บท
ตั้งค่า

1 ความซวยมาเยือน

ณ บ้านหลังใหญ่สไตล์คลาสสิกที่หรูหราอลังการตามฐานะเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างครบวงจรอันดับต้นๆ ของประเทศ

ภายในบ้าน สมาชิกทั้งสี่ที่ประกอบไปด้วย ย่า ลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานชาย กำลังนั่งกินมื้อเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารตัวยาวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในวันหยุดสุดสัปดาห์

ขณะที่กำลังกินข้าวไป พูดคุยกันไปด้วยความสุขสันต์อยู่นั้น คนเป็นแม่วัยห้าสิบต้นๆ ก็พลันนึกถึงเรื่องถูกหมอดูที่วัดที่เพิ่งจะไปทำบุญมาเมื่อวาน ทักขึ้นได้ จึงหันไปบอกกับลูกชาย หลังจากที่เมื่อคืนไม่ได้เล่าออกมา เนื่องจากว่าคนเป็นลูกกลับบ้านดึก เพราะไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนๆ อยู่

“เมื่อวานแม่ไปทำบุญที่วัดกับคุณป้าเพ็ญศรีมา หมอดูเข้ามาทักแม่ว่า คนอายุน้อยในบ้านกำลังจะมีเคราะห์ ให้ระวังตัว ดังนั้นลูกก็ระวังตัวด้วยนะ”

“หมอดูก็คู่กับหมอเดาแหละแม่ เชื่อไม่ได้หรอก” คนเป็นลูกตอบกลับอย่างไม่เชื่อถือ ตอบจบก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวคำโต ไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนของคนเป็นแม่เลยสักนิด

“ใช่ ต่อให้หมอดูไม่ทัก ตาภูก็มีเรื่องให้เจ็บตัวบ่อยๆ อยู่แล้ว” คนเป็นพ่อวัยใกล้หกสิบ ท่าทางน่าเกรงขามเสริมด้วยรอยยิ้มขำอย่างข่มกลั้นไม่ไหว ทั้งหันไปมองใบหน้าสวยหวานของลูกชาย ที่ได้รับสืบทอดมาจากคนเป็นแม่ด้วยความเอ็นดู

เนื่องจากหลายวันก่อนหน้านั้น ลูกชายก็เดินชนประตูกระจกใสหน้าห้องทำงานของเขาจนหัวโน เพิ่งจะหาย หลายวันก่อนโน้นก็ปิดประตูรถหนีบมือตัวเองอีกต่างหาก และอีกเยอะแยะมากมายให้กล่าวถึงอย่างนับไม่หวาดไม่ไหว

“พ่ออ่ะ” ภูหรือภูตลา หนุ่มหน้าหวานรูปร่างผอมเพรียว เอ่ยด้วยความขัดเขินและขัดเคือง ที่ผู้เป็นพ่อมาแซวกันอย่างนี้ ก่อนจะทำทีตักข้าวเข้าปากไปไม่สนใจผู้ใหญ่ทั้งสามที่หัวเราะขำขันตัวเองอยู่

“หรือว่าไม่จริง” คนเป็นพ่อเอียงคอมองท่าทีกระเง้ากระงอดของคนเป็นลูกด้วยความขบขัน

“ก็วันนั้นผมมัวแต่ตอบคำถามของพ่ออยู่นี่ครับ เลยไม่ได้มอง ส่วนวันที่โดนประตูรถหนีบมือก็เพราะผมรีบนี่นา” คนเป็นลูกแก้ตัวเสียงอ่อยอย่างยอมรับว่าตัวเองเป็นเช่นที่พ่อว่าให้จริงๆ

“เฮ้อ นิสัยไม่รู้จักระวังของเรานี่ ทำพ่อกับแม่เป็นห่วงจริงๆ เกิดมีแฟนขึ้นมาจะไปดูแลเขาได้ยังไง” คนเป็นพ่อถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้มใจกับนิสัยของลูกชายตรงหน้า

“ก็ไม่ได้คิดอยากจะมีสักหน่อย” คนเป็นลูกต่อคำด้วยใบหน้างอง้ำ แล้วตักข้าวเข้าปากไปอีกคำ อย่างไม่อยากจะสนใจอีก

“ดีแล้วๆ อย่าเอาเขามาปวดใจเป็นเพื่อนพ่อกับแม่เลย” คนเป็นพ่อเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มขำขัน เพราะข่มกลั้นไม่ไหวออกมา

ได้ยินอย่างนี้ คนเป็นลูกก็งอนขึ้นมาแล้วจริงๆ จึงรีบเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากลวกๆ และกลืนลงท้อง แล้วต่อว่าคนเป็นพ่อออกมา ” พ่ออ่า อะ!”

ทว่าหลังจากเอ่ยออกมาแล้ว คนพูดก็ใบหน้าเหยเกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งยกมือขึ้นกุมลำคอของตัวเองด้วย

“เป็นอะไรไปเหรอตาภู” คนเป็นแม่ถามทั้งยกมือขึ้นแตะไหล่ลูกชายอย่างห่วงใยด้วย เมื่อได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดมากจากคนข้างตัว

“ก้างติดคอน่ะครับ” เจ้าของชื่อตอบเสียงแผ่วด้วยสีหน้าเจ็บปวดไม่หาย หลังจากได้กลืนปลาเก๋านึ่งซีอิ้วลงคอไปเมื่อสักครู่

“ติดลึกไหมลูก เอามือล้วงออกได้ไหม” คนเป็นย่าที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ต่าง

“เดี๋ยว ขอภูไปล้วงดูก่อนนะครับ” คนเป็นหลานเอ่ย ทั้งลุกออกจากเก้าอี้เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ถัดจากห้องอาหารไปไม่ไกลทันที โดยมีสายตาของสมาชิกภายในบ้านมองตามด้วยความเป็นห่วง

ขณะเดินออกจากห้องอาหารไปด้วยความเร่งรีบ คนก้างติดคอก็บ่นอุบในใจอย่างไม่สบอารมณ์

ซวยแต่เช้าเลย…

ด้วยคิดว่าดูดีแล้วแท้ๆ แต่กลับยังมีก้างหลงเหลือมาปักคอเสียได้ ก่อนจะยกมือขึ้นล้วงคอเอาก้างออกอย่างทนเจ็บไม่ไหว แต่เพราะรีบร้อนมากจนเกินไป เดินมาได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดขาตัวเองล้มไปเสียอย่างนั้น

“เหวอ…”

ตึง !

“…โอ๊ย !” คนซวยแต่เช้าร้องเสียงดังลั่น เพราะล้มกระแทกพื้นอย่างแรง นอนแอ้งแม้งหน้าจูบพื้นหินอ่อนอยู่ตรงหน้าประตูห้องอาหาร ถึงตอนนี้ตัวคนล้มก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้ว “ฮือๆ ซวยจริงๆ เลย แม่ค้าบ ฮือๆ เจ็บจังเลย ฮือ …”

“ตาภู !” สมาชิกที่มองตามหลัง เมื่อเห็นคนลุกไปเข้าห้องน้ำล้มฟุบลงไปต่อหน้า ก็พากันร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลุกออกจากเก้าอี้ เข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง

“เป็นยังไงบ้าง ตาภู” คนเป็นพ่อถาม พลางเข้าประคองพลิกตัวลูกชายให้นอนหงายขึ้นมาดีๆ โดยมีคนเป็นภรรยายืนมองอยู่ใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน ส่วนอีกคนก็ได้แต่ชะเง้อมองเท่านั้น เนื่องจากว่าเดินเหินไม่สะดวก เพราะอายุแปดสิบกว่าแล้วนั่นเอง

“โธ่เอ๋ย...ตาภู เจ็บมากไหมลูก” คนเป็นแม่ถามเสียงแผ่ว ทั้งมองลูกชายด้วยความสงสาร และเมื่อยามผู้เป็นสามีพลิกตัวลูกชายนอนหงายขึ้นมา ก็เห็นว่าใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเลือด จึงสั่งให้คนรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ไปตามกุนนทีมา

สักพัก ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำเก่าๆ ก็วิ่งเข้ามาตามที่เรียกหา

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณผู้หญิง” กุนหรือกุนนที ที่กำลังล้างรถอยู่ในโรงรถไม่ไกล วิ่งก้าวขายาวๆ เข้ามาตามที่เรียกหา และก็เห็นว่าผู้ที่เรียกหาตนนั่น กำลังนั่งยองอยู่บนพื้นข้างๆ คนเป็นสามี โดยมีอีกคนนอนยาวเหยียดส่งเสียงโอดโอยออกมาให้ได้ยิน

“มาแล้วเหรอ น้องล้มเลือดออกเยอะเลย รีบพาน้องไปโรงพยาบาลเร็วเข้า” คุณหญิงสิริหันมาเอ่ยเสียงสั่น เพราะความหวั่นวิตกว่าลูกชายจะบาดเจ็บหนัก พลางลุกขึ้นขยับเปิดทางให้อีกฝ่ายได้เข้ามาพาลูกชายไปโรงพยาบาลด้วย

เมื่อคุณหญิงเจ้าของบ้านเปิดทางให้แล้ว กุนนทีก็เห็นว่าคนเจ็บนอนเลือดท่วมหน้าร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่ออยู่ ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก จึงคุกเข่าลงตรงข้ามกับชายวัยห้าสิบปลายๆ เจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม

“คุณภูเจ็บตรงไหนบ้างครับ ลุกขึ้นเดินไหวไหม” ชายหนุ่มถามเสียงทุ้ม อย่างต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บตรงไหนบ้าง จะได้ทำการช่วยเหลือได้ถูก ทว่ากลับถูกคนเจ็บตวาดแว้ดออกมา

“เจ็บตรงไหน ก็เจ็บตรงนี้ๆ น่ะสิถามได้ รีบๆ พาฉันไปหาหมอได้แล้ว โอ๊ย !ฮือๆ” ภูตลาเอ่ยอย่างไม่พอใจ พร้อมกับชี้แขนชี้ขาตัวเองมั่วซั่วไปหมด เพราะไม่ว่าตรงไหน เขาก็เจ็บไปหมดทั้งตัวแล้วในตอนนี้ และพอพูดมากๆ เข้า ก้างที่ติดคออยู่ ก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกด้วย เลยต้องยกมือขึ้นมากุมลำคอตัวเองเอาไว้ด้วยในตอนท้าย และร้องไห้ออกมาอีกต่างหาก

“คอก็เจ็บด้วยเหรอครับ” กุนนทีถามอีกครั้งอย่างไม่กล้าช่วยเหลือส่งเดช เพราะกลัวว่าหากช่วยผิดวิธีอาการคนเจ็บจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แม้สายตาจะประเมินว่าไม่น่าจะเจ็บมากขนาดนั้นก็ตามที แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นบุคคลสำคัญของบ้าน ดังนั้นเขาจึงต้องรอบคอบไว้สักหน่อย

“ก้างติดคอเขาน่ะ” คนเป็นพ่อหันมาตอบแทน อย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ให้กับความซวยในวันนี้ของลูกชายดี

ได้ยินคำกล่าวของคนเป็นพ่อ คนเป็นลูกก็หน้างอง้ำขึ้นมาทันที อย่างไม่สบอารมณ์กับความซวยที่พบเจอในวันนี้ ส่วนคนถามก็ตอบรับออกมาอย่างเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว

“อ้อ ครับ” กุนนทีตอบรับ ก่อนจะขยับเข้าไปช้อนตัวคนเจ็บขึ้น เพื่อจะพาไปส่งโรงพยาบาลตามที่เจ้าตัวร้องบอก ทว่าเพียงแค่สอดสองมือเข้าไปใต้ร่างผอมเพรียวของอีกฝ่าย เจ้าของร่างก็ตวาดลั่นออกมาอีกหน

“ไม่ต้องอุ้ม !” ภูตลาเสียงดังอย่างไม่พอใจ เพราะชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังจะอุ้มเขาขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน จึงไม่อยากให้ใครมาอุ้มตัวเองด้วยท่าที่น่าอายอย่างนี้ จึงรีบห้ามเสียงเข้มออกมาอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะอุ้มขึ้นมาเสียก่อน

“ตาภู เรื่องมากไปแล้วนะเราน่ะ” คนเป็นพ่อว่าให้อย่างไม่พอใจด้วยเช่นกัน

ได้ยินคำต่อว่า คนเป็นลูกก็หน้างอง้ำลงไปอีกครั้ง ทั้งเม้มปากนิ่งเงียบไปไม่พูดอะไรอีก

ส่วนชายสูงใหญ่ที่เข้ามาช่วย หลังได้ยินเสียงห้าม ก็ละมือออกจากใต้ข้อพับขาขาวเนียนที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นออกมา แล้วเปลี่ยนมาประคองชายเอาแต่ใจตรงหน้า ให้ลุกขึ้นยืนแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel