10.เผชิญหน้าซาตานในคราบมนุษย์ Ep3
เมื่อคำถามนี้ผ่านออกมาจากริมฝีปากของนริศฌา จุฑาดาก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหาภาพถ่ายในงานแต่ง เลือกภาพใบหน้าของเจ้าบ่าวให้ชายชาวบ้านคนนั้นดู แต่เมื่อเขาเห็นก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่รู้จักครับ ไม่ใช่คนแถวนี้..”
“ระยำจริง ๆ ไอ้สารเลวมันเป็นใคร..”
สองแม่ลูกมองหน้านิ่งด้วยความแค้นใจสุดชีวิต
“ดีเหมือนกันนะคะแม่ นางเด็กกาฝากนั่น มันไปพ้นจากเราเสียได้ หมดเสี้ยนหนามแล้วค่ะแม่ ส่วนนางขี้ข้าแม่ของมันก็ปล่อยมันเถอะค่ะ ให้มันดูแลคุณพ่อ คุณแม่จะได้ไม่เหนื่อย...”
จุฑาดามองหน้านริศฌานิ่ง
“แม่เจ็บใจ แทนที่เราจะขายมันได้เงินอีกก้อน กับสูญเปล่าไปแบบนี้..”
“จริงด้วย น่าเจ็บใจ..แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ..”
“แม่ต้องหามันให้ได้ ไอ้สารเลวนั่น มันเป็นใคร มันเอานางกาฝากนั่นไปทำอะไร..”
“หรือเอาไปขายคะแม่ นางนั่นมันสวยออกขนาดนั้น..”
จุฑาดาขบกรามแน่นก่อนจะเดินกลับขึ้นรถ
“ไปไหนคะแม่..”
“กลับ..”
“แต่นริศขออยู่ต่อก่อนนะคะ ที่นี่อากาศดี แล้วทิวทัศน์ก็สวยมากด้วย..”
“ใช้เงินเบา ๆ หน่อยนะลูก ลำพังกิจการของคุณพ่อก็ซบเซา มีรายได้น้อยลงทุกที..”
“แต่เงินที่เราใช้อยู่ มันเป็นเงินของไอ้แก่ธีรยุทธที่เป็นค่าตัวของนางเด็กกาฝากนั่นนี่คะ มันยังมีอีกมากค่ะแม่..”
จุฑาดานิ่งไปชั่วครู่
“เราน่าจะได้จากไอ้แก่นั่นอีกสักหน่อย ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น..”
จุฑาดาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก็บอกให้คนขับรถออกไป ท่ามกลางสายตาของคนงานที่ดูแลบ้านเกือบสิบคน
“โล่งอก หวังว่าแม่คุณนายพวกนั้นคงไม่มาอีก..”
“ไม่แน่ นายหัวสั่งพวกเราให้ระวังไว้ให้ดี..”
“จะกลัวอะไร แถวนี้พวกเราทั้งนั้น..”
คนงานต่างพูดคุยกันก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“มีมากันสองครับนายหัว เป็นแม่ของนายหญิงคนหนึ่ง อีกคนหนึ่ง อายุเกือบ ๆ เท่านายหัวครับ..”
“จับตาดูเอาไว้..”
“ครับ ตอนนี้ผมส่งคนออกสะกดรอยตามไปแล้ว คุณแม่ของนายผู้หญิงดูเหมือนจะกลับกรุงเทพฯ แต่ผู้หญิงอีกคนกำลังหาที่พักในโรงแรมครับ..”
คำรายงานผ่านมาทางวิทยุสื่อสารทำให้ใบหน้าคมขรึมค่อย ๆ หันไปมองร่างบางอรชรของรักษ์สิยา ที่กำลังช่วยบุหงา เตรียมอาหารมื้อค่ำสำหรับคนงานที่ออกไปเก็บรังนกในถ้ำตามเกาะถึงสิบเกาะที่อยู่ในเขตที่เขาได้สัมปทานในการเก็บ
“รักษ์สิยา..”
พฤกษ์เรียกชื่อของเธอพลางสยายยิ้มที่มุมปาก
“รักษ์สิยา..”
