จุดจบของคนไร้ประโยชน์
“จากที่ฟังมาน่าจะเป็นวันสุดท้ายแล้วละ” ใครอีกคนตอบ สภาพผู้อาสาออกมาแต่ละคนดูดีกว่าซอมบี้แค่นิดเดียว เธอเองก็อยากรีบกลับเข้าไปแล้วเหมือนกัน
หลังกลับเข้าไปจะมีอาหารปริมาณมากรอเธออยู่เป็นสิ่งตอบแทน หลังจากพระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงต่ำ อาสาสมัครที่เคยทำงานด่านหน้าก็มารวมกันที่หน้าประตู เพราะครั้งไหน ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกินสิบวัน แต่แล้วบางอย่างที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“ประตูไม่ยอมเปิด! เฮ้ย คุณเจ้าหน้าที่ นี่มันหมายความว่ายังไง!?”
ประตูและรั้วเหล็กเริ่มสั่นสะเทือนจากการใช้กำลังของอาสาสมัครหลายสิบคนที่นอกรั้ว ฉินหลิวซีรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวค่อย ๆ คืบคลานเข้าเกาะกุมจิตใจ เธอยอมออกมา เพราะเชื่อว่าจะได้กลับเข้าไป แต่ดูเหมือนจะให้ความไว้ใจมากเกินไปสินะ
ขณะเดียวกับที่เหตุความวุ่นวายตรงหน้ากำลังเริ่มขึ้น เสียงคำรามแหลมสูงจากด้านหลังก็ดังขึ้นมา เสียงสั่นประสาทหวีดแหลมก้องสะท้อนจนแสบแก้วหู
“เปิดสิวะ!”
“เปิดให้พวกเราเดี๋ยวนี้นะ!”
พลเมืองพากันประท้วงทั้งชายหญิง พวกเขาต่างหมดเรี่ยวแรงไปแล้วจากการทำงานแลกอาหารสิบวันที่ผ่านมา เสียงกรีดร้องไม่มีความหมาย เจ้าหน้าที่ยังคงยืนกรานไม่เปิดประตูโดยไม่มีการตอบคำถามใด
ฉินหลิวซีเงยหน้ามองอาคารสูงเบื้องหน้าด้วยแววตาเคียดแค้น ที่ผ่านมาเธอคงมองโลกในแง่ดีเกินไป การหาอาสาสมัครมาก็แค่คัดคนที่มีประโยชน์แบบใช้แล้วทิ้งมาเป็นอาหารผีดิบพวกนี้ จะให้อาหารเป็นรางวัลอย่างนั้นหรือ
ทั้งที่อาหารไม่เคยมีพอ เธอน่าจะคิดได้
ฉินหลิวซีกัดฟันมองขึ้นไปยังห้องบัญชาการของค่ายด้วยความเครียดแค้นชิงชัง รั้วเหล็กชั้นนอกไม่นานก็ถูกพังเข้ามา ฝูงซอมบี้หิวกระหายไล่ล่าพลเมืองที่ถูกขังไว้ด้านนอกราวกับมีคนสั่งการ พวกมันไม่ได้พังรั้วอีกชั้นเข้าไป แต่กลับไล่รุมทึ้งมนุษย์ไม่กี่สิบคน
ฉินหลิวซีสั่งรากไม้ให้ผุดขึ้นจากดิน แต่พลังของเธอยังไม่ถึงขั้น ต้านพวกมันได้ไม่ถึงอึดใจด้วยซ้ำ
“กรี๊ดดดด!”
ฉินหลิวซีหวีดร้องเสียงแหลมเมื่อถูกคว้าตัวเอาไว้ได้ สัมผัสต่อมาคือคมเขี้ยวเปื้อนน้ำลายที่ฝังลงบนผิวเธอแล้วฉีกกระชากออกไปจนหยาดเลือดสาดกระเซ็น ความหวาดกลัวเข้าครอบงำหญิงสาวในทันที ตัวเธอสั่นสะท้านและรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง หลังจากนั้นความเจ็บปวกมากมายก็จู่โจมมาที่เธอ
สติรับรู้เลือนหาย ดวงตาพร่าเบลอ แม้แต่ลำคอก็ไม่อาจส่งเสียงได้ การรับรู้สุดท้ายคือเสียงโหยหวนของเพื่อนร่วมชะตาที่ไม่อาจหนีพ้นเช่นเดียวกับเธอ...
ความรู้สึกแรกหลังจากรู้สึกตัวคืออุณหภูมิร่างกายที่สูงมากคล้ายคนจับไข้ ร่างกายหนักอึ้งไปจนถึงศีรษะ อาการปวดหัวจี๊ดแล่นริ้วขึ้นมาตามขมับจนต้องเผลอย่นคิ้ว
เมื่อคืนนี้เธอฝันประหลาด การต้องรับบทบาทในฝันเป็นเด็กผู้หญิงอายุห้าขวบที่ทางบ้านมีฐานะยากจนไม่ค่อยสนุกเท่าไรนัก ฝันนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่นมีน้องชาย
อาหารการกินก็ไม่เพียงพอแม้แต่ปากท้องเดียว มีแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ไม่มีเนื้อ บ้านที่นางอยู่มีไข่ไก่ แต่ไม่เคยตกถึงท้อง
เทียบกับการต้องออกไปเผชิญหน้าฝูงซอมบี้เป็นสิบเป็นร้อย ฉินหลิวซีไม่แน่ใจเลยว่า อันไหนคือฝันร้ายกว่ากันกันแน่
วันวันหนึ่งเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องใช้แรงงานในบ้านร่วมกับมารดาที่ร่างกายอ่อนแอ ซักผ้าให้คนทั้งบ้าน
ยามป่วยไข้กลับไม่มีใครออกเงินรักษา คิดแต่นอนพักแล้วก็หายสุดท้ายก็ตายจากไปเงียบ ๆ แค่เรื่องราวของฝันตื่นหนึ่ง ไม่นึกเลยว่ามันคือความจริง
ฉินหลิวซีนอนเหม่อหลังจากได้สติรับรู้คืนมา
ที่เรียกว่าฝันนั้นแท้จริงคือความทรงจำ ตัวนางคือองค์ประกอบหนึ่งของครอบครัวเล็ก ๆ ในครอบครัวใหญ่แห่งนี้
เรื่องบ้า ๆ แบบนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวพอ
