บทที่1:เงาในคฤหาสน์ต้องสาป
เสียงล้อรถบดกับพื้นกรวดหน้าคฤหาสน์โบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่ารกทึบ ห้อมล้อมด้วยหมอกสีขาวที่ลอยละลานในบรรยากาศชื้นแฉะของวันฝนตก
พาขวัญเปิดประตูรถด้วยหัวใจเต้นแรงแม้ยังไม่รู้เหตุผล เธอไม่ใช่คนขี้กลัว และไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง แต่ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในคฤหาสน์หลังนี้...เธอรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลัง “จ้องมอง” อยู่
“ยินดีต้อนรับครับ คุณพาขวัญ” เสียงของชายสูงวัยผู้ดูแลคฤหาสน์ นามว่า 'ลุงเฉลิม' เขาโค้งเล็กน้อย พลางยื่นกุญแจพวงใหญ่สีดำสนิทให้
“คุณณรัณย์เจ้าของบ้าน ฝากบอกว่าคุณสามารถจัดการปรับปรุงทุกห้องได้ตามสะดวก แต่...ห้องชั้นสามฝั่งทิศตะวันตกห้ามเข้าโดยเด็ดขาดครับ”
คำเตือนสั้นๆ ทำให้คิ้วเรียวของพาขวัญขมวดเข้าหากันในทันที
“ห้องนั้นมีอะไรหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่...คำสั่งเก่าของเจ้าของบ้าน”
เธอพยักหน้ารับ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม
ภายในคฤหาสน์ เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าแก่ กรอบรูปซีเปีย และภาพวาดลึกลับบนเพดานสลับกับกลิ่นไม้ชื้นๆ คล้ายจะดูดกลืนเวลาและความรู้สึกของผู้มาเยือนให้ตกลงไปในอดีต
ทันทีที่พาขวัญสัมผัสขอบกรอบรูปหนึ่งซึ่งแขวนอยู่กลางโถง มือของเธอสั่นวูบ...
ภาพซ้อนวาบขึ้นมาในหัว กลิ่นหอมจางๆ จากอดีตที่เธอไม่เคยรู้จักแต่รู้สึกคุ้นเคย
ภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกไล่ล่าในทางเดินมืด เสียงกรีดร้องแผ่วเบา ก่อนร่างจะล้มลงไปกองกับพื้น ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทางเดิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดการความแค้นและการสูญเสีย
พาขวัญทรุดตัวลงกับพื้น กำมือแน่น “นี่มันอะไรกัน... ใครกัน?” เธอพึมพำเสียงสั่น
“คุณโอเคไหม?” เสียงทุ้มแหบต่ำดังมาจากหัวบันไดด้านบน ราวกับฟ้าแลบเสียงเดียวพาดลงกลางใจ
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาดำ ยืนพิงราวบันไดด้วยท่าทีสบายๆ แต่แววตาคมกริบนั้นกลับมีอำนาจประหลาดที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ
“คุณ...?”
"ผมณรัณย์ครับ เราน่าจะเคยเจอกันมาก่อนนะครับ...” เขาพูดพลางเดินลงบันไดช้า ๆ เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังก้อง สายตานั้นเหมือนอ่านทุกเสี้ยวอารมณ์ในใจเธอออก แม้เธอจะยังไม่ทันตั้งคำถามกับตัวเองด้วยซ้ำ
“แต่อาจจะไม่ใช่ในชาตินี้”
สมองเธอสั่งให้ถอย แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวจะวิ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งตกลงไปในหลุมลึก และชายตรงหน้านั้น...คือคนที่ยืนรอเธออยู่ในฝันทุกคืนที่ผ่านมา
"ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน แบบตัวเป็นๆสักทีนะครับ คุณพาขวัญ"
รอยยิ้มบนริมฝีปากเขาราวกับปีศาจในหนังสือโบราณที่เธอเคยอ่าน เย้ายวน ลึกลับ และอันตรายจนไม่อาจละสายตา
พาขวัญยังคงจับขอบกรอบรูปแน่น ร่างกายแข็งทื่อไม่อาจขยับได้แม้เพียงปลายนิ้ว ขณะนั้นเอง...ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านมาโดยไร้ที่มา ทำให้ม่านสีเลือดหมูในโถงกลางพลิ้วไหวทั้งที่ประตูหน้าถูกปิดสนิท
เสียงฝีเท้าของเขาดังขึ้นทีละก้าว...ก้องสะท้อนในโถงว่างเปล่า ราวกับฝ่าเท้าของใครอีกคนเดินซ้อนตามลงมาพร้อมกัน
“คุณพาขวัญ...” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่มีบางอย่างในน้ำเสียงนั้นคล้ายกับมันสะท้อนออกมาจากหลุมลึกของกาลเวลา “บางอย่าง...กำลังจะตื่นขึ้น”
เธอกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ก่อนจะถามเบา ๆ “ตื่น...อะไรตื่นขึ้นคะ?”
ณรัณย์หยุดยืนตรงหน้าภาพวาดที่เธอเพิ่งสัมผัส เงาของเขา...ทอดยาวจนเลยขึ้นไปบนเพดาน ทั้งที่แสงไฟไม่ได้สาดมาจากด้านหลังเลยแม้แต่น้อย
“มันคือความทรงจำของผม...และความลับของคุณ” เขากระซิบ ขณะดวงตาคมนั้นสะท้อนแสงวาววับเหมือนแสงเทียนในคืนไร้จันทร์
แล้วทันใดนั้น...เสียงหัวเราะของผู้หญิงแผ่วเบาดังขึ้นจากชั้นสามฝั่งทิศตะวันตกเสียงที่เย็นเยียบจนรู้สึกเหมือนหยาดน้ำแข็งไหลลงสันหลัง
พาขวัญหน้าซีดเผือด เธอหันไปมองบันไดอย่างหวาดระแวง “เสียงนั่น...”
“ผมขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าขึ้นไปบนชั้นสาม” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยเงาโศกที่ไม่อาจบรรยาย
“ทำไมคะ ในห้องนั้นคุณซ่อนอะไรไว้หรอคะ?”
ณรัณย์ไม่ตอบคำถามนั้นทันที เขาเพียงแค่มองลึกเข้าไปในตาเธอ ราวกับจะส่งบางอย่างเข้ามาในจิตใจผ่านเพียงสายตา
“มันคือ ตัวคุณเอง...ในอีกชีวิตหนึ่ง”
และแล้วเสียง กริ๊ก ดังมาจากชั้นบนสุด...คล้ายกลอนประตูที่ควรถูกล็อกมาตลอดหลายสิบปีกำลังเปิดออกอย่างเชื่องช้า
พาขวัญหันขวับขึ้นไปมองก่อนจะสะดุ้งเฮือก ที่ปลายทางเดินมืดบนชั้นสาม เธอเห็นเงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่นิ่งๆ ผมยาวสยาย หน้าซีดเผือด ดวงตา...จ้องมองลงมาตรงเธอไม่มีแม้แต่การกะพริบ
"ถ้าผมบอกว่า...ร่างกายของคุณคือกุญแจไขอดีตของผม
คุณจะยอมให้ผม...ปลดล็อกมันไหมครับ?” ณรัณย์กระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบา
และในวินาทีนั้น...โคมระย้าบนเพดานสั่นไหว เสียงกระจกแตกราวกับเสียงเวลาแตกสลายลงต่อหน้า
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเกมเร่าร้อน...
ที่เดิมพันด้วยทั้งชีวิตและความทรงจำที่ถูกซ่อนไว้ลึกจนแทบไม่อาจเรียกคืน