เขาก้าวออกไปจากกระท่อมสำหรับส่งสัญญาณสื่อสาร มีคนงานคอยควบคุมดูแลอยู่ที่นั่นสองคนแล้วเดินเตร่ไปหาเธอ
เขาแกล้งโยนกิ่งไหม้แห้งไปตรงหน้าของเธอทำให้เธอสะดุ้งโหยงแล้วหันขวับไปยังทิศทางที่รู้สึกเหมือนคนที่เดินใกล้เข้ามา
“นายหัว!”
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“มีอะไรคะ..”
“ขาเป็นไงบ้าง..”
เธอเตรียมจะบอกเขาว่าดีขึ้นแต่เขาก็เมินหน้ามองไปที่ทะเล
“คืนนี้จะออกไปจับปลา เตรียมตัวด้วย..”
“อะไรนะคะ ให้ฉันออกไปจับปลาหรือคะ..”
“ใช่..มีปัญหาอะไร..”
“จับมาทำไม..”
“คนงานนับร้อย ที่กระจายกันออกไปเก็บรังนกสิบเกาะ เธอคิดว่าพวกเขาไม่หิวหรือไง ปลามันเป็นอาหาร และเราก็หาได้ เอามาทำอาหารกินไง หรือเธอคิดว่าจะจับปลามาทำอะไร..”
เธอเมินหน้าหลบสายตาของเขา
“ฉันไม่เคยทำ..”
“คงไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่..”
เขาพูดจบก็จ้องหน้าเธอนิ่งก่อนจะเตรียมก้าวเดินจากไป
“เดี๋ยวค่ะ..”
เธอวางน้ำที่ไปหิ้วมาจากสระน้ำจืดแล้วเดินไปหยุดขวางหน้าเขา พร้อมกับช้อนสายตามองเครื่องหน้าที่คมเข้มหล่อเหลาของเขา
“คุณเป็นอะไรกับคุณ ธีรยุทธ..”
คำถามนี้ทำให้เขาขบกรามแน่น
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาถูกฆาตกรรม..”
เพียงเท่านั้น เขาก็ไม่ยอมให้เธอปริปากถามได้อีกเมื่อเขาขยุ้มคอเสื้อของเธอแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เธอลงไปทะเล ก่อนจะจับศีรษะของเธอกดลงน้ำ แต่เธอก็พยายามกระเสือกกระสนเงยหน้าขึ้นมา
“คุณ!อย่า..โอ๊ะ..”
รักษ์สิยา สำลักน้ำเค็มเข้าไปเต็ม ๆ เมื่อเขากดหน้าเธอคว่ำลงไปแล้วทำท่าจะไม่ยอมให้เธอเงย เธอจึงยกสองมือผลักอกกว้างของเขาแล้วพยายามจะเงยหน้าขึ้น แต่เขาก็ขยุ้มคอเสื้อของเธอรั้งร่างบางให้ลู่แนบเข้ามาหาร่างกำยำของเขา
“อย่างน้อยนักโทษประหาร ก็ควรจะได้รู้ความผิดของเขาไม่ใช่หรือคะ..ฉันสงสัย ตอบฉันสิคะ ตอบฉัน..”
ฝ่ามือใหญ่ขยุ้มคอเสื้อของเธอรัดรั้งให้เสื้อกระชับกับคอจนเธอหายใจแทบไม่ออก
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน ไม่มีสิทธิ์..โอ๊ะ!!..”
เธอถูกกดให้ใบหน้ามุดไปใต้ผิวน้ำอีกครั้ง คราวนี้นานกว่าทุกครั้งแม้เธอจะพยายามดิ้นรนขัดขืนเต็มที่แล้ว
“เธอไม่มีสิทธิ์มาถามฉัน และไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้อง..”
เขากระชากศีรษะของเธอให้เงยขึ้น ทำให้เธอรีบยกมือปราดน้ำจากใบหน้าแล้วหายใจเข้าออก
“ผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ หลอกให้คนแก่ทำพินัยกรรมมอบมรดกให้ แล้วก็ฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็นยังจะมาปฏิเสธหน้าด้าน ๆ ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า..”
