บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

เซาะทรายมองเจ้านายของเธอ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นมากกว่า สาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวลูกผสมอย่างเธอ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แก่กว่าเธอไม่มากไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ควรจะเจรจาด้วยสักนิด เพราะกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพูดแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ขอปรับเงินเดือนทั้งที่มันไม่ควรที่เธอจะต้องมาพูดมาเสนอเลยสักนิด ในฐานะที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่สรรค์สร้างชุดชั้นในหลากคอลเล็กชั่นออกมาสร้างรายได้ให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอกลับได้เงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม

จริงอยู่ที่เงินเดือน ๒๐๐๐ ยูโรในปารีส สามารถกินอยู่ใช้สอยได้อย่างสบายสำหรับคนที่มีบ้าน มีรถยนต์ขับเพราะพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้เธอพอประมาณ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปที่เขาต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องซื้อหาทุกอย่าง เงินเพียงเท่านี้คงพออยู่พอกินอย่างไม่ขัดสนเท่านั้น และหากเธอจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะก็พูดว่า

“ทราย... ทรายต้องเข้าใจพี่นะ พี่ลงทุนไปกับร้านก็ตั้งมาก ไหนจะเงินเดือนคนตัดเย็บ เงินค่าวัตถุดิบ ทรายเอาไปเท่านี้ก่อนนะ ถ้าในอนาคตแบรนด์เราดังกว่านี้ พี่ค่อยให้ทรายเพิ่มนะ”

“แบรนด์เรา...” คิดแล้วเซาะทรายอยากหัวเราะเยาะในโชคชะตา ใช่... แบรนด์ของเรา

ในคราแรกที่เธอตัดสินใจลาออกจากการเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ดังอันดับต้นๆ ของปารีส ยอมทิ้งงานที่ได้เงินเดือนถึง ๓๐๐๐ ยูโร เพียงเพราะคำคำนี้เท่านั้น เพราะคำว่า “แบรนด์ของเรา” แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดคะเนของเธอและการหลอกลวงจากอีกฝ่าย เงินเดือนที่น้อยลงไม่ได้เป็นตัวเร่งการตัดสินใจเท่าความหลอกลวงที่เพื่อนไม่ควรกระทำต่อกันทั้งที่ “Princesse” นั้นก็เป็นความคิดของเธอด้วยซ้ำ

๑ ปีเต็มที่เธอใช้ความเชื่อใจเป็นเครื่องพิสูจน์ และมันก็เห็นผลชัดเจนว่า “แบรนด์ของเรา” ไม่มีอยู่จริง ที่มีก็เพียง “แบรนด์ของคนถือเงินเท่านั้น” เพราะข้อตกลงก็คือ เกรซเป็นคนออกเงินลงทุนทุกอย่าง ส่วนเธอเป็นคนลงแรงลงมันสมองพร้อมสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งให้กับ Princesse แต่ในวันนี้ Princesse อยู่ได้ด้วยตัวเอง คำสัญญาที่ให้ก็เป็นเพียงลมปากที่ไม่มีแม้แสงสว่างสักนิดว่าจะเป็นจริง

“พี่เกรซคะ ทรายไม่ได้จะออกเพราะอยากจะไต่เต้าขึ้นไปหาจุดที่สูงสุด เพราะพี่ก็รู้ว่าก่อนที่ทรายจะมาอยู่กับพี่นั้น ทรายก็อยู่ในจุดที่สูงสุดนั้นมาแล้ว และหากทรายจะไม่ออกมา พี่ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าทรายคงไปได้สูงขึ้นอีก”

เธอหมายถึง ก้าวไปสู่การเป็นดีไซเนอร์ระดับโลกเพราะปัจจุบันแบรนด์ที่เธอเคยทำงานด้วยนั้นจัดว่าเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นของโลกและทุกมุมโลกก็มีสินค้าจากที่นี่ส่งไปจำหน่าย

“และทรายก็ไม่ขอรับทราบค่ะว่าพี่จะไปหาดีไซเนอร์จากไหนมาแทนทราย ทรายรู้แค่ว่าทรายบอกพี่ทุกๆ ๒ เดือนว่าจะออก และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะพูดกันเรื่องนี้ เพราะดีไซเนอร์ชุดชั้นในในปารีสหาไม่ยากค่ะ ถ้าพี่เกรซจะตั้งใจหา”

ดวงตาฉายแววตั้งใจจริงสบสายตาเกรซไม่หลบ มีแต่เกรซเท่านั้นที่ก้มหน้านิ่งกำมือแน่น ตลอด ๖ เดือนที่ผ่านมานี้เธอบอกกับเกรซทุกๆ ๒ เดือนว่าเธอจะอยู่ช่วยงานที่ร้านแค่ ๑ ปีเต็มเท่านั้น เพื่อให้เกรซเตรียมตัวและวันนี้ก็มาถึง ทั้งที่ผ่านมาเธอก็เห็นว่าเกรซไม่ได้พยายามจะทำอะไรเลย

“ส่วนเรื่องเงิน มันไม่ใช่ประเด็นค่ะ ถึงมันจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ก็ตาม และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทรายตัดสินใจมาร่วมงานกับพี่ ประเด็นที่ถูกคือ ทรายอยากมีแบรนด์... ของเรา แต่ที่พี่เกรซให้กับทรายก็คือลูกจ้าง ไม่ต้องห่วงนะคะว่าทรายจะไปซบอกแบรนด์ไหนมาตีตลาดแข่งกับพี่เกรซ เพราะสิ่งที่ทรายต้องการก็คือ แบรนด์ของทรายเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนจะตีตลาดพี่เกรซไหม ก็คงไม่อีกล่ะค่ะ เพราะพี่ก็ทราบว่าทรายกับพี่มันคนละสไตล์ ขอให้พี่โชคดีและได้เจอดีไซเนอร์ที่พร้อมจะตามแนวที่พี่ขีดไว้นะคะ”

พูดจบก็หันหลังและเดินจากมาเพราะเธอคงไม่มีอะไรที่จะต้องสาธยายให้เกรซฟังอีกแล้ว เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอคือคนที่ถูกเอาเปรียบ แค่เธอไม่ทำแบรนด์มาแย่งตลาด Princesse เกรซก็น่าจะพอใจแล้ว แต่คำพูดไล่หลังของเกรซก็ทำให้เธอต้องหันกลับมาพูดอะไรที่มันเด็ดขาดไปเลย

“อย่ามาพูดว่ามันไม่เกี่ยวกับเงิน ไม่ใช่เพราะเงินเหรอเธอถึงได้ออกมาจาก...” ชื่อแบรนด์ดังลอยมากระทบหูพร้อมใบหน้าเยาะเย้ยแสดงออกว่าเธอมันคนหน้าเงินจริงๆ ดังที่เกรซกล่าวหา

“ใช่ค่ะ พี่เกรซจะเอาเรื่องเงินมาเกี่ยวก็ได้ จริงค่ะ ทรายอยากได้เงินแล้วทรายผิดตรงไหนคะ ที่อยากได้เงินอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง อยากมีเงินซื้อบ้านใจกลางเมือง อยากดูหรูฟู่ฟ่าเหมือนคนอื่นเขา อยากใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังหัวจรดเท้า” พูดพลางมองไล่สำรวจเครื่องแต่งกายของเกรซที่ไม่มีจุดไหนเลยที่ไม่ใช่แบรนด์ชั้นนำแพงลิบลิ่วซึ่งเกรซก็รู้ตัวรีบหันโลโก้หนีสายตาของเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel