บทที่ 04 ห้ามตกหลุมรัก
ปริ๊นนนนนนน....
เสียงแตรของรถยต์คันหรูทำให้ฉันที่เพิ่งจะลงจากคอนโดหันไปมอง ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นรถของเด็กสายน้ำที่ฉันจำได้พร้อมกับเจ้าของที่รีบวิ่งลงมาจากรถเมื่อเห็นว่าเป็นฉัน
"ผมมารับต้นรักไปมหาวิทยาลัยครับ"
"ไม่ต้อง ฉันไปเองได้"
"รถต้นรักเสียนี่ครับ จะลำบากเรียกรถทำไม ไปกับผมน่ะดีแล้ว"
"ฉันเรียกรถดีกว่าไปกับนายอีก"
"ไปกันดีกว่า เดี๋ยวต้นรักจะไปเรียนสายนะ" กระเป๋าสะพายของฉันถูกไอสายน้ำยึดไปโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับที่รถของตัวเองแน่นอนว่าฉันเลือกอะไรไม่ได้ทั้งโทรศัพท์กระเป๋าสตางค์ก็อยู่ในนั้นหมด จึงเหลือแค่ทางเลือกเดียวคือกลับไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับแต่โดยดี
"นี่ถามจริง บ้านนายรวยมากหรือไง ถึงได้ตามรับตามส่งฉันเช้าเย็นแบบนี้" รถหรูถูกแล่นกลางถนนสายหลักเพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยที่เป็นจุดหมาย ระหว่างนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะแขวะคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"ก็ไม่ได้รวยมากครับ แต่อยากจีบต้นรักก็ต้องลงทุนหน่อยสิครับ จริงไหม?"
"ไม่มีเรียนกับเขาหรือไง วิศวะก็ไม่ได้ว่างนะ แต่ดูเหมือนนายจะว่างมากกว่าชาวบ้านเขา"
"ผมก็ไปเรียนตามปกตินั้นแหละ แค่เวลาที่เหลือผมยกให้ต้นรักทั้งหมดแค่นั้นเอง"
"เลิกหยอดสักวินาทีเดียวก็ไม่มีใครว่าอะไรนายหรอก"
"ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องรีบทำคะแนน" ฉันยอมกับความพยายามของเด็กนี่มากเลย ขนาดทั้งด่าทั้งว่าก็ไม่มีอะไรสะทกสะท้านเขาได้แม้แต่น้อย
"รถต้นรัก ผมให้คนมาซ่อมให้แล้วนะครับ"
"มายุ่งอะไรกับรถฉัน"
"เปลี่ยนยางให้ทั้งสี่เส้นเลย ต้นรักจะได้ไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบเมื่อคืนอีก ถ้าไม่มีผมต้นรักจะทำยังไง" เจ้าของร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมกับดวงตาคู่คมที่ละจากพวงมาลัยแล้วหันมองฉันนิ่ง ในตอนนี้เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาโตกว่าฉันมาก ทั้งน้ำเสียงที่อบอุ่นและจริงจัง กำลังเริ่มทำให้จิตใจที่แข็งกระด้างเริ่มเต้นแรงอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่
"นะ นายยุ่งไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ รถฉันฉันจัดการเองได้"
"หึ...ก็บอกแล้วไงว่าผมจะจีบต้นรัก"
"เท่าไหร่ฉันโอนให้" ไอใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงเป็นบ้าเลย แถมยังทำให้ฉันตะกุกตะกักเสียงสั่นจนเกือบทำให้เด็กนั้นรู้แล้วว่ากำลังเขินกับคำพูดไม่กี่คำพวกนั้น
น่าอายสิ้นดีเลย
"ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นคนยุ่งเองก็ต้องเป็นผมที่จัดการสิ"
"ไม่ต้อง บอกมาเท่าไหร่"
"ถึงคณะต้นรักแล้ว ผมมีเรียนต่อ เดี๋ยวตอนเลิกเรียนมาหานะครับ" สายธารรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรถจอดนิ่งสนิทฉันก็ยังไม่ยอมลงจากรถเพราะไม่อยากเอาเปรียบใช้เงินของเขาทั้ง ๆ ที่มันเป็นรถของฉันเอง
"เดี๋ยวผมไปเรียนสายนะ" ใบหน้าคมหันมามองอย่างกดดันจนฉันถอนหายใจแล้วรีบลงจากรถแต่ยังคงยืนมองรถหรูไม่ยอมเข้าไป
กระจกรถข้างที่ติดฟิล์มดำมืดถูกลดลงพร้อมกับเจ้าของรถที่ชะโงกหน้ามามองฉัน
"อย่าหนีผมอีกนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนที่กระจกจะเลื่อนขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ขับออกไป
ตึกตึก
ตึกตึก
"ไม่ต้นรัก...เธอจะรักใครอีกไม่ได้..."
หลังเลิกเรียน
"ทำไมฉันต้องมากับแกด้วยเนี่ย..." ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อยอิ่ง เพราะถูกเพื่อนสนิทอย่างยัยพราวลากให้ไปคณะวิศวะด้วยทั้งที่ปฎิเสธไปไม่รู้กี่ร้อยครั้งแต่สุดท้ายก็ถูกลากมาด้วยกันอยู่ดี
"เถอะหนา มาเป็นเพื่อนฉันหน่อย แกก็รู้ว่าเด็กทุนแบบฉันปฏิเสธอะไรไม่ได้" ยัยพราวเอ่ย
"แล้วทำไมต้องเป็นคณะนี้ด้วย" ฉันยินดีจะช่วยเพื่อนมากถ้าที่ที่เราจะไปไม่ใช่ที่นี่ แน่นอนว่าถ้ามาก็ต้องเจอกับเด็กนั้นแน่นอน ฉันยังไม่อยากปวดหัวกับมันในตอนนี้ แค่เช้าเย็นที่เอาแต่กวนฉันก็ปวดหัวมากพอแล้ว
"ก็ฉันเลือกไม่ได้ไง นะไปเป็นเพื่อหน่อย พลีสสสสส..." ดวงตากลมโตกระพริบตาปริบ ๆ ทำไมทุกคนที่อ้อนถึงต้องทำท่าทำทางแบบนี้ด้วยนะ ก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงฉันก็ปฏิเสธไม่ลง เหมือนกำลังเอาจุดอ่อนของฉันมากดดันกันเลย
"ก็ได้ แป๊ปเดียวใช่ไหม"
"แปปเดียวจริง ๆ เซ็นเสร็จก็กลับเลย" เกือบดีใจอยู่แล้วเชียวที่ลงมาจากตึกไม่เห็นเด็กสายน้ำรอดักอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องไปที่คณะเขาอยู่ดี แต่บางทีฉันอาจจะไม่ซวยเจอเขาก็ได้ วิศวะออกจะกว้างจะตายไป ฉันคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์
"แกรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันรีบมา" ฉันยืนรอยัยพราวที่วิ่งเข้าไปในห้องพักครูของคณะวิศวะ ดวงตากลมก็กวาดมองรอบ ๆ ตึกก็พบแต่กับความเงียบงัน ป่านนี้วิศวะคงเข้าเรียนกันหมดถึงได้ไม่มีใครเดินกันให้พลุกพล่านเลยสักคน
"ก้มหน้าลงไป" แต่แล้วเสียงที่ดังออกมาทำให้ฉันชะงักเบา ๆ มันคือเสียงของรุ่นพี่ที่กำลังขึ้นเสียงเพื่อเป็นกิจกรรมการรับน้อง แต่ฉันจะไม่สนใจขนาดนี้เลยถ้าเสียงที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงที่ฉันคุ้นเคย
"สายน้ำเหรอ?" ฉันพึมพำกับตัวเองเพราะเสียงมันคล้ายเสียงของสายธารเอามาก ๆ แต่คนอย่างนายนั้นกะล่อนขี้เล่นไม่ใช่เหรอ จะมาเป็นรุ่นพี่สุดโหดว้ากรุ่นน้องได้อย่างไร ฉันมองไม่เห็นภาพเลย
