บท
ตั้งค่า

ข้านึกว่าบ้านเจ้ามีคนตาย

สองแม่ลูกเดินเข้าบ้านไม่สนใจคนตัวสูงที่ยืนโมโหจนจะบ้า ลูกสาวเขาแปรพรรคตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ปกติเซียวลี่ผิงไม่เอาใครนอกจากเขา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้บุตรสาวไม่ต้องการเขาเลย

เซียวจ้านเป่ยเดินเข้ามาก็ได้ยินเพลงกล่อมเด็ก ไพเราะเหลือเกินเขาไม่เคยได้ยินทำนองเหล่านี้มาก่อน แต่ฟังแล้วไพเราะนัก เผลอยืนฟังอยู่นาน ประตูห้องเปิดออกมา สองคนมองหน้ากันจูเหมยลี่เอ่ยก่อน

"นี่ตาแก่ บ้านท่าสกปรกเกินไป บุตรสาวท่านเนื้อตัวมีแต่แมลงกัด มาช่วยข้าทำความสะอาดหน่อย ผ้าปูเตียงผืนใหม่มีหรือใม่ เงินมีไหมไปหาซื้อมา บวกรวมไปกับค่าตัวของข้าตอนไถ่ตัวแล้วกัน"

พูดจบก็ไม่รอคำตอบ คว้าไม้กวาดมากวาดหยากไย่ทันที พื้นบ้านเป็นพื้นดินเวลาฝนตกมีน้ำไหลเข้ามาบ้างจะเฉอะแฉะ อยู่ไปได้อย่างไรกัน จูเหมยลี่เปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อระบายความอับชื้น

ยามเซินก็ทำความสะอาดบ้านเสร็จ ห้องนอนของนางเตียงนอนพื้นที่นอนแข็งชะมัดต้องเอาฟางมาปูแล้วปูผ้าทับอีกทีแก้ขัดไปก่อน ตาบ้านี่มีแค่ผ้าห่มผืนเดียวมาให้จริงๆ

"ท่านลุงในครัวมีเสบียงหรือไม่ ข้าจะทำมื้อเย็น"

"เลิกเรียกข้าว่าลุงได้แล้ว ข้าอายุยี่สิบหกไม่ใช่ลุงหรือตาแก่"

เซียวจ้านเป่ยอยากหักคอคนตรงหน้านักเมื่อกลางวันอาบน้ำหมดโอ่งจนเขาต้องไปตักน้ำอีก

"ในครัวมีข้าวสารกับแป้งสาลีอยู่เล็กน้อย เครื่องปรุงมีอยู่เพราะข้าไม่ค่อยได้ทำอาหาร มีไข่อยู่ห้าฟอง"

" มีแค่นี้หรือ เนื้อสัตว์หรือผักละมีอะไรบ้างไหม ในหมู่บ้านพอมีร้านค้าไหม ท่านเป็นนายพรานแบบไหน เนื้อสักชิ้นยังไม่มีให้ลูกกิน จ่ายค่าอาหารเดือนละหนึ่งตำลึงได้มาแต่ซาลาเปาแข็งๆ ข้าจะไปจับปลาที่ลำธาร ไปปลุกผิงผิงด้วยเดี๋ยวคืนนี้นอนดึก "

"ข้าไปจับปลาเองเจ้าไปปลุกลูกเถอะ"

จากนั้นเซียวจ้านเป่ยก็เดินออกไป ในใจก็คิดถึงคนที่จากไปแล้ว ท่านปู่หลงเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ แม้จะเปลี่ยนฮ่องเต้แล้วแต่พวกเขาก็ไม่อยากกลับไปรับใช้ราชสำนักแล้ว

แต่กลับต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารช่างเถอะก็ดีกว่าเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง ที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีปล่อยให้นางกับบุตรชายครอบครองอำนาจเหล่านั้นไปเถอะ ตอนนี้เขามีบุตรสาวที่แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจให้นางเกิดแต่นางก็คือสิ่งล้ำค่าที่สุดที่เขามี

"ผิงผิงเด็กดีไหมเอ่ย ตื่นหรือยังน้อไม่ตื่นแม่จะหนีไปเที่ยวคนเดียวแล้วนะ" จูเหมยลี่จี้เอวเด็กน้อย นางตื่นแล้วแต่แกล้งหลับขนตากระพริบถี่เชียว

