สาวน้อยยากไร้ข้าวก็ไม่มีจะกิน
อย่างที่ได้รับรู้ในความทรงจำตกค้างที่นางเข้าใจผิดไปเองว่า เป็นความฝัน ครอบครัวนี้ความเป็นอยู่ย่ำแย่ สะใภ้ถูกดูแลเหมือนเป็นคนใช้ในบ้าน ฉินหลิวซีเดินตามหลังผู้เป็นแม่ที่หอบตะกร้าสูงท่วมหัวออกไปยังแม่น้ำใกล้ ๆ
ซึ่งจะบอกว่าใกล้ก็บอกได้ไม่เต็มปาก เพียงแต่มันเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ใกล้ที่สุด และก็เดินจนปวดขา
บิดาของเด็กหญิงตัวน้อยทำงานในที่นาของครอบครัว สองแม่ลูกดูแลเรื่องงานบ้านภายในและซักผ้าเป็นหลัก
ชิวย่าหนานเห็นบุตรสาวไม่พูดก็นึกแปลกใจอยู่
แต่เห็นหน้านางซูบซีดคิดว่าคงเหนื่อย จึงไม่ได้ถามอะไร
“ข้าขอตัวไปถ่ายหนักสักครู่นะเจ้าคะ”
มารดาพยักหน้าไม่ได้ซักไซ้อะไร ฉินหลิวซีจึงปลีกตัวเดินออกมาไกล ๆ ได้อย่างไม่ผิดสังเกต พ้นสายตามารดามาได้นางก็มองหาต้นอ่อนพันธุ์ไม้ต่อ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ลองใช้พลังธาตุไม้ที่ติดตัวมาดู
จากที่เคยทำให้ต้นกล้างอกใบออกมาได้ไม่กี่ใบ ทำให้รากไม้ขยับได้นิดหน่อย ตอนนี้แค่เพียงใส่พลังเข้าไปต้นอ่อนนั้นก็เติบโตขึ้นเป็นลำต้นในเวลาไม่กี่อึดใจ
ฉินหลิวซีกำลังจะฉีกยิ้มยินดี เสียงท้องนางก็ร้องประท้วงขึ้นมาขัดจังหวะ ใบหน้าเด็กหญิงแข็งค้าง นึกได้ว่าตนยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
เอาเถอะ ถือเป็นโอกาสได้ลองลูกเล่นใหม่ที่ได้มาพอดี
ฉินหลิวซีเดินลึกเข้าไปในป่าอีกนิด จนกระทั่งพบม่านเถาวัลย์ของต้นอะไรสักอย่างที่นางไม่ทราบชื่อ
แหวกเข้าไปด้านในที่ปกติมักจะเป็นหินชื้น ๆ ทั้งก้อน และมีตะไคร่ขึ้นจับหนา โชคดีมากที่นางพบโพรงตื้น ๆ พอให้ผู้หญิงตัวเล็กสักคนเข้าไปยืนอยู่ได้ ฉินหลิวซีไม่รอช้า
นางสอดตัวเข้าไปหลังม่านไม้แล้วเปิดมิติของตนเพื่อเข้าไปเอาน้ำพุวิญญาณมาดื่ม
เรี่ยวแรงที่เคยหดหายเริ่มฟื้นคืนกลับมาอย่างช้า ๆ ความรู้สึกหิวจนแสบท้องทุเลาลงจนหายไปอย่างรวดเร็ว
“สรรพคุณล้ำเลิศ แต่อาจไม่ยั่งยืน”
เพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตัวเองนางจึงลองใช้พลังธาตุอีกครั้ง เรี่ยวแรงหดหายไปเมื่อลองดื่มน้ำพุวิญญาณก็มีกำลังเหมือนเดิม เด็กหญิงทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมากระทั่งดื่มน้ำไปแล้วความหิวยังคงอยู่จึงค่อยหยุดมือ
จำนวนครั้งในการฟื้นฟูมีจำกัด หากไม่เติมพลังงานส่วนที่ขาดอยู่ก่อนแล้วเข้าไปทดแทน
เมื่อได้ข้อสรุปกับตัวเองหนึ่งขั้น ฉินหลิวซีก็กลับออกมาช่วยมารดาซักผ้า
เด็กหญิงน้อยมองมารดาแทบจ้อง ชิวย่าหนานรู้สึกถึงสายตาของลูก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร แค่คิดเรื่องงานบ้านที่ต้องทำต่อไปก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ไม่มีเวลาใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย
“ท่านแม่ เราต้องซักผ้าเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไร”
“จนกว่าจะหมดเหมือนทุกที” ดวงตาผู้เป็นแม่ไร้แววสดใส มีแต่ความขลาดกลัวเด่นชัดอยู่ในนั้น
เด็กหญิงก้มหน้าก้มตาปล่อยให้เวลาเดินผ่านไป
นางยังไม่รู้สถานการณ์ในบ้านแน่ชัด ด่วนตัดสินใจไปก็อาจผิดพลาดจึงรอคอยอย่างใจเย็น
สองแม่ลูกกลับถึงบ้าน เดินผ่านครัวด้านหลัง
ชิวย่าหนานก็วางตะกร้าผ้าไว้แล้วไปเปิดหม้อแกงดู พบว่าเหลือแต่น้ำซุปเปล่า ๆ สีหน้าผู้เป็นแม่ไม่เปลี่ยนแม้เจอเช่นนี้ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน นั่นยิ่งทำให้ฉินหลิวซีรู้สึกขุ่นเคือง
หลังจากนำผ้าไปเก็บเรียบร้อยเด็กหญิงก็แอบนำน้ำในมิติที่แบ่งออกมาผสมน้ำใส่ชามให้ผู้เป็นแม่ดื่ม
“อะไรหรือ?”
“แค่น้ำเปล่าดื่มแก้กระหายเจ้าค่ะ”
หลังส่งกระบอกน้ำให้มารดานางก็เดินเลี่ยงออกมานั่งหลบมุม จากสถานการณ์ที่ประเมินด้วยตาเปล่า หากนางไม่หาทางออกไปอยู่เอง คงได้ปวดหัวจนตายอีกรอบแน่
ไม่เครียดเพราะคนพวกนี้ก็เส้นเลือดในสมองแตก
ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเดิม ตระกูลฉินนอกจากครอบครัวของนางแล้วยังมีลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องของนางสองคน เป็นครอบครัวลูกรักคนโปรดของปู่กับย่า ลุงใหญ่มีนิสัยซื่อบื้อแต่ขยันทำงาน หัวอ่อนว่าง่ายจึงถูกภรรยาเป่าหูให้เชื่อฟัง
ฉินหลิวซีที่พึ่งมาใหม่ลงความเห็นกับตัวเองว่า
คนประเภทนี้ควรอยู่ให้ห่าง
