1 ข้อเสนอที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เสียงน้ำแข็งกระทบขอบแก้วดังเป็นจังหวะในห้องรับรองส่วนตัวของโรงแรมหรู แสงไฟสีทองนวลตาสร้างบรรยากาศอบอุ่น แต่บรรยากาศระหว่างชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ประภาส วงศ์วิเศษกิจ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับวศิน อัครวรากร ดวงตาเข้มของเขาจ้องมองอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ในใจ “ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันมาพบคุณในวันนี้”
วศินนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏบนใบหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมมีเวลาว่าง แต่ถ้าคุณมีเรื่องสำคัญ ก็ควรเริ่มพูดได้แล้ว”
"มันเกี่ยวกับบริษัทของฉัน” ประภาสพูดเสียงหนักแน่น “ธุรกิจของฉันกำลังเผชิญกับปัญหา ฉันอยากขอให้คุณซื้อบริษัทคืน”
วศินฟังเขาอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาของเขาแสดงความเย็นชา “บริษัทที่คุณทำให้พ่อผมต้องออกจากนั้นเหรอ?”
“ฉันรู้ว่ามันฟังดูแย่” ประภาสอ้อนวอน “แต่ถ้านายช่วยฉัน บริษัทนี้จะอยู่ในมือที่เหมาะสม มันเป็นสิ่งที่เราสร้างมาด้วยกัน”
"สิ่งที่คุณสร้างมาด้วยกัน” วศินพูดเสียงเย้ยหยัน “คุณทำให้พ่อผมต้องออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมาเองกับมือ และตอนนี้คุณกลับมาขอให้ผมซื้อคืน มันน่าขันจริงๆ”
ประภาสเห็นว่าวศินทำเป็นไม่สนใจ จึงพยายามโน้มน้าว “วศิน ฉันขอร้อง เผื่อว่านายมีโอกาสทำให้บริษัทนี้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง”
“แล้วถ้าผมไม่สนใจล่ะ” วศินถามกลับอย่างตั้งใจ
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่จะให้นายเชื่อใจ” ประภาสพูดเสียงอ่อน “แต่การที่นายไม่ช่วย ฉันอาจจะต้องขายบริษัทให้คนอื่น”
วศินยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าผมจะรู้สึกเสียใจเหรอ”
ประภาสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้านายไม่ช่วย… ลูกสาวของฉัน ลลิตา… เธอจะต้องเสียโอกาสในชีวิต”
วศินเลิกคิ้ว “ลูกสาวคุณเกี่ยวอะไรด้วย”
“ถ้านายตกลงซื้อบริษัทของฉัน… ฉันจะให้ลลิตาแต่งงานกับนาย” ประภาสพูดชัดเจน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง
วศินชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องจะมาถึงจุดนี้ “คุณคิดว่าผมจะตกลงเพราะข้อเสนอที่ไร้สาระนี้”
“ฉันรู้ว่ามันอาจดูแปลก แต่มันคือทางเดียวที่จะช่วยทั้งสองฝ่าย” ประภาสอธิบาย “บริษัทจะอยู่ในมือของคนที่มีความสามารถ และลลิตาจะมีชีวิตที่ดี”
“แต่การแต่งงานไม่ใช่การแลกเปลี่ยน” วศินตอบอย่างเย็นชา “ผมไม่ต้องการเป็นเครื่องมือในเกมของคุณ”
“ฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นเกม” ประภาสพยายามอธิบาย “แต่เป็นโอกาสให้เราได้เริ่มต้นใหม่ ถ้าผมนึกถึงอนาคตของบริษัท ฉันต้องทำทุกวิถีทางเพืาอให้ได้มันมา”
"แล้วคุณคิดว่าผมจะไว้ใจคุณได้ไหม” วศินพูดเสียงเข้ม “คุณทำให้ครอบครัวผมต้องเจ็บปวด”
“ฉันรู้…” ประภาสกล่าวเสียงอ่อน “แต่ตอนนี้ ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่หมดหนทาง และลลิตาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉัน ถ้านายรับข้อเสนอของฉัน บริษัทจะอยู่ในมือที่มั่นคง”
วศินมองประภาสด้วยความคิดหนักแน่น “การแต่งงานกับลูกสาวคุณไม่ใช่ทางออกที่ผมต้องการ”
“แต่ถ้านายไม่ทำ… ทั้งหมดนี้อาจจะพังทลายลง” ประภาสย้ำ
วศินจ้องมองประภาสนิ่งนาน สายตาของเขาไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย เขาเห็นถึงความสิ้นหวังในแววตาของชายสูงวัยตรงหน้า—ประภาส วงศ์วิเศษกิจ นักธุรกิจผู้เคยหยิ่งผยอง บัดนี้กลับลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อรักษาบริษัทที่เขาหวงแหนสุดชีวิต
เขาอยากเห็นคนอย่างประภาสพ่ายแพ้มากกว่านี้ อยากเห็นอีกฝ่ายยอมจำนนจนหมดหนทาง
แต่นี่อาจเป็นโอกาสที่เขารอคอยมาโดยตลอด
“ตกลง”
เสียงของวศินเรียบนิ่ง แต่ทรงพลังพอให้ประภาสเงยหน้าขึ้น ดวงตาของชายสูงวัยฉายแววโล่งอกชั่วขณะ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างระแวง
“นายพูดจริง”
วศินยกยิ้มเล็กน้อย “คุณเสนออะไร ผมก็รับตามนั้น ผมจะซื้อบริษัทของคุณ ในราคาที่คุณตั้งมาเอง… แล้วก็จะแต่งงานกับลูกสาวคุณ”
ประภาสถอนหายใจยาว สีหน้าดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ความกังวลยังไม่จางหายไปทั้งหมด
“ผมเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด” วศินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มุมปากยังแต้มรอยยิ้มเย้ยหยัน “คุณต้องการให้บริษัทอยู่ในมือที่มั่นคง และต้องการให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดี ผมให้คุณได้ทั้งสองอย่าง”
“ใช่…” ประภาสพึมพำ ก่อนจะพูดเสียงหนักแน่น “แต่นายต้องสัญญากับฉัน ว่านายจะดูแลลลิตาดีๆ”
ดวงตาคมของวศินแฝงประกายเย็นชา เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “คุณไม่มีสิทธิ์มาตั้งเงื่อนไขอะไรกับผมอีกแล้ว คุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายภาวนา… ว่าผมจะ ‘ดูแล’ ลูกสาวคุณแบบไหน”
คำพูดนั้นทำให้ประภาสชะงักไป ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านในบรรยากาศ เขารู้ว่าเขากำลังยื่นลูกสาวของตัวเองให้กับศัตรู—ลูกชายของคนที่เขาเคยหักหลัง
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ฉันเชื่อว่าลลิตาจะทำให้นายเปลี่ยนใจ” ประภาสพูดช้าๆ “เธอเป็นผู้หญิงที่ดี และถ้านายได้รู้จักเธอ นายอาจจะรักเธอจริงๆ”
"ความรัก” วศินแค่นหัวเราะ “อย่าหวังว่าผมจะแต่งงานเพราะความรัก แต่มันเป็นข้อเสนอทางธุรกิจ… และตอนนี้ ผมเป็นคนที่อยู่เหนือเกมนี้”
เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ เสียงกระทบกับพื้นไม้ทำให้ประภาสสะดุ้งเล็กน้อย
"เรามาตกลงกันเถอะ” วศินกล่าวเสียงเรียบ “บริษัทของคุณ… และลูกสาวของคุณ จะได้เป็นของผม”
บรรยากาศในห้องเงียบลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยอำนาจ—อำนาจของผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้
เกมพลิกแล้ว และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
