บทที่ 4 สมบัติส่วนตัว
“มีก้าพ่ออยากให้ลูกคิดให้ดีอีกครั้ง มันยังมีวิธีและพ่อจะไปคุณกับคุณหลางเอง”
วัฒนาเจออดีตมาเฟียใหญ่ทุกปีอยู่แล้ว เพราะในหนึ่งปีจะมีงานแซยิดที่เขาจะต้องไปร่วมงาน และทุกคนภายใต้ตระกูลโจวต้องไปร่วมงาน เราสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องนี้ที่เจ้าพ่อใหญ่เชื่อว่าตัวเองยังคงมีศักดิ์ศรีพอที่จะค้ำประกันชีวิตลูกสาวไว้ได้
“มีก้าคิดดีแล้วค่ะ ทางเดียวที่จะหยุดความโกรธแค้นของเขาได้ คือลูกต้องไปอยู่ที่นั่น”
ไปอยู่รับกรรมที่พี่ชายบุญธรรมเป็นคนก่อ
คงไม่มีใครเข้าใจว่าธรรมิกาจะไปทำไม แต่เพราะเธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาชาไชยก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ และเธอเองยินยอมที่จะเป็นแบกรับทุกความโกรธแค้นของวาดิมไว้เอง มันดีกว่าที่บิดาของเธอต้องมารับเรื่องนี้เอาไว้
ธรรมิกาได้โอกาสจากวาดิม ตามข้อตกลงคือเธอจะไปทำงานกับเขา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าตัวประกัน ทางอาชาไชยต้องพาตัวเมสันกลับมาให้วาดิมเพื่อแลกกับชีวิตทายาทเพียงหนึ่งเดียว
วัฒนากุมมือลูกสาวเอาไว้ ก่อนจะปลดปล่อยน้ำตาของความพ่ายแพ้ให้ไหลริน ลูกสาวของเขาต้องไปเป็นตัวประกันจนกว่าจะหาเมสันเจอ และเมื่อนั้นวาดิมจะปล่อยธรรมิกากลับคืนสู่อ้อมกอดของคนเป็นพ่อ
“พ่อไม่ยินยอม…ลูกจะไปอยู่ยังไง” สภาพลูกสาวในตอนนี้ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อแหลกสลาย ทั้งที่เขาร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด แต่ธรรมิกากลับไม่มีน้ำตาเลยสักหยดเดียว
“มีก้าเกิดเป็นลูกคุณพ่อก็จะเข้มแข็งให้เหมือนคุณพ่อ เราไม่มีเวลาอ่อนแอหรือเสียใจแล้วค่ะ ยืดเยื้อต่อไปเขาก็จะหาเรื่องมากดดันคุณพ่ออีก” วัฒนาก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่โดนมือเล็กบอบบางของลูกกอบกุมเอาไว้
“พ่อขอโทษที่ทำให้มีก้าเดือดร้อน พ่อ…”
เสียงเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้น ธรรมิกาส่งยิ้มให้บิดาก่อนจะซับน้ำตาให้กับท่าน
“มีก้ารอคุณพ่อไปรับนะคะ และขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าลูกสาวคนนี้เอาตัวรอดได้ คุณพ่ออยู่จัดการทางนี้ ถึงที่นั่นแล้วมีก้าจะโทร. หาคุณพ่อค่ะ”
เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ที่เดินเร็วออกไปพร้อมกับคนของมาเฟียใหญ่ ทำเอาวัฒนาถึงกับปล่อยโฮ หัวใจของเจ้าพ่อใหญ่หลุดปลิวตามลูกสาวสุดที่รักดั่งดวงใจไปแล้ว
ร่างเล็กในชุดทะมัดทะแมงขึ้นกว่าเดิมเดินมาขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ใต้ถุนโรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ ข้างกายเธอไร้คนติดตาม มีเพียงกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ลากมาด้วยเท่านั้น
ทันทีที่ประตูรถตู้ถูกเปิดออก ร่างเล็กก็ถูกตรวจอาวุธอย่างละเอียดก่อนขึ้นรถ หญิงสาวยกสองมือขึ้นเพื่อให้ลูกน้องของวาดิมตรวจค้น
หญิงสาวกัดริมฝีปากใต้แมสก์ปิดปาก เนื่องจากบาดแผลตามเนื้อตัวที่ร้าวระบม หมวกแก๊ปที่เธอสวมใส่โดนกระชากออกไปด้วยