ถูกขาย
บนเตียงคนไข้ในห้องไอซียู
ร่างของจูเหมยลี่หรือจุฬาลักษณ์สาวไทยเชื้อสายจีนที่ถูกลูกหลงจากการที่นักเรียนอาชีวะยกพวกตีกัน
เธอใส่เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลาเก้าวันแล้ว ข้างเตียงมีคนสองฝั่งกำลังขับเคี่ยวกันอยู่
"คุณเป็นแม่แบบไหน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากให้ลูกมาเมืองไทย แกคิดถึงอยากเจอคุณแต่คุณไม่ดูแลปล่อยให้ลูกผมต้องถูกทำร้าย"
จูล่งนักธุรกิจชาวจีนซึ่งเป็นคุณพ่อของคนไข้ กำลังเอ่ยปากต่อว่าสตรีตรงหน้า เธออายุประมาณสี่สิบเจ็ดสี่สิบแปด แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีราวกับคุณหญิงคุณนาย
"คุณจู ที่นี่เมืองไทยช่วยเก็บกิริยาที่ใช้บ้านคุณไว้ด้วย ฉันก็ห่วงจูลี่ไม่แพ้กันฉันเป็นแม่ของแกนะ วันๆคุณทำแต่งานจนลูกขาดความอบอุ่นแต่ยังมาโทษคนอื่นอีก"
จุไรพรคุณแม่ของจูลี่เอ่ยปากต่อว่าอดีตสามี จูลี่เป็นลูกของเธอเพิ่งจะบินมาเที่ยวเมื่อสิบวันก่อน
จู่ลี่เปิดร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ อีกทั้งยังเป็นบล็อกเกอร์รีวิวอาหาร ที่มาเที่ยวเมืองไทยก็จะมาถ่ายทำลงช่องของเธอ
แต่วันที่เกิดเรื่องเธอกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง เด็กนักเรียนอาชีวะเหล่านั้นขับมอเตอร์ไซค์ตีคู่แข่งกันมา
หนึ่งในนั้นใช้ปืนไล่ยิงคู่อริ จนกระสุนพลาดมาโดนคนที่รอสัญญาณไฟข้ามถนน บาดเจ็บหลายคน เพราะมีคนเหยียบกันตอนที่วิ่งหนี
แต่จู่ลี่โชคร้าย กระสุนนัดนั้นฝังอยู่ที่ปอดด้านซ้ายของเธอ ทางคุณหมอแจ้งแล้วว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ที่ยังใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะต้องรอคุณพ่อของเธอบินมาจากอังกฤษ เขาไปติดต่อเรื่องธุรกิจ
หมอเห็นว่าญาติเริ่มใส่อารมณ์จึงตัดบทเอ่ยขึ้น
"คุณแม่ครับ เราอยากให้พวกคุณตกลงกันเรื่องต้องถอดเครื่องช่วยหายใจยังมีคนไข้รออยู่นะครับ คุณพ่อมาแล้วรบกวนเซ็นให้หมอด้วยครับเรารอคุณอยู่ คนไข้เคสหนักๆยังรอช่วยชีวิตอยู่นะครับ"
จูลี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นร้องไห้ เธอตายแล้วจริงๆหรือ จูล่งเซ็นชื่อมือสั่น เขามีจูเหมยลี่เป็นบุตรสาวคนเดียว แม้จะแต่งงานใหม่แต่ก็มีแต่บุตรชาย ทันทีที่เซ็นชื่อยินยอมเรียบร้อย พยาบาลช่วยกันถอดเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือต่างๆออก
คุณพ่อกอดศพเธอแน่นร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย แม่ทิ้งพ่อมาแต่งงานใหม่กับนักการเมืองเพราะยายชอบเขา ไม่ชอบคุณพ่อที่เป็นพ่อค้า
เธอมาเมืองไทยทีไรคุณยายจะรังเกียจตลอด น้องสาวคนละพ่อของเธอเป็นหลานรักของบ้าน ทั้งชีวิตมีแต่คุณพ่อ
"ฮือๆๆๆๆ ปะป๊าหนูตายแล้ว ปะป๊าอย่าร้องไห้นะคะ ปะป๊าดูแลตัวเองด้วยฮือๆ"
จากนั้นก็มีแรงดึงดูดบางอย่างดูดเธอมาจากสถานที่นั้น ทันทีที่จูลี่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นภูเขาสูง ไร่นามีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณ
"อย่าบอกนะว่าทะลุมิติเหมือนในนิยายอ่ะไม่เอานะ ขอไปใช้กรรมเถอะแม่เจ้า"
ยังไม่ทันจะรู้อะไรเป็นอะไรก็เห็นเด็กสาวคนนึงถูกจับใส่ผ้าคลุมเจ้าสาว แต่เสื้อผ้าซอมซ่อนัก มีสตรีร่างใหญ่กับบุรุษวัยกลางคนลากนางมาส่งที่กระท่อมชายป่า
จากนั้นก็มีบุรุษเคราหนาหนวดยาวเฟิ้มเดินออกมารับเจ้าสาว แม่เจ้าน่าสงสารยายหนูนี่จริงๆ แต่งงานกับตาลุงนี่เหรอ จูลี่ตั้งใจฟังบทสนทนา
"นี่เซียวจ้านเป่ย นี่เป็นสัญญาขายตัวนางจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปเหมือนเมียเก่าเจ้า เอาคนไปแล้วเอาเงินมา"
"ป้าสะใภ้ ข้ากวาดบ้านถูบ้านทำงานในนาทุกอย่าง เหตุใดต้องขายข้าด้วยฮือๆๆ เหมยลี่ขอร้องท่านแล้ว"
"ถุ้ย…ทำงานสิบอีแปะกินข้าวร้อยอีแปะ ไปอยู่กับนายพรานเซียวมีอะไรไม่ดี อย่างน้อยก็มีเนื้อให้เจ้ากินข้าไปละ "
นางเหวินป้าสะใภ้ของจูเหมยลี่รับเงินมาก็จากไปทันที
"ขายหลานสาวหรือ นางป้ามหาภัยนี่เลวขั้นเทพเลยนะ"
"ฮือๆๆ พี่ชายเซียวเมตตาข้าเถิดนะเจ้าคะ อย่าทำอะไรข้าเลยข้ากลัวแล้ว"
"ข้าซื้อเจ้ามาให้เจ้ามานั่งบีบน้ำตาหรือ ไปหุงข้าวลูกสาวข้าหิวแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยรำคาญ นับแต่เมียเก่าหอบผ้าหนีไปกับไอ้ขุนนางคนนั้นเขาก็รังเกียจสตรีมาตลอด หนวดเคราไม่เคยโกนปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเหมือนตาเฒ่าคนนึง
เดิมทีก็ไม่อยากแต่งงานหรอกแต่เพราะท่านปู่อยากให้เขามีทายาทสักที จึงแต่งงานกับหลานสาวของสหายท่านปู่ หงซู่สตรีแพศยาผู้นั้นเขาแตะต้องนางแค่ครั้งเดียวเพราะถูกวางยาปลุกกำหนัด จนมีเซียวลี่ผิงขึ้นมา
นางหนีไปเขาไม่เจ็บใจเท่าไหร่ แต่นางทิ้งบุตรสาววัยสามขวบเอาไว้ปิดประตูขังไว้ในบ้าน
กว่าที่เขาจะลงเขามาก็สองวันแล้วบุตรสาวหิวข้าวหิวน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เขามีเงินเก็บอยู่สามร้อยตำลึงนางก็ขโมยเอาไปจนหมด เหลือแค่ที่ล่าหมูป่ามาได้วันนั้นสองตัวขายได้สามสิบตำลึงก็ใช้รักษาบุตรสาวไปแล้ว มาตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเงินแค่ห้าตำลึง
จำต้องซื้อจูเหมยลี่มาสามตำลึง เขาต้องขึ้นเขาอีกครั้ง อีกทั้งถูกหมายเกณฑ์อีก ต้องไปร่วมกองทัพในเดือนหน้า ตั้งแต่กลับมาเจอบุตรสาวนอนหายใจรวยรินเขาก็ไม่ขึ้นเขาอีกเลยเกือบปีแล้ว เงินทองก็ไม่มีแล้วจึงจำใจต้องหาคนมาดูแลบุตรสาวเพื่อหาเงินฝากท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลบุตรสาวเขาๆไม่ไว้ใจให้สตรีจับเงินของเขาอีกแล้ว แพศยาทั้งนั้น
