บทที่ 2 รอยยิ้มที่แสนเศร้าหมอง
2
รอยยิ้มที่แสนเศร้าหมอง
Lullaby Cafe’ เวลา 18.00 น.
“ลาเต้เย็นหวานน้อยกับครัวซองได้แล้วค่ะ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่นานลูกค้าก็เดินมารับเครื่องดื่มไป “ทานให้อร่อยนะคะ” แสนรักเอ่ยกับลูกค้าอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปทำเครื่องดื่มรายการต่อไป
งานพิเศษของเธอคือการทำงานในร้านกาแฟใกล้ๆกับโรงเรียน เด็กสาวในวัยสิบแปดย่างเข้าสิบเก้าปี ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ชีวิตของเธอไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ตั้งแต่ที่พ่อของเธอจากไปด้วยภาวะสมองตายเมื่อสองปีก่อน เธอจำต้องอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยง พ่อของเธอแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ของเธอจากไปครบสิบปี ในตอนนั้นเธออายุเพียงสิบสองขวบเท่านั้นเอง
“แสนรัก...ฉันว่าแล้วว่าแกต้องอยู่ที่นี่” มุกดา เพื่อนสนิทของแสนรักเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋านักเรียน
“มุกดา? แกมาทำอะไร?”
“ก็มาหาแกน่ะสิ ว่างคุยไหม?” คำถามของมุกดาทำให้แสนรักหันไปมองเพื่อนร่วมงานของเธอ
“ไปเถอะ ลูกค้าไม่เยอะ...พี่จัดการเอง” และเมื่อเพื่อนร่วมงานที่เป็นรุ่นพี่บอกมาแบบนั้น แสนรักก็รีบถอดชุดกันเปื้อนแล้วออกจากมาเคาน์เตอร์บาร์ เดินนำหน้ามุกดาออกมานั่งที่โต๊ะด้านนอกร้านทันที
“แกมีเรื่องอะไรเหรอมุกดา?”
“วันนี้ทำไมแกไม่ไปโรงเรียน หรือแม่เลี้ยงใจร้ายกับพี่สาวปีศาจของแกสร้างปัญหาอีกแล้ว?” คนสนิทต่างรู้ดีว่าแม่เลี้ยงกับพี่สาวคือจุดกำเนิดของความเศร้าหมองภายใต้รอยยิ้มของแสนรัก
“เปล่าหรอก วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อน่ะ”
“อ๋อ...งั้นก็แสดงว่าแกไปไหว้พ่อมาใช่ไหม?”
“อื้ม ว่าแต่แกมาหาฉันเพราะเรื่องนี้เหรอ?”
“เปล่า” มุกดาหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋านักเรียน ยื่นมันให้แสนรักพร้อมรอยยิ้ม “ฉันเอานี่มาให้น่ะ มันส่งไปที่บ้านฉัน”
“นี่มัน...” แสนรักแกะจดหมายขึ้นมาอ่านรายละเอียดในกระดาษ แล้วก็ได้รู้ว่ามันคือใบประกาศผลสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยที่เธอเพิ่งไปสอบเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา รอยยิ้มของเด็กสาวผุดขึ้นมา เมื่อเธอได้เห็นเต็มสองตาว่าเธอนั้น...“มุกดา! ฉันสอบผ่าน! ฉันสอบติดมหาลัยแล้ว!”
“จริงเหรอ?! ฉันดีใจด้วยนะแสนรัก! ดีใจมากจริงๆ” เด็กสาวโผเข้ากอดกันแน่นด้วยความดีใจ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย...ฉันสอบติด ฉันจะได้เรียนมหาลัยในฝัน แถมยังเป็นคณะเดียวกับพ่อ ฮึก! มุกดา...ฉันดีใจที่สุดเลย” แสนรักอยากจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ การสอบติดในมหาวิทยาลัยเดียว คณะเดียวกับผู้เป็นพ่อนั้นเปรียบเสมือนความฝันหนึ่งของเธอ
“แกต้องสอบติดอยู่แล้ว เพราะแกเรียนเก่ง แกตั้งใจเรียนหนังสือ แกอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบอย่างดี แกจะไม่ติดได้ยังไง ไม่ติดก็บ้าแล้วแสนรัก”
“มุกดา...แกรู้ไหมว่าจดหมายนี่ ทำให้ฉันอยากจะอยู่บนโลกนี้ต่อไปอีกร้อยปีเลย ฉันมีความสุขจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
“แกต้องอยู่ไปอีกนานๆ คนนิสัยดีอย่างแก...ต้องอยู่รอดอยู่แล้วแสนรัก ว่าแต่...แกยังคิดจะหาทุนเรียนต่ออยู่ไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันมีเงินพอสำหรับค่าเทอมแล้ว พอเข้ามหาลัย ฉันก็จะหางานพิเศษทำเพิ่ม จะได้มีเงินพอสำหรับค่าหอพักแล้วก็ค่าเทอมต่อๆไป”
“แกจะออกไปอยู่หอเหรอ? แล้วยังต้องทำงานเพิ่มอีกเหรอ? แล้วเงินประกันชีวิตพ่อแกล่ะ?”
“...” แววตาของเด็กสาวเศร้าหมองลงกว่าเดิม เมื่อเพื่อนเอ่ยถึงเงินประกันที่เธอไม่ได้แตะมันแม้แต่สตางค์แดงเดียว
“อย่าบอกนะว่าแม่เลี้ยงกับพี่สาวเอาไปใช้หมดแล้ว?!”
“ฉันคิดว่าจะใช้วุฒิมัธยมเข้าทำงานสักที่ในช่วงปิดเทอมแล้วรอเข้ามหาลัย เก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วค่อยออกมาอยู่หอพักถูกๆ” แสนรักเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องเก่า
“งั้นลองหาทุนอีกสักครั้งไหม? ฉันว่าแกต้องได้แน่...แกเรียนเก่ง คะแนนไม่เคยตกจากห้าอันดับแรกเลยนะ”
“การจะหาทุน ต้องเซ็นเอกสารมากมาย พวกเขาต้องให้ผู้ปกครองเด็กมารับรู้ด้วยไม่ใช่เหรอ? ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าแม่รู้...แม่คงไม่ให้ฉันเรียนต่อ แม่ไม่มีทางให้ฉันออกไปอยู่ข้างนอกแน่ ฉันเลยคิดว่า...ทำงานหาเงินเองดีกว่าหาทุนน่ะ” แสนรักฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง พยายามจะแสดงออกว่าเธอไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่ลึกๆแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ที่ต้องมาเจอเรื่องหนักหนาแบบนี้ และต้องยังแบกรับมันเอาไว้คนเดียว
“แม่เลี้ยงแกมันเป็นนางมารร้ายชัดๆ แสนรัก...เจอเรื่องแบบนี้แล้ว แกยังยิ้มได้อยู่อีกเหรอ?”
“ได้สิ แค่ยิ้มออกมา...เรื่องทุกอย่างก็เบาลงแล้วล่ะ”
“ขอให้มันเป็นอย่างที่แกพูดจริงๆเถอะ” มุกดาถอนหายใจออกมาเพราะความเป็นห่วงเพื่อน “แต่รู้อะไรไหม? รอยยิ้มของแกน่ะ...มันทำให้เพื่อนทุกคนรักแก แกรู้ใช่ไหมว่าถ้ามีปัญหาอะไร แกต้องบอกฉัน เพราะฉันเป็นเพื่อนแก หรือไม่ก็บอกไอ้ไฟมันก็ได้ รายนั้นน่ะสแตนด์บายรอช่วยแกอยู่แล้ว”
“อื้ม ขอบคุณมากนะมุกดา”
หลังจากที่คุยกับแสนรักเสร็จ มุกดาก็เดินออกมาจากร้าน ร่างบางเดินตรงเข้าไปยังร่างสูงที่ยืนหลบอยู่ที่มุมตึก ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยที่เด็กสาวมองเห็นเขา ทั้งสองยืนสบตากันอยู่พักใหญ่...ก่อนที่มุกดาจะเกิดคำถาม
“คุณลุงอีกแล้วสินะ?” เด็กสาวไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะเธอมีวิชายูโดติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เธอจ้องมองเขาอย่างนิ่งๆ “ตามมาดูเพื่อนหนูตามเคย”
“ฉันไม่ใช่ลุง!” นักรบไม่พอใจกับคำว่าลุงเอามากๆ ใช้ความสูงโน้มเข้าหามุกดา แล้วจ้องเธอด้วยสายตาดุดัน พยายามจะทำให้เธอกลัว ทว่ามันไม่ได้ผล มุกดาไม่รู้สึกอะไรกับสายตานั้นเลยสักนิด “แล้วก็ไม่ได้ตามดูเพื่อนเธอด้วย!”
“จะไม่ได้ตามได้ยังไง? ในเมื่อหนูเห็นคุณลุงบ่อยมาก คุณลุงไปที่โรงเรียน ไปที่บ้าน แล้วก็มาที่ร้านกาแฟนี่ ถ้าไม่ได้ตามแสนรัก...งั้นก็ต้องตามหนูแล้วล่ะ แต่หนูไม่สนหรอกนะว่าคุณลุงตามใครอยู่...ที่สนก็คือ...ตามทำไม?! คิดจะทำมิดีมิร้ายใช่ไหม?! อยากให้หนูแจ้งตำรวจหรือไง?!”
“จะทำอะไรของเธอ!” ในทันทีที่มุกดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา นักรับก็คว้ามันเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เอามือถือหนูคืนมานะ!”
“ฉันไม่ใช่โจร! ไม่ต้องแจ้งตำรวจ! ถ้าคิดจะทำร้ายเพื่อนเธอจริงๆ ฉันทำไปนานแล้ว! ยัยเด็กโง่!”
“นี่ไง! คุณลุงยอมรับแล้วว่าตาแสนรัก! ตอบมานะว่าตามเพื่อนหนูทำไม?!”
“ถ้าฉันจัดการกับเด็กโง่คนเดียวไม่ได้ ฉันคงไม่มาอยู่ถึงจุดนี้หรอก!”
“พูดอะไรของคุณลุง?!”
ฟิ่ววววว! ปัก!
“เห้ย!!! มือถือฉัน!” ในจังหวะอันรวดเร็วนั้น นักรบโยนมือถือของมุกดาออกไปข้างนอก จนมันตกลงกระแทกกับพื้น เด็กสาวรีบวิ่งไปหยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อพบว่าหน้าจอนั้นแตกละเอียด เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหานักรบทันที
“คุณลุง! มือถือหนู...” ไม่ทันขาดคำ นักรบหายไปจากตรงนั้นแล้ว ไร้วี่แววของเขา มันยิ่งทำให้มุกดาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม “บ้าจริง! ไอ้ลุงบ้า! ทำหน้าจอมือถือฉันแตกแล้วจะหนีไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ?!”
Issara Pub&Restuarant เวลา 19.30 น.
ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังหญิงสาวและชายหนุ่ม ซึ่งนั่งอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ภายในร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชันกึ่งผับชื่อดัง ด้วยเพราะฝ่ายหญิงนั้นคือคริสตัล นางแบบสาวชื่อดังที่มีชื่อเสียงระดับอินเตอร์ อีกทั้งยังเป็นทายาทของโรงแรมนาวา โรงแรมห้าดาวอันดับต้นๆของประเทศ ส่วนชายหนุ่มคือปราณนต์...ไม่มีใครในวงการธุรกิจที่ไม่รู้จักเขา การได้เห็นคริสตัลและปราณนต์อยู่ด้วยกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
“ทำไมดื่มชาล่ะคะ? ไวน์สักหน่อยไหม?” คริสตัลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าปราณนต์ดื่มชาร้อน ทั้งๆที่อุตส่าห์เอาตัวเองมาอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มแบบนี้
“ไม่ครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ เมื่อก่อนเขาอาจจะเป็นคนที่ชอบดื่ม แต่ปัจจุบัน เขาแทบไม่เคยแตะแอลกอฮอล์เลย
“วันนี้ที่ประชุมเรื่องโรงแรม เป็นยังไงบ้างคะ?” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวย เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ายวน มันคือเอกลักษณ์ของเธอ ขณะที่ใช้นิ้ววนรอบปากแก้วไวน์
“ก็ดี” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
“ก็ดีนี่คือยังไง? คุณจะยอมดึงราคาลงสักหน่อยไหม? เพราะคุณพ่อคริสกังวลเรื่องนั้นอยู่ ใบเสนอราคาที่คุณส่งมา ตัวเลขมันสูงมาก ทั้งๆที่เราก็เป็นคู่ค้ากันมาตลอด แถมคุณพ่อก็ยังมีหุ้นอยู่ใน KID Construction”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณสนใจเรื่องงานของพ่อด้วย”
“แหม...ก็ถ้างานนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณหรือคุณพ่อ โดยมีคริสเป็นคนกลาง คริสก็ไม่อยากจะสนใจหรอกค่ะ” มือบางยื่นไปแตะแขนแกร่งเบาๆ ลูบไล้มันไปมา ราวกับว่าเธอเคยได้สัมผัสมามากกว่านั้น
“คุณเป็นคนกลางยังไง?” ปราณนต์ดึงแขนแกร่งออกจากมือบาง การกระทำนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย
“ก็คริสเป็นแฟนคุณ แล้วก็เป็นลูกสาวของพ่อ จะไม่ใช่คนกลางได้ยังไง?”
“ใครบอกว่าเราเป็นแฟนกัน?”
“ปราณ?”
“ผมไม่เคยขอคุณคบ และคุณก็ไม่เคยขอผมคบ เราไปเป็นแฟนกันตอนไหน?” น้ำเสียงของปราณนต์จริงจังไม่ต่างกับแววตาดุดันของเขา
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ? คุณอยากให้คริสเอ่ยปากก่อนอย่างนั้นเหรอ?”
“...” คำตอบของฝ่ายชายคือความเงียบ คริสตัลรู้ดีว่ามันคือการปฏิเสธ
“อย่างนั้นแล้วเราเป็นอะไรกัน? รู้จักกันมาเป็นสิบปี...คุณไปไหน คริสก็ไปด้วย ไปเรียนเมืองนอกคริสก็ตามไป เราสองคนแทบไม่เคยอยู่ห่างกันเลย คุณไม่เคยมีใคร คริสก็ไม่เคยสนใจใครเลยนอกจากคุณ...แถมเรายัง...”
“...” ปราณนต์ปรายตามองคริสตัล เมื่อเธอเงียบไป
“เอากันตั้งไม่รู้กี่ครั้ง!”
“ผมไม่เคยคิดว่าต้องคบกับคนที่เอาด้วย และผมก็ไม่ได้เอาคุณแค่คนเดียว” เขาตอบไปตามความจริง ถึงแม้ว่าคำตอบนั้นจะทำร้ายจิตใจคนฟัง แต่มันก็ดีกว่าการให้ความหวังเธอ แค่เธอเข้าใจความสัมพันธ์นี้ผิดมาตลอด มันก็มากเกินพอแล้ว
“เหอะ! คริสเพิ่งจะรู้...เพิ่งจะเข้าใจว่าคุณมันใจดำและเย็นชา เหมือนกับที่เขาพูดกันจริงๆ” คริสตัลทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะคว้ากระเป๋าราคาหลักหลายแสนแล้วเดินออกไปทันที
ปราณนต์ไม่คิดสนใจคำพูดของคริสตัลแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกขุ่นเคืองที่โดนต่อว่า อีกทั้งเขายังไม่รู้สึกผิดต่อเธอ ทั้งๆที่รู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ใช่การกระทำที่ดีนัก มือหนาหยิบมือถือออกมาจากสูท กดโทรออกหานักรบ ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
“ฉันอยู่ที่อิศรา ออกมา”
[ผมเลิกงานแล้วนะครับ]
“ออกมา”
[ก็บอกว่าผมเลิกงานแล้ว นี่มันสองทุ่มแล้วนะครับ]
“ให้เวลาห้านาที”