ว่าแล้วก็คลายความสงสัยของตัวเองโดยการเดินไปตามเสียงที่ดังว้ากออกมาเป็นระยะ จนมาถึงห้องประชุมใหญ่ของวิศวะ สกิลการอยากรู้ของฉันก็ทำให้ฉันชะโงกเข้าไปมองยังด้านใน ดวงตากลมกวาดมองคนนับร้อยที่รวมกันอยู่ที่นี่ มีทั้งกลุ่มนักศึกษาที่สวมชุดนักศึกษาสีขาวเรียบร้อย และอีกกลุ่มที่สวมเสื้อปฏิบัติการหรือเสื้อช็อปวิศวะยืนทำหน้าเข้มคุมรุ่นน้องของตัวเอง
แล้วสายตาก็ดันไปเห็นคนที่ยืนกลางห้องเป็นจุดเด่น เขาคือสายธารจริง ๆ ด้วย ยืนหน้าเข้มตวาดกร้าวราวกับคนละคนกับที่อยู่กับฉัน ไม่คิดเลยว่าคนขี้เล่นอย่างเขาพอมาอยู่ในมุมนี้แล้วโคตรน่ากลัวเลย ความกะล่อนและรอยยิ้มกว้างที่เป็นเอกลักษณ์ถูกสลัดออกจนหมด
"มาหาใครเหรอครับ?" ฉันสะดุ้งจากที่แอบแล้วหยัดมายืนตรง เพราะอีกคนที่ไม่รู้เดินมาจากไหนทักฉันไว้จนฉันยิ้มแห้ง ๆ แล้วค่อย ๆ หันไปมอง
"เอ่อ...คือฉันมาหาห้องพักอาจารย์" ฉันเอ่ยตอบคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดช็อปเหมือนสายธาร คงจะเป็นรุ่นเดียวกันเพราะเขาเดินออกมาจากห้องประชุมนั้น
"อ๋อ อยู่ใกล้ ๆ นี่เองครับ เดี๋ยวผมพาไป" คนนี้ก็ดูสายตาแพรวพราวไม่ต่างไปจากสายธารเลย แอบใบหน้าคล้ายกันด้วย วิศวะมีแต่คนหล่อแล้วบริหารเสน่ห์เก่งไปหมดเลยหรือ…
"ไม่เป็นไรค่ะ บอกทางมาก็พอ" ความจริงก็รู้อยู่แล้วแหละเพราะเพิ่งจะเดินมาจากห้องพักอาจารย์ แต่เพราะโกหกไปอย่างนั้นฉันจึงต้องเล่นเนียนตามบทต่อไป
"ถัดจากห้องนี้สามห้องก็ถึงแล้วครับ เอ่อ...ว่าแต่ไม่ใช่เด็กวิศวะใช่ไหมครับ ผมไม่คุ้นเลย"
"อยู่บริหารค่ะ ปีสี่" ฉันย้ำชั้นปีของตัวเอง เพื่อบอกให้รู้ว่าฉันแก่กว่าแล้วไม่ได้สนใจที่จะหลงคารมของเขา
"ผมก็นึกว่าเด็กปีหนึ่งซะอีก พี่น่ารักเอ้ย...หน้าเด็กมากเลยะครับ"
"ขอบคุณสำหรับคำชม งั้นฉันไปก่อนนะ" ว่าแล้วฉันก็รีบหมุนตัวจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงของอีกคนที่ดังเรียกฉันขึ้นมา
"ต้นรัก..." เสียงไอเด็กบ้า...
