดาบอก นางก็จะรักเขาบ้าง ตั้งแต่เกิดมามีเพียงบิดาให้ความอบอุ่น
ท่านปู่ของฉินหลิวซีไม่ค่อยอยากมายุ่งงานในบ้านเพราะไม่อยากมีปากเสียงกับภรรยา เขาที่เป็นบุตรชายคนรองก็ตามบิดาไปทำงานที่ไร่นาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจทำทุกอย่างที่แม่บอก เพราะกลัวว่านางจะไม่ต้องการเขาอีก
ชิวย่าหนานเป็นคนซื่อหัวอ่อนที่เขารักและเลือกมาเป็นภรรยา แต่วันนี้กลับละเลยนาง เป็นสามีภรรยาแต่นางกลับไม่ยอมเล่าความทุกข์ใจให้เขาฟัง ต้องมาได้รู้จากปากบุตรสาวว่าวันนี้โดนรังแกอย่างไร
ข้าบกพร่องในหน้าที่ของสามีและพ่อแล้วใช่หรือไม่
ฉินก่วงคิดทบทวนอยู่ทั้งคืน จนภรรยาเสร็จจากงานเข้ามาในห้อง ครอบครัวทั้งสามคนหลับไปแล้ว มีแต่เขาที่ยังตื่นอยู่
“ท่านแม่ วันนี้ไม่ต้องซักผ้านะเจ้าคะ”
เช้าวันต่อมาฉินหลิวซีก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนที่จะไปให้พ้นจากครอบครัวใหญ่นี่สักที นางไม่อยากทนอยู่ที่นี่อีกแล้ว ทำงานหนักแต่ข้าวไม่มีให้กิน แต่นางก็เป็นเพียงเด็กหญิงอายุห้าขวบที่ตัวเล็กกว่าอายุจริง ร่างกายผอมบางเพราะขาดสารอาหารมาหลายปี ฉะนั้นทำได้แต่กรอกหูบิดามารดาให้ลุกมาต่อต้านเท่านั้น
“ไม่ซักได้หรือ มันหน้าที่ของแม่” นางถามบุตรสาวกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านแม่เป็นสะใภ้บ้านนี้ น้าสะใภ้และป้าสะใภ้ก็เป็นสะใภ้บ้านนี้ ทำไมมีแต่ท่านแม่ที่ต้องทำงานเล่าเจ้าคะ”
ชิวย่าหนานเถียงบุตรสาวไม่ออก นางไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นเลยด้วยซ้ำ คิดแต่ว่าอยากให้แม่สามีพอใจ อยากให้สามีชื่นชมนางที่เอาใจใส่ดูแลครอบครัวดี อะไรถึงทำให้บุตรสาวของนางตั้งคำถามนี้ขึ้นมาในใจได้
“ท่านแม่ หากท่านอยากทำจริง ๆ ก็ทำให้แค่ครอบครัวของเรากับท่านปู่ท่านย่าดีกว่านะเจ้าคะ”
“ทำเช่นนั้นท่านป้าสะใภ้ของเจ้าก็จะเอ็ดแม่เอาอีก”
“ท่านแม่กลัว หรือกลัวว่าข้าจะกลัว”
เป็นอีกคำถามที่นางก็ตอบบุตรสาวทันทีไม่ได้ เพราะนางก็ไม่เคยหาคำตอบให้ความรู้สึกนั้นของตัวเองเช่นกัน นางระแวงอะไร กังวลอะไร
ฉินหลิวซีไม่อยากทำให้แม้แต่ของปู่กับย่าด้วยซ้ำ
แต่นางไม่มีทางเลือก เรื่องนี้จะรีบร้อนตัดขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมารดาคงไม่ยอมคล้อยตาม ทั้งบิดามารดาล้วนเป็นคนกตัญญูรู้คุณ หรืออย่างน้อยนางก็คิดว่าถูกกล่อมเกลามาให้คิดแบบนั้น ซึ่งนางก็ไม่ค้านหรอกหากจะทำ แต่ไม่ใช่กับครอบครัวที่เห็นบ้านของนางเป็นเหมือนคนรับใช้แบบนี้
