ตอนที่ 1
“ตั้งแต่ลูกสาวผู้จัดการใหญ่กลับมาจากเมืองนอก เธอรู้สึกว่าพี่เลอสันต์ผิดปกติอะไรไปบ้างหรือเปล่าเทียน?”
ทิฆัมพร เพื่อนสนิทที่รู้จักเทียนรุ่งตั้งแต่เข้าทำงานในบริษัทแห่งนี้ด้วยกัน เอ่ยถามด้วยความห่วงใย
เทียนรุ่งส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะมั่นใจในตัวคนรักหนุ่ม
“ฉันว่ามันแปลกๆอยู่นะ ที่คุณเภาลีนาคอยแต่จะเรียกหาพี่เลอสันต์ ทั้งเช้าสายบ่ายเย็น อาจรวมถึงกลางคืน เอ๊ย! หลังเลิกงานแล้วแบบนี้”
“คุณเภาลีนาเธอเพิ่งกลับจากเมืองนอก ยังไม่ค่อยรู้เรื่องงาน ก็ต้องปรึกษาพี่เลอสันต์ ก็เท่านั้น ฉันไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย”
เทียนรุ่งยืนยันความคิดของตน ด้วยความเชื่อมั่นว่าเลอสันต์ยังรักมั่นคงในตน เนื่องจากรักกันมาแต่สมัยเป็นนิสิตด้วยกัน
เขาไม่เคยวอกแวกกับผู้หญิงคนไหน เสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาตลอดตราบกระทั่งทุกวันนี้ โดยวางแผนกันไว้แล้วถึงโครงการแต่งงานเมื่อทุกอย่างพร้อมกว่านี้
พูดได้ว่า เทียนรุ่งไม่เคยแคลงใจคนรัก และไม่อยากรับฟังคำเตือนของใคร แม้แต่ทิฆัมพรเพื่อนสนิท
เทียนรุ่งเห็นว่าทิฆัมพรคิดมากไป
“ฉันไม่อยากจะทำให้เธอทุกข์ใจหรอกนะ เทียน แต่อยากให้หัดสังเกตพี่เลอสันต์ของเธอกับยายเภาลีนาเสียหน่อยก็จะดี ฉันได้กลิ่นไม่ดีเท่าไหร่นะเทียน”
ทิฆัมพรพยายามเตือน แต่ไม่กล้าเล่าที่บังเอิญไปพบเลอสันต์และเภาลีนาที่ผับหรูแห่งหนึ่ง
ท่าทางของคนทั้งสองไม่ได้บอกเลยว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนตรงๆ ได้แต่เตือนอ้อมๆ
แต่ดูเหมือนเทียนรุ่งจะไม่ยอมรับฟัง ทำให้ทิฆัมพรกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ไอ้ที่เธอว่ากลิ่นไม่ดี เพราะพี่เลอสันต์ไม่อาบน้ำหรือเปล่า”
เทียนรุ่งทำเสียงล้อ ด้วยเห็นว่าสิ่งที่ทิฆัมพรพูดมาเป็นเรื่องไร้สาระโดยแท้
แต่แล้ว เพียงไม่ถึงเดือน เทียนรุ่งก็พบว่าตนโง่มาก
“เทียน…รู้ข่าวหรือยัง?”
ทิฆัมพรวิ่งกระหืดกระหอบมาลากเทียนรุ่งออกไปยังมุมลับตาผู้คน
“ข่าวอะไร?” ถามอย่างแปลกใจ
“ข่าวหมั้นระหว่างเภาลีนาลูกสาวผู้อำนวยการกับพนักงานบัญชีหนุ่มในบริษัทที่ชื่อเลอสันต์น่ะสิ”
เทียนรุ่งชะงักงันไปชั่วครู่ แล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน
“อย่ามาอำเลย แค่เปิดปากฉันก็รู้แล้วว่าเธอโกหกเพื่อแกล้งฉัน”
“เธอน่ะสิที่ยังบ้า บ้ารักนายเลอสันต์นั่นจนไม่ยอมรับรู้อะไรเลย นี่ ดูนี่!”
ทิฆัมพรยื่นสิ่งหนึ่งให้ดู
“ยายเบ็ญจพรที่อยู่ฝ่ายบริการทั่วไปเอามาให้ฉันดูตะกี้นี่เอง บัตรเชิญแขกในงานหมั้นของพี่เลอสันต์ของเธอกับยายเภาลีนา ดูซะให้เต็มตา” ทิฆัมพรกระแทกเสียง อดโมโหแทนเพื่อนสาวมิได้
ทำไมจะไม่รู้ ว่าเทียนรุ่งชอบพอเลอสันต์มานาน
แต่สุดท้ายฝ่ายชายก็ไม่จริงใจอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้ทุกอย่าง
มือที่ถือการ์ดสั่นเทาด้วยความผิดหวัง ตกใจ เสียใจ
เทียนรุ่งไม่มีวันเชื่อว่าเลอสันต์จะเป็นผู้ชายโลเล หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
น้ำตาอุ่นๆ เริ่มรินไหลอย่างไม่อาย
ทิฆัมพรเข้ามากอดเพื่อนผู้น่าสงสาร พลางปลอบ
“อย่าร้องไห้เลยเทียน ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด พวกพนักงานในบริษัทคงรู้ข่าวกันแล้วล่ะ บางคนที่มันเคยอิจฉาเธอ คงคอยจ้องเยาะเย้ยสมน้ำหน้าเธออยู่ อย่าทำให้มันสมใจสิเทียน เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เลิกงานแล้ว กลับไปร้องไห้ที่ห้องนะ อย่ามาร้องให้คนแถวนี้มันสะใจ”
คำพูดของเพื่อนสนิท ทำให้เทียนรุ่งคิดได้
จริงสิ เธอไม่ควรร้องไห้ออกมาในตอนนี้ ต้องเก็บความชอกช้ำระกำใจเอาไว้ให้มิดชิด และทำทุกอย่างไปตามปกติ
เทียนรุ่งไม่ต้องการให้ใครได้เห็นน้ำตา โดยเฉพาะเลอสันต์ ผู้ชายสับปลับลวงโลกคนนั้น
“เธอพูดถูกแล้วทิ ฉันไม่ควรร้องไห้”
รีบกรีดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอเป้าออกไป สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเรียกกำลังใจทั้งหมดของตัวเองกับมา
ทิฆัมพรยิ้มให้กำลังใจเพื่อนสาว
เทียนรุ่งไม่เคยนึกอิจฉาในความร่ำรวย ตลอดจนความโชคดีของเภาลีนาเลย จนกระทั่งถูกแย่งคนรักไป
การหมั้นระหว่างเภาลีนากับเลอสันต์ ทำให้คนที่เคยอิจฉาเทียนรุ่งพยายามหาเรื่องสมน้ำหน้าซ้ำเติม
แต่อาการสงบนิ่งเหมือนไม่นำพาแยแสต่อการหมั้นของคนรัก ทำให้พนักงานหลายคนแปลกใจ
ไม่มีใครรู้ว่าเทียนรุ่งต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด ที่ต้องปั้นหน้าระรื่นแสร้งทำร่าเริง เพราะจำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้
นี่คือสาเหตุที่เทียนรุ่งไม่ลาออกจากบริษัท และเผชิญหน้ากับสายตาทุกรูปแบบ