"คิกๆๆๆท่านแม่ฮ่าๆๆท่านแม่ข้าจั๊กจี้มากเลยเจ้าค่ะคิกๆๆ"

จูเหมยลี่มองตาเด็กน้อยก่อนจะก้มลงเป่าพุงนางเล่น เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในบ้าน เซียวจ้านเป่ยยืนมองภาพตรงหน้าอย่างใจลอย ภาพนี้เหมือนตอนเขายังเด็กตอนที่เสด็จพ่อยังไม่แต่งสตรีคนนั้นเข้ามา เสด็จแม่รักใคร่เขานัก แต่ไม่นานนางก็จากไปหลักจากนั้นอีกสองปีเขาอายุสิบแปดไปไหว้หลุมศพมารดาขากลับก็ถูกตามฆ่า

จนต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพ่อบ้านของเขาท่านปู่เซียวหลงเพื่อปกปิดร่องรอยจำต้องแต่งภรรยา ในที่สุดก็ถูกหงซิ่ววางยาจนมีผิงผิงออกมา เขายังถูกตามล่าจากชายารองที่ตอนนี้ขึ้นตำแหน่งชายาเอกแล้วกระมัง ถอนหายใจเสร็จก็เดินเข้าบ้าน

"ข้าจับปลาได้สามตัว จะไปซื้อเนื้อหมูที่ในเมืองมาให้ตอนเช้า ตอนนี้ตลาดคงวายหมดแล้ว ปลาต้องทำอย่างไร"

"ท่านขอดเกล็ดควักไส้ออกแล้วกัน อ้อติดเตาให้ด้วยข้าจะต้มน้ำให้ผิงผิงอาบก่อนเดี๋ยวฝนตก เก็บผ้าที่ข้าซักตากเข้ามาให้ด้วย"

เซียจ้านเป่ยสะอึกเขาซื้อนางมาหรือว่านางซื้อเขามากันแน่ใช้งานเขายิ่งกว่าบ่าวในเรือนเสียอีก แต่ก็หิ้วปลาไปขอดเกล็ด จากนั้นก็ก่อไฟ ไม่นานจูเหมยลี่ก็เข้ามาในครัว เปิดดูข้าวสารมีอยู่ครึ่งถัง แป้งสาลีมีเยอะพอควร แต่ไม่ทำกินไปจ้างคนอื่นตาแก่นี่ตลกดี

"เดี๋ยวข้าจะทำอาหารท่านพาลูกไปอาบน้ำเถอะ ฝนตั้งเค้ามาแล้วโชคดีที่ข้าให้ท่านตัดไม้ไผ่มาปูพื้นบ้านไม่งั้นได้ย่ำโคลนทุกวันแน่ๆ เฮ้ออยู่ได้อย่างไร มิน่าเมียหนี"

จูเหมยลี่บ่นจบก็เดินเข้าครัว เซียวจ้านเป่ยสะอึก ที่นางหนีเพราะเขาขี้เหร่ไงนางบอกว่าเขาอัปลักษณ์ ขนาดเจ้ายังเรียกข้าตาแก่เลยเด็กบ้า

จูเหมยลี่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร นางแร่เนื้อปลาบางๆค่อยๆเลาะก้างออกจนหมด ก้างปลาเอามาต้มทำน้ำแกงหุงข้าวสวยเอาไว้ พอน้ำแกงปลาข้นได้ที่ก็กรองเอาแต่น้ำ ปรุงรสด้วยเกลือ มีแต่เกลือจริงมองหาเครื่องปรุงอย่างอื่นไม่มีเลย กะกินเย็นวันนี้พรุ่งนี้เช้าฟอกไตหรือไงนะ หลักจากนั้นก็ค่อยๆใส่เนื้อปลาที่แร่ลงไป

ตอนซักผ้าเห็นมีต้นหอมป่าอยู่แถวๆลำธาร ไปเก็บสักหน่อย จึงลุกไปลงเดินออกไปนอกบ้าน ได้ต้นหอมป่ามาหลายต้น บังเอิญโชคดีตรงกองฟางที่เซียวจ้านเป่ยวางสุมทิ้งไว้ให้วัว มีเห็ดฟางงอกอยู่มากมายเลย

"โอ๊ย คิดถึงต้มยำที่เมืองไทยจัง ตัดคลิปไว้ยังไม่ทันได้ลงเลย ดันมาตายเสียก่อนบอกว่าไม่เอาแบบนี้ยังให้มาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นอีกขอมิติปังๆบ้างได้ไหมนิยายโกหกทั้งเพ เก็บเห็ดไปดีกว่าไว้พรุ่งนี้ดอกก็บานหมดแล้ว"

จูเหมยลี่ทำไข่ตุ๋นใส่เห็ดฟางกับน้ำแกงปลาหนึ่งชามโรยด้วยต้นหมอซอย เนื้อปลาอีกส่วนเคล้าเกลือเล็กน้อยคลุกแป้งสาลีชุบไข่คลุกแป้งอีกทีนำลงไปทอด

อาหารเสร็จแล้วสองพ่อลูกที่อยู่ในบ้านถึงกับกลืนน้ำลายทันที เซียวลี่ผิงวิ่งมากอดขาจูเหมยลี่อย่างเอาใจ

"ท่านแม่หอมจังเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ทำอะไรให้ลูกกินเจ้าคะ" จูเหมยลี่ลูบศรีษะน้อยๆก่อนจะสั่งให้ไปรอที่โต๊ะกินข้าว เดี๋ยวถูกน้ำแกงลวก

"เจ้าพานางไปเถอะ เดี๋ยวข้ายกอาหารไปเอง ผิงผิงลูกไปกับท่านแม่เดี๋ยวพ่อจะช่วยท่านแม่ยกกับข้าวไปนะ"

เซียวผิงผิงกางแขน จูเหมยลี่อุ้มเจ้าแมวลายจอมตะกละขึ้นมาพาไปยังห้องโถงเพื่อนั่งกินข้าว จางรั่วสุ่ยถือตระกร้ามาหาสหายรุ่นพี่ ไม่ทำอาหารได้อย่างไรแล้วสองพ่อลูกจะกินอะไร จางลู่เหลียนน้องสาวเขาบอกว่าจูเหมยลี่เป็นสตรีปากร้าย เขาต้องมาดูสักหน่อยเป็นห่วงเซียวจ้านเป่ยกับเซียวลี่ผิง แต่พอมาถึงก็ได้กลิ่นอาหารที่หอมจนท้องเขาร้องทั้งๆที่เพิ่งกินมา

"พี่จ้านเป่ย ข้าเองรั่วสุ่ยเอาสำรับมาให้ท่านน่ะขอรับ" เซียวจ้านเป่ยเปิดประตูออกมาเห็นสหายรุ่งน้องถือตระกร้าอยู่ก็พยักหน้าให้

"เข้ามาก่อนสิ เอ่อกินข้าวด้วยกันเถอะ เมียข้าทำอาหารเยอะแค่เพิ่มตะเกียบคู่เดียวเท่านั้น"

"เช่นนั้นรบกวนอาซ้อด้วยนะขอรับ" จูเหมยลี่พยักหน้าก่อนจะคีบไข่ตุ๋นป้อนเซียวลี่ผิง เหมือนมีแค่นางกับเด็กน้อยไม่สนใจบุรุษทั้งสอง จนจางรั่วสุ่ยเอ่ยขึ้นมา

"เอ่อ อาซ้อวันนี้ลู่เหลียนมาสร้างความรำคาญใจให้ท่านข้าเป็นพี่ต้องขออภัยด้วยนะขอรับ" เซียวจ้านเป่ยมองหน้านาง ดูท่าสหายคงมาทวงความเป็นธรรมให้น้องสาว

"ข้าไม่ถือโทษโกรธหรอก อีกอย่างที่เลิกจ้างเจ้าทำอาหารเพราะข้าทำเองได้ภรรยาเจ้าลูกเล็ก ส่วนน้องสาวเจ้ายังไม่แต่งงาน เช้าส่งข้าวเย็นส่งน้ำให้บุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไปต่อไปนางจะแต่งงานอย่างไร อีกเรื่องเจ้าเห็นนางใส่เสื้อผ้าหรือไม่ ขาวตั้งแต่เส้นผมยันปลายเท้า ข้าคิดว่าบ้านเจ้ามีคนตายแล้วนางไว้ทุกข์เสียอีก ถ้านางไปบ้านญาติผู้ใหญ่แล้วแต่งตัวแบบนี้ พวกเขาคงพูดมากกว่าข้านัก"

"เป็นอาซ้อที่สั่งสอนถูกต้อง ข้าจะจำไปสอนนางขอรับ อืมอาหารที่ท่านทำวันนี้รสชาติอร่อยยิ่งนักนับว่าพี่จ้านเป่ยมีวาสนาแล้ว"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel