บท
ตั้งค่า

5 แต่งงานแก้เคล็ด

ได้ยินคำถาม คนถูกถามก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที ด้วยความพออกพอใจในแผนการของตัวเอง ก่อนจะบอกแผนที่คิดขึ้นได้ออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“วิธีไหนเหรอ ก็หมอดูคนนั้นยังไงล่ะคะ ไปเถอะ เราไปเตรียมความพร้อมกันดีกว่า” คนเป็นภรรยาตอบออกมาด้วยรอยยิ้มกริ่มอย่างมุ่งหวัง ทั้งลุกขึ้นยืนชวนคนข้างตัวออกไปข้างนอกด้วยกันอย่างกระตือรือร้น

เป็นอย่างนี้ผู้ถูกชวนจึงลุกขึ้น และเดินออกจากบ้าน ขึ้นรถไปยังจุดหมายอย่างไม่รอช้า ด้วยกลัวว่าจะมืดค่ำไปเสียก่อน

นั่งรถมาพักใหญ่ ก็มาถึงวัดที่ตัวเองมาทำบุญเมื่อวันวาน

เมื่อมาถึง คุณหญิงสิริก็พาผู้เป็นสามีไปยังจุดที่มีหมอดูคนดังกล่าวนั่งดูดวงอยู่ ข้างๆ ศาลาทำบุญริมแม่น้ำใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านแล้ว เนื่องจากว่าผู้มาทำบุญส่วนใหญ่ จะชอบมาแค่ตอนเช้าเท่านั้น ซึ่งพอสายมาก็จะพากันไปเที่ยวที่อื่นต่อนั่นเอง

“สวัสดีค่ะ พวกเรามาดูดวงให้ลูกชาย” คุณหญิงสิริเอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองออกมาอย่างไม่ให้เสียเวลา เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าชายสูงวัยหน้าตาอิ่มเอิบและผ่องใสคนหนึ่ง ซึ่งดูน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย

“ขอวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟาก” ชายสูงวัยเอ่ยรวดเร็วอย่างคนชำนาญมาก

เป็นอย่างนี้คนเป็นแม่จึงบอกข้อมูลของลูกชายออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ โดยมีคนถามเขียนกระดานชนวนโบราณอันเล็กยุกยิกตามที่ผู้มาดูดวงบอกด้วยอย่างคล่องแคล่ว

หลังได้ข้อมูลครบตามที่ขอไปแล้ว ชายสูงวัยก็นั่งนับนิ้วไปมาด้วยท่าทางเคร่งเครียดและเคร่งขรึม พักใหญ่ถึงได้เงยหน้าขึ้นมาจากกระดานชนวนอันเล็กมองสองสามีภรรยาที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยออกมา “พื้นเพดวงชะตาลูกชายของคุณนาย ปกติเป็นคนไม่ค่อยระมัดระวังอะไร จึงมีเรื่องให้เจ็บตัวได้ตลอด แต่ช่วงนี้อายุเข้าใกล้วัยเบญจเพส เลยมีเหตุให้เจ็บตัวบ่อยกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องระวังให้มาก แต่ถ้าอยากผ่อนหนักให้เป็นเบาก็ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาไปก็พอช่วยได้บ้างนิดหน่อย ถ้าจะให้ดีก็เกี่ยวกับคนตายจะดีที่สุด อย่างเช่นบริจาคผ้าห่อศพ โลงศพให้คนยากอะไรพวกนี้”

ชายสูงวัยกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ หลังจากนั่งนับนิ้วหน้านิ่วคิ้วขมวดมาพักใหญ่

“ง่ายๆ แค่นี้เองหรือคะ” คุณหญิงสิริถามออกมาอย่างสงสัย หลังอดทนรอคำทำนายมานาน

“ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นะครับ เพราะอย่างที่บอก ลูกชายของคุณนายเป็นพวกไม่ค่อยระวัง ดังนั้นจะบอกว่าง่ายก็ไม่ได้” ชายสูงวัยเอ่ยเป็นการเป็นงาน โดยไม่ลืมย้ำนิสัยของเจ้าของดวงชะตาออกมา เพื่อไม่ให้คนฟังชะล่าใจ

“ถ้าเราต้องการเปลี่ยนคำทำนายและวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาจะได้ไหมคะ” คุณหญิงสิริถามเสียงอ่อนไม่อ้อมค้อม พร้อมจับจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาจริงจังอย่างขอร้องด้วย

“เปลี่ยนยังไงครับ” ผู้สูงวัยขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ

“เปลี่ยนให้คำทำนายรุนแรงขึ้น และต้องแต่งงานแก้เคล็ดเท่านั้นน่ะค่ะ” คุณหญิงสิริเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่ม ทว่าแววตากลับจริงจังมากกว่าเมื่อสักครู่นี้อีก พร้อมเล่าแผนการของตัวเองออกมาด้วย

หลังฟังจบ ชายสูงวัยก็ถามออกมาด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจหนัก “เพื่ออะไรครับ”

“เพื่อให้ลูกชายเรามีคนดูแลค่ะ” คุณหญิงสิริเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน และเมื่อเห็นว่าคนนั่งตรงข้ามมีสีหน้ายุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก จึงอธิบายเพิ่ม “อย่างที่อาจารย์บอก ลูกชายเราเป็นพวกไม่ระมัดระวังจริงๆ ดังนั้นเราจึงอยากจะให้เขามีคนมาดูแลน่ะค่ะ”

“อย่างนั้นเหรอครับ” ชายสูงวัยถามอย่างไม่วางใจ

“ครับ/ค่ะ” สองสามีภรรยาเอ่ยเสียงหนักออกมาพร้อมกันอย่างยืนยัน

“ก็ได้ครับ เห็นแก่ความรักของพ่อแม่ ผมจะยอมโกหกสักครั้ง” ชายสูงวัยตอบรับด้วยท่าทางจริงจัง ดั่งคนตัดสินใจดีแล้วเช่นกัน หลังเห็นท่าทางจริงจังจากทั้งสองคนตรงหน้า

“ขอบคุณท่านอาจารย์มากเลยนะครับ/ค่ะ” สองสามีภรรยาเอ่ยออกมาด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายยอมช่วย ก่อนจะหันมาสบตากันและกันด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“ไม่เป็นไรครับ” ชายสูงวัยเอ่ยอย่างยินดี ที่ตัวเองมีส่วนช่วยให้ทั้งสองคนตรงหน้ามีความสุขขึ้นมาได้

สบตาคนเป็นภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง คุณวศินก็นึกขึ้นได้ จึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบซองสีน้ำตาลอันเล็ก ทว่าอวบอ้วนออกมาให้ชายตรงหน้า “อันนี้สำหรับวันนี้ครับ ส่วนของพรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่"

“ขอบคุณครับ” ชายสูงวัยเอ่ยด้วยสีหน้าเข้มขรึมอย่างพยายามสะกดกลั้นอาการดีใจของตัวเองไว้

หลังจัดการทุกอย่างลงตัวแล้ว สองสามีภรรยาก็กลับมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้วยความสบายใจ ที่แผนการขั้นแรกผ่านไปด้วยดี ที่เหลือก็รอลุ้นต่ออีกทีในวันพรุ่งนี้

ขณะนั่งรถกลับบ้าน คุณหญิงสิริก็อดถามคนเป็นสามีที่นั่งเคียงข้างกันยังเบาะด้านหลังออกมาไม่ได้ “คุณว่าลูกเราจะยอมดีๆ ไหมคะ”

“ถ้ายอมดีๆ จะเป็นตาภูเหรอคุณ” ผู้เป็นสามีตอบกลับเสียงทุ้มด้วยรอยยิ้มขำ เมื่อได้นึกถึงลูกชายตัวเอง

“นั่นสินะคะ” คนเป็นภรรยาตอบกลับพร้อมยิ้มขำไม่ต่าง ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างอดใจรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว “ชักอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ แล้วสิคะ”

“ใจเย็นๆ เถอะคุณ เกิดความดันกำเริบขึ้นมา แผนที่วางไว้จะเสียเปล่าเอานา” คนเป็นสามีกระเซ้าด้วยรอยยิ้มกริ่มอย่างรักใคร่

“คุณนี่” คนถูกกระเซ้าปรายตามองคนข้างตัวด้วยความขัดเคืองอย่างไม่จริงจัง เห็นดังนั้น คนเป็นสามีจึงยกมือขึ้นโอบไหล่อีกฝ่ายเข้ามาพิงซบอกอย่างต้องการง้อ

“ความจริงผมก็ลุ้นเหมือนคุณแหละ” คนง้อเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างขบขัน ตอบจบ ก็ถูกคนในอ้อมอกยกมือขึ้นบิดพุงกะทิที่ยื่นออกมาไม่หนักไม่เบาไปทีด้วยความหมั่นไส้

“โอ๊ยๆๆ คุณสิ” เจ้าของพุงโอดโอยออกมาด้วยท่าทางเจ็บปวด ทว่าสีหน้ากลับยิ้มแย้มมีความสุขเป็นอย่างมาก เห็นอย่างนี้คนหมั่นไส้อยู่แล้วก็ยิ่งหมั่นไส้หนัก แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับคนรักมากไปกว่านี้ จึงหัวเราะออกมาด้วยความขบขันกับท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่าย

“ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว เราไปดินเนอร์กันสักคืนดีกว่า” คนแกล้งเจ็บเอ่ยกับคนเป็นภรรยาด้วยแววตาหวานเชื่อม หลังเห็นว่าอีกฝ่ายคลายความตื่นเต้นและรอลุ้นลงไปได้แล้ว ก่อนจะหันหน้าไปสั่งคนขับรถ ให้พาไปยังโรงแรมดังที่อยู่ระแวกใกล้ๆ ด้วยอย่างไม่ให้คนในอ้อมกอดปฏิเสธได้

หลังจากดินเนอร์ฉลองความสำเร็จล่วงหน้าไปแล้ว พอสายวันต่อมา สมาชิกภายในบ้านบดินทร์รักษ์ ก็มานั่งรอหมอดูที่เชิญมาอยู่ที่โถงรับแขก โดยมีกุนนทีและแม่ของอีกฝ่ายมานั่งพับเพียบบนพื้นฟังด้วย ตามคำสั่งของคุณหญิงสิริ

นั่งรอไม่นานผู้ที่ถูกเชิญมาก็มาถึง และเริ่มทำการทำนายดวงชะตาของชายหน้าหวานตามขั้นตอนทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา

หลังจากที่นับนิ้วไปมาด้วยท่าทางเคร่งเครียดเหมือนเมื่อวานอยู่ครู่ใหญ่ หมอดูสูงวัยหน้าตาผ่องใสก็เอ่ยเนิบนาบออกมา “ดวงชะตาของลูกชายคุณนาย ที่อายุย่างเข้าวัยเบญจเพส มีเกณฑ์ได้รับความเจ็บปวดอย่างร้ายแรง ถึงขั้นเลือดตกยางออก และอาจเสียชีวิต ซึ่งทางเดียวที่จะสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ คือลูกชายคุณหญิงต้องมีคนดูแลด้วยการแต่งงานเท่านั้น”

“อะไรนะคะ มีเกณฑ์ได้รับความเจ็บปวดอย่างร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตด้วย” คนเป็นแม่อุทานเสียงดังออกมาหน้าตาแตกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก พลอยทำให้คนอื่นๆ อดวิตกกังวลไปด้วยไม่ได้

“ครับ” หมอดูสูงวัยพยักหน้ายืนยัน พลางคิดยกนิ้วให้หญิงตรงหน้าในใจ ที่ตีบทแตกแสดงความตกใจออกมาได้สมบทบาทมากจริงๆ

“ต้องแต่งงานเท่านั้นเหรอครับ ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ” คุณวศินขมวดคิ้วถามบ้าง ถามจบ หมอดูสูงวัยก็ส่ายหน้าช้าๆ ให้ทันที เป็นอย่างนี้คนเป็นลูกชายจึงเอ่ยขึ้นบ้าง

“โกหกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงภูก็ไม่แต่งหรอกนะครับ” ชายหน้าหวานเอ่ยเสียงอู้อี้ ทว่าชัดเจนกว่าเมื่อวานออกมาด้วยท่าทางจริงจัง ใบหน้างอง้ำ จะไม่ยอมทำตามที่หมอดูคนนี้พูดเป็นอันขาด

“ตามใจครับ ผมแค่พูดไปตามที่คำนวนได้จากดวงชะตาของคุณเท่านั้น ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทำตามหรือไม่ทำตาม ก็แล้วแต่ความสมัครใจ ผมไม่บังคับหรอกครับ” ชายสูงวัยเอ่ยเนิบนาบ ไม่โกรธเคืองที่ถูกอีกฝ่ายปรามาสว่าอย่างนั้น ทั้งหันกระดานชนวนโบราณอันเล็ก ที่ขีดเขียนวันเดือนปีเกิดของชายหน้าหวาน ไปให้เจ้าตัวได้ดูด้วยท่าทางบริสุทธิ์ใจ

ได้เห็นและได้ยินอย่างนี้ ภูตลาก็นิ่งเงียบไปไม่ตอบโต้อีก แต่สีหน้ายังคงบ่งบอกว่า หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่ยอมแต่งงานตามที่ชายสูงวัยบอกเด็ดขาด

“แค่แต่งงานก็ช่วยได้จริงๆ เหรอคะ” กรกมลที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นเคียงข้างลูกชาย ขมวดคิ้วถามออกมาอย่างอดใจไม่ไหว ไม่อยากจะเชื่อด้วยเหมือนกัน เพราะเคยได้ยินแต่ปล่อยนกปล่อยปลา หรือว่าอย่างอื่น ไม่เคยได้ยินว่าต้องแต่งงานแก้เคล็ดหรือสะเดาะเคราะห์เลยสักครั้ง

“ครับ แค่แต่งงานเท่านั้น” หมอดูตอบเสียงหนักและย้ำชัดอีกหน

“แล้วต้องแต่งตอนไหนยังไงคะ” เจ้าของบ้านสูงวัยถามออกมาบ้างอย่างเป็นกังวล

“ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ” ชายสูงวัยตอบตามที่ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

เมื่อหมอดูตอบออกมาแล้ว ทุกคนในโถงรับแขกก็นิ่งเงียบไป ไม่พูดอะไรอีก เป็นอย่างนี้ หมอดูสูงวัยจึงเอ่ยต่อ “มีอะไรจะถามอีกไหมครับ ถ้าไม่มีผมจะได้ขอตัว”

“ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณท่านอาจารย์มากนะคะ ที่สละเวลามาในวันนี้” คุณหญิงสิริเอ่ย พลางยื่นซองสีน้ำตาลอวบอ้วนไม่แพ้เมื่อวานส่งให้อย่างนอบน้อม

“ด้วยความยินดีครับ” ชายสูงวัยเอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยื่นมือออกไปรับซองที่ส่งให้ด้วยท่าทีนิ่งขรึม ทั้งที่ในใจลิงโลดเป็นอย่างมาก “งั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

พูดจบก็ลุกขึ้นยืนทันที อย่างต้องการออกไปจากตรงนี้ ด้วยกลัวว่าท่าทีนิ่งขรึมที่สะกดกลั้นไว้จะเล็ดลอดออกมา เพราะควบคุมไม่อยู่

“ครับ ขอบคุณท่านอาจารย์อีกครั้งนะครับ” คุณวศินเอ่ย พลางลุกขึ้นยืนส่ง เห็นอย่างนี้กุนนทีก็รีบยืนขึ้นและผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายไปยังรถ ที่จอดรออยู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel