ตอนที่ 3
3
เจ้าบ่าว! ต้องทนเห็นคนตายไปทีละคนโดยช่วยเหลือไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ถูกวางยา ทำให้ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง ต้องทนดูคนที่เขาคิดว่ารักจนยอมตายแทนกันได้เปิดประตูรับโจรเข้ามาขนถ่ายลำเลียงข้าวของทุกชิ้นออกไปด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนเผาคฤหาสน์หลังงามจนมอดไหม้เป็นจุล
จากเคยเป็นหนึ่ง มีทุกอย่างพร้อมพรั่ง กลับต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในคืนเดียว ซาอิดดี โอซามุ กัลป์วามุเอ รับกับสภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ กลายเป็นชายไร้สติไปในทันควัน ไม่แค่นั้น อีกฝ่ายยังกลายเป็นตัวซวยที่นำพาโชคร้ายมาสู่ทุกคนที่พบเจอ จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้!
“ใครก็ได้รีบนำตัวชายคนนี้ออกจากงานเราเร็ว!” อันเดซาอีเอ่ยอย่างร้อนรน ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ผู้คนเล่าลือกัน ทว่าเมื่อซาอิดดี โอซามุ กัลป์วามุเอ เข้าไปที่ใด เพียงไม่นานที่นั่นก็จะมีเรื่องเลวร้ายจนมิอาจคาดคิดได้ อีกทั้งวันนี้คือวันดีของเขา ที่ไม่อยากให้มีสิ่งไม่ดีหรือที่หลายคนเชื่อในเรื่องของคำสาปมาทำให้ครอบครัวและทุกคนในงานต้องโชคร้าย!
“ใจเย็นๆ นะซีกัลป์ ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่หิวอยากมาหาอะไรทานน่ะ” ไอซาย่าปลอบใจทั้งเจ้าบ่าวและตัวเองเสียงสั่น
“เราจัดโต๊ะพร้อมอาหารไว้ให้ที่นอกรั้วแล้วนะไอย่า ไม่ได้ให้เข้ามาวุ่นวายในงานอย่างนี้” ถือเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีต เมื่อมีการเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ ควรแบ่งปันแจกจ่ายความสุขและสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นด้วย ภายนอกของบ้านจึงได้มีการจัดตั้งโรงอาหารพร้อมด้วยอาหารแห้ง แจกจ่ายแก่เหล่าคนยากจนและเหล่าคนเร่ร่อน ถือคติ...ให้คนอื่นไปเท่าไหร่จะได้รับกลับคืนมาเป็นเท่าทวีคูณ
“คนที่ดูแลเรื่องแจกจ่ายอาหารคงเข้ามาอยู่ในงานกันหมดทุกคนแล้วนะ” เสียงใสราวกับระฆังแก้วแจ้วจำนรรจา ส่งยิ้มแหยๆ ให้กับชายผู้โชคร้าย
“ทางเราได้เตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้ให้เรียบร้อย ท่านไปรับที่โรงทานด้านหลังนะ” แม้สอดแทรกไปด้วยความกริ่งเกรงกลัว ไอซาย่าก็ยังยิ้มหวานได้
“ไม่ใช่ขอทาน พวกเจ้ารังแกข้า...ฮือๆ พวกเจ้าใจร้าย” เอ่ยเสียงดังคล้ายท้องฟ้ายามมีพายุโหมกระหน่ำ ยกมือชี้หน้าคู่บ่าวสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแค้นเคือง
“ดีใจกันนัก ระวัง! มีความสุขมากเกินไป เดี๋ยวถูกพรากไปแล้วจะรู้สึก!”
“โอซามุ!” อันเดซาอีตวาดดังก้อง วันมงคลทุกคนควรมีความสุข แต่กลับถูกก่อกวนจากชายไร้สติคนนี้!
“มีความสุขกันมาก ระวังโชคชะตาจะเล่นตลก ยามต้องทนทุกข์ทรมานจากการพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก...”
“เจ้าพูดอะไรโอซามุ! รีบไปก่อนที่เราจะทนไม่ไหว” งานมงคลแท้ๆ กลับมาพูดเรื่องอัปมงคลอยู่ได้
“เจ้าดุ...ข้ากลัว ฮือๆ” ทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิ พร้อมร้องไห้ฟูมฟาย น้ำตาไหลพราก
“เจ้าคนใจร้าย...ขอให้เจ็บปวด คนรักพลัดพราก ทุกข์ทรมานเพราะการรอคอยนางอันเป็นที่รักกลับคืน!” โอซามุรำพึงรำพันเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“ใครก็ได้เอาเจ้าคนสติไม่เต็มนี่ออกไปจากงานเราที” อันเดซาอีตะโกนให้เพื่อนๆ ช่วยนำตัวซวยออกไปจากงาน ก่อนเขาจะทนไม่ไหวกระทืบจนกระอักเลือด ทว่าทุกคนต่างหยุดชะงักไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย ให้น่าฉงนใจยิ่งนัก ทำไมคนไร้สติถึงยังได้มีพลังอำนาจแผ่มาให้ต้องขลาดกลัวเช่นนี้
“หัวใจเจ้าต้องแหลกสลาย แม้คนรักย้อนคืนกลับ แต่เจ้าก็กลัวที่จะรัก!” จากที่ร้องไห้คร่ำครวญ ใบหน้าโอซามุแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังถมึงทึง นัยน์ตาดุกร้าวกราดเกรี้ยวลุกโชนด้วยเปลวเพลิงไฟที่สาดแสง ราวกับมีสัตว์ร้ายสิงสู่ ส่งสำเนียงสูงต่ำสาปแช่งไป
“เจ้าต้องพ่ายแพ้...ไม่มีวันเอาชนะอุปสรรคได้” ชี้มือไปที่ซีกัลป์
“แม้ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันเจ้าก็เอาชนะไม่ได้ ความตายจะพรากเจ้าและนางจากกันตลอดกาล!” เสียงที่เปล่งคล้ายมีพายุตั้งเค้า ก่อนท้องฟ้าจะมืดมัวจนดำสนิท สายฝนโปรยปราย สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาเสียงดังสนั่นลั่น ก่อนทะเลทรายจะพิโรธ หอบเอาหมู่มวลทรายหมุนวนเป็นเกลียว ให้พระพายสาดซัดเข้าหาด้วยความรุนแรง
“ได้โปรดออกไปจากที่นี่ ก่อนซีกัลป์จะทนไม่ไหวทำร้ายท่าน” แม้เกรงกลัวคำสาปแช่งจะเป็นจริง แต่ไอซาย่าก็ยังเป็นคนใจดีและเอื้ออาทรต่อคนอื่น
กายอรชรทรุดลงยื่นมือสั่นไปหาชายสกปรกมอมแมมอย่างไม่นึกรังเกียจรังงอน ด้วยถือว่าคนเราไม่ต้องการให้เรื่องมันเลวร้าย แต่โชคชะตาต่างหากเป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินให้ ดังเช่นคนตรงหน้าที่คงต้องรับผลจากการกระทำ พานให้ตัวเองต้องมาพบกับเรื่องราวเลวร้าย
แค่ก้าวเข้ามาในงานเค้าลางร้ายก็อบอวลจนทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็ถดถอยหนีแล้ว อย่างนี้จะให้เจ้าสาวแสนบริสุทธิ์ต้องยื่นมือไปสัมผัสกับเนื้อกายสกปรกแปดเปื้อน รับเอาความโชคร้ายมาถูกตัวได้อย่างไรกัน
ไอซาย่าเงยหน้ามองใบหน้าเข้ม ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยด้วยวาจา แค่ยื่นมือสอดไปให้เขากระชับก็รับรู้ถึงหัวใจและความห่วงใย พร้อมความมั่นคงและมั่นใจ...ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น อันเดซาอีจะไม่มีวันทอดทิ้งให้เธอต้องเดียวอาย อกกว้างให้พักอิง แขนแกร่งจะโอบอุ้มมิให้โพยภัยมากล้ำกราย นับจากนี้จนตลอดไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังคงอยู่
“ไม่...อย่ามายุ่งนะคนใจร้าย” เพราะกลัวถูกจับโยนออกไปจากงานอย่างที่เจ้าบ่าวหน้าหล่อแต่ใจร้ายพูด โอซามุจึงยกมือปัดป้อง
“ไม่ไป! จะอยู่ที่ ที่นี่สนุกดี มีคนเยอะแยะไปหมด มีของกินอร่อยๆ ด้วย” ชายสติขาดหายหยุดร้องไห้ฟูมฟาย ดันตัวเองลุกขึ้นยืน สองมือเปื้อนดำยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า สองเท้าสลัดทรายบนเรือนกายมุ่งตรงไปหาอาหาร
เห็นแล้ว คงไม่มีใครกล้านำชายขาดสติคนนี้ออกไปจากงาน...เขาคงต้องจัดการเอง แต่ไม่ทันที่อันเดซาอีจะได้ทำอย่างใจ ก็เกิดเหตุโกลาหล พายุโหมกระหน่ำสัดเอาทรายปลิวมาราวกับห่าฝน บ่งบอกถึงเหตุภัยร้ายที่มาเยือน
ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวกลับมืดมิดไปด้วยเหยี่ยวทะเลทรายที่โผผินบินว่อน บ้างโฉบลงมาจิกกินอาหารบนโต๊ะ บางตัวเกาะอยู่บนพุ่มไม้และทั่วทุกหนแห่งของงาน เพียงเสี้ยววินาทีอาชานับสิบก็กรูเข้ามาจนฝุ่นตลบและเสียงปืน!
“ข้าฮิบรานขุนโจรแห่งภูเขาเฮดามาแล้ว ใครไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามา ส่วนใครที่กลัวตายก็รีบปลดทรัพย์สินมีค่าโยนมากองไว้ตรงหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ผู้เป็นหัวหน้านั่งอยู่บนอาชาตัวดำใหญ่คำรามน้ำเสียงดุดัน พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่เป็นระยะ ทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานหวีดร้องเสียงหลง รีบทำตามคำสั่งอย่างเร่งรีบลนลาน แต่ยังมีบุคคลผู้หนึ่งที่แม้ขุนโจรใหญ่สาดสายตาดุกร้าวตวัดมองไปยังหนุ่มน้อยหน้าตาเข้มขึง ท่าทางองอาจผึ่งผาย ไม่มีท่าทางกริ่งเกรงกลัวแม้แต่น้อย สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ฮิบรานจนเป็นเดือดดาล กราดยิงกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศพร้อมเสียงหัวเราะที่ผสมผสานราวกับปีศาจผุดขึ้นมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน
ผู้คนที่มาร่วมงานต่างตกใจกรีดร้องเสียงหลง วิ่งหลบห่ากระสุนที่สาดมาอย่างโกลาหล คนไหนหนีไม่ทันก็ล้มคลุกพื้น ไม่ตายก็บาดเจ็บ ส่งเสียงร้องโอดโอยสร้างความเวทนาให้กับคนที่ได้เห็น ไม่ต่างจากอันเดซาอีซึ่งรีบจับแขนเจ้าสาวพาวิ่งลัดเลาะไปเพื่อหลบภัย อีกทั้งคิดไปนำเอาอาวุธมาต่อสู้กับโจรร้าย เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ให้รอดพ้นภัย ทว่าเขาก็ไปได้เพียงแค่เล็กน้อย โจรร้ายที่หาญกล้าบุกมาปล้นฆ่าผู้คนทั้งที่อยู่ในช่วงเวลากลางวันก็เหยาะย่างอาชาใหญ่มาดักไว้เบื้องหน้าเสียก่อน
“จะไปไหนเล่าไอ้หนุ่ม ข้ามาตามคำเชิญของเจ้า มารับอาหารแห้ง เงินทองแล้วก็...” สายตาราวกับสุนัขจิ้งจอกไปหยุดที่สาวน้อยร่างเล็กบอบบางซึ่งขลาดกลัวจนตัวสั่น ขยับไปจนกายเล็กถูกกายใหญ่บดบังจนมิด
