วางแผน
คิดจะมาเอาเงินของเธอง่าย ๆ งั้นเหรอ อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย จูถานอิงคร้านจะใส่ใจกับญาติเฮงซวยพวกนั้น
หลังจากจูถานอิงพาลูกชายกลับบ้านแล้วเธอก็ทำอาหารง่าย ๆ ให้เขากิน เสี่ยวอันยังกังวลว่าพวกนั้นจะมาเอาเงิน เมื่อเห็นแม่ทำอาหารน่ากินมาให้กลับไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก
หลังจากทำอาหารให้ลูกชายเสร็จเธอก็พาเขาเข้านอน ระหว่างเข้านอนเธอกลับนอนไม่หลับครุ่นคิดถึงเรื่องจะหาเงิน
จูถานอิงจึงคิดว่าตนควรหันมาสนใจงานเย็บผ้าแทน แม้งานเย็บของเธอจะไม่เก่งเท่าร่างเดิมที่เริ่มเย็บผ้ามาตั้งแต่จำความได้
ทว่าเธอคิดว่ามันจะเป็นวิธีหาเงินในโลกใบใหม่ของเธอ โดยร้านของป้าโจวจะเป็นจุดเริ่มต้น เธอจะเก็บเกี่ยวทุกเทคนิคเท่าที่จะเรียนรู้ได้ เมื่อถึงเวลาและมีเงินพอจะเปิดร้านเองเธอจะออกแบบเสื้อผ้าเอง ตัดเย็บเอง และขายเอง
จูถานอิงหลังจากมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เธอก็พบว่าผู้คนยังคงใส่เสื้อผ้าแบบเดิม ๆ ไม่ได้มีความแปลกใหม่มากนัก และอีกทั้งผู้คนที่นี่ยังเป็นเพียงชาวบ้านหาเช้ากินค่ำและทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ถ้าคิดจะเปิดร้านคงต้องเข้าไปในเมืองใหญ่แล้ว
วันถัดมา จูถานอิงยังคงพาลูกมาร้านตามเดิม ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจในวันนี้ก็คือสองพี่น้องฝาแฝดนั่นท่าทางผิดปกติอย่างมาก
เพราะอะไรนะเหรอ? เพราะว่าหล่อนทั้งสองมีท่าทางเป็นมิตรและไม่ได้แย่งงานเธอทำอย่างเช่นปกติ งานในร้านคิดเป็นรายชิ้นยิ่งทำงานได้มากยิ่งได้เงินหลังจากที่ทั้งสองคนถูกป้าโจวรับเข้าทำงาน ลับหลังป้าโจวทั้งสองจะคอยแย่งงานในมือจูถานอิงอยู่เสมอ
แม้ว่าจะพยายามแย่งงานเธออย่างไรทว่าเธอไม่ได้ใส่ใจสักนิด เพราะตอนนี้จูถานอิงยังไม่ชำนาญเท่าไหร่ เพียงจะมาเรียนรู้งานก่อนจะเปิดร้านใหม่และพยายามหาเงินส่งให้เสี่ยวอันเรียนในชั้นประถมแล้วในปีหน้า
“ถานอิง แต่ก่อนพวกเราเอาเปรียบเธอมาตลอด ยังไงก็ตามต่อจากนี้พวกเราสำนึกผิดในสิ่งที่ทำกับเธอแล้วนะ ถ้าจะยกโทษให้พวกฉันได้ไหม” เสียงของจูซานฮวากล่าวขึ้นท่าทางสำนึกผิด
จูถานอิงเหลือบมองท่าทางเสแสร้งของหล่อนอดที่จะกลอกตามองบนไม่ได้ คิดจะทำการแสดงได้โปรดไปเรียนมาใหม่เถอะ
จู่ ๆ ญาติที่คอยรังแกเธอมาหลายปีกลับใจได้เพียงไม่กี่วันนอกจากจะมีแผนการร้ายอะไรในใจแล้วจะมีอะไรอีก
จูอ้ายชุนเห็นว่าจูถานอิงยังคงนิ่งเฉยจึงรีบเอ่ยเสริม
“ใช่ ๆ พวกเรามาคิดดูแล้ว เราควรจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้”
“ถ้าหากพวกพี่สำนึกผิดฉันก็จะรับไว้ด้วยใจอย่างแน่นอนค่ะ” จูถานอิงกล่าว
“ขอบคุณเธอมากถานอิง ต่อไปนี้เราคือครอบครัวเดียวกันนะ” จูอ้ายชุนกล่าวยิ้มอย่างดีใจ ทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนจะเดินออกไปกินอาหารเที่ยง
จูถานอิงรู้สึกขนลุกกับคำกล่าวของจูอ้ายชุน อะไรคือครอบครัวเดียวกันกับหล่อน! หญิงสาวยืนมองแผ่นหลังทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป พลางครุ่นคิดในใจว่าทั้งสองคนจะมาไม้ไหนกันแน่
ระหว่างนั้นจูถานอิงนั่งกินข้าวเที่ยงกับลูกชาย ข้าวกล่องธรรมดาแต่กลิ่นหอมของกับข้าวที่เธอทำเองช่วยให้เด็กชายกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ลูกกินข้าวอย่างมีความสุข เธอกำลังนั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์รายวันไว้ในมืออีกข้าง ตาไล่อ่านไปเรื่อยอย่างไม่ได้คาดหวังอะไรนัก
แต่แล้วสายตาก็หยุดลงที่ข่าวเล็ก ๆ มุมล่างของหน้าหนึ่ง โรงเรียนเอกชนเปิดใหม่ในตัวเมือง ที่เน้นหลักสูตรเสริมความสามารถเฉพาะด้าน มีระบบทุนการศึกษาสำหรับครอบครัวฐานะไม่ดี
หัวใจของเธอสะดุด ความคิดพลันวิ่งเร็วขึ้นทันทีโรงเรียนแบบนั้น…ถ้าลูกเธอเข้าได้จะดีแค่ไหน จูถานอิงพับหนังสือพิมพ์เก็บในใจยังคงครุ่นคิดเธอยังไม่รู้ว่าคุณสมบัติจะเข้าถึงได้แค่ไหน หรือค่าใช้จ่ายแฝงมีอะไรบ้าง
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนเธอจะหาทางรู้ให้ได้ เพราะโอกาสแบบนี้ อาจเป็นบันไดที่ช่วยให้ลูกเธอปีนไปสู่อนาคตอันสดใสของเขาในภายภาคหน้า
หลังล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จูถานอิงนั่งลงข้างลูกชาย มือลูบผมเขาเบา ๆ ขณะที่อีกมือเอาหนังสือพิมพ์มาเปิดตรงหน้าข่าวเดิม เธอชี้ให้เขาดูรูปอาคารเรียนสีขาวสะอาดตาที่พาดอยู่ใต้พาดหัวข่าว แล้วถามอย่างจริงจังว่า
“เสี่ยวอันลูกอยากไปเรียนที่แบบไหน?”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมามองแม่แบบไหนของแม่คืออะไร “แบบไหนเหรอครับแม่?”
จูถานอิงยื่นหนังสือพิมพ์ให้ลูกดู ชี้ไปที่ข้อความดังกล่าวแล้วกล่าวว่า “เขาว่าที่นี่สอนวิชาเสริมหลายอย่าง มีสนามกีฬา ห้องดนตรี ห้องอ่านหนังสือแต่ต้องเข้าไปสอบก่อน”
เสี่ยวอันจ้องรูปโรงเรียนอยู่นาน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าแม่แล้วพยักหน้าแรง ๆ
“ผมอยากเรียนครับแม่!!”
เสียงตอบรับอันใสซื่อของลูก ทำให้หัวใจจูถานอิงอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด เธอยิ้มพลางเก็บหนังสือพิมพ์เอาไว้
“งั้นแม่จะหาทางให้ลูกไปเรียนที่นี่ให้ได้”
เธอกล่าวกับลูกชายแม้ว่าตอนนี้เงินเธอจะยังมีไม่เยอะก็ตาม ทว่าลูกชายของเธอต้องได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด
จากอีกฟากหนึ่งของร้าน สองพี่น้องฝาแฝดยืนพิงกรอบประตู มองดูจูถานอิงกับลูกชายพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเด็กชายดังลอดออกมาเหมือนโลกของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวัง ต่างจากสีหน้าของทั้งสองเริ่มขบขันกับสิ่งที่ได้ยิน
“ให้ลูกเธอเรียนโรงเรียนเอกชนเลยเหรอ?”
จูอ้ายชุนพูดสายตาจ้องตรงไปที่ภาพแม่ลูกคู่นั้นไม่ละ
หึ…จูถานอิงอย่าฝันกลางวันไปเลย เธอคิดในใจ
จูซานฮวาแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวเสริมกับพี่สาว “เธอคงไม่มีปัญญาหรอก”