เขาขยุ้มที่คองามของเธออย่างหนักจนเธอต้องยกมือจับมือใหญ่ของเขาไว้หมายจะให้เขาผ่อนแรงที่เธอรู้สึกเหมือนคอจะหักคามือของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้เรื่องพินัยกรรมด้วย”
“อย่ามาตอแหลเสแสร้ง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ ถึงจะไม่รู้เท่าทันเธอ..”
เขาขยุ้มคอเสื้อของเธอเข้ามาอีกจนมันรัดลำคอของเธอจนหายใจแทบไม่ออก
“จะไม่มีการเปิดพินัยกรรม อย่าหวังว่าเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเขา สิ่งที่เธอควรได้รับ คือตายอยู่ที่นี่..”
เขาผลักร่างของเธอให้ล้มลงไปในน้ำก่อนจะก้าวขึ้นไปยังริมหาด ในขณะที่เธอยังไออยู่ในน้ำแล้วมองตามร่างของเขาที่เดินจากไปด้วยความงุนงงและหวาดกลัว
พฤกษ์กลับมาที่พักของเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เมื่อนึกถึงพ่อบังเกิดเกล้าของเขาที่ต้องตายจากไป เขาหลับตาลงเมื่อนึกถึงสภาพศพของท่าน
“หัวใจวายตายคาอกผู้หญิงงั้นหรือ หึ”
เขาหัวเราะในลำคอ
“สารเลวกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
เขากำมือแน่นเมื่อหันไปมองยังบ้านพักของรักษ์สิยา
“ตายแล้วนายผู้หญิง ไปตกน้ำที่ไหนมา..”
เธอไม่ตอบคำถามของรำไพเมื่อหิ้วน้ำไปส่งให้พวกหล่อนที่กำลังสาระวนอยู่กับการปรุงอาหาร
“อย่าบอกนะคะว่าแอบไปเล่นน้ำทะเลมา ยังไม่หายดีระวังไข้จะกลับอีกนะคะ..”
เธอพยักหน้าช้า ๆ เมื่อบุหงายื่นผ้าเช็ดตัวให้
“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ..”
ตานีร้องบอกเมื่อหันมาเห็น
“เดี๋ยวฉันมาช่วยนะจ๊ะ..”
เธอกลับเข้าห้องหยิบเสื้อผ้าและของใช้เดินออกไปยังอีกด้านหนึ่งที่เป็นสระน้ำจืด สระน้ำสำหรับอาบ ส่วนถัดไปสำหรับกินและนำมาทำอาหาร
“ฉันต้องรู้ความจริงให้ได้..ฉันจะไม่ยอมให้คุณมาทำร้ายฉันแบบนี้..”
เธอคิดในใจก่อนจะรีบอาบน้ำแล้วกลับมาช่วยทั้งสามคนเตรียมอาหาร
“นายผู้หญิงคะ นายหัวให้ตามค่ะ ไปเร็วนะคะ ดูเหมือนว่านายหัวจะอารมณ์ไม่ค่อยดี..”
“เฮ๊ย นายผู้หญิงยังไม่ได้กินข้าวเลย ให้กินข้าวก่อนสิ..”
“ฉันว่ารีบไปก่อนแล้วค่อยกลับมากินจะดีกว่า..”
ตานีแย้งเมื่อบุหงาร้องขัดขึ้น
“ฉันยังไม่หิวจ้ะ..”
รักษ์สิยาเดินออกจากที่พักไปยังริมหาดที่มองเห็นเขากับคนงานอีกสามคน กับเรืออีกหนึ่งลำ
“ออกเรือ..”
เมื่อเขาเห็นเธอเดินไปก็สั่งออกเรือ
“ไปไหนคะ..”
เขาหันมามองหน้าเธอพลางยิ้มที่มุมปาก
“ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มั้ง..”
เขาประชดพลางกวาดสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ ขึ้นเรือ..”
“แต่ว่าฉัน..โอ๊ย!!..”
เธอมีโอกาสพูดเพียงเท่านั้นเมื่อเขายื่นมือมาผลักหลังเธอให้ก้าวไปที่เรือ ทำให้เธอจำต้องปีนขึ้นเรือแล้วเลือกที่นั่งที่ห่างจากเขา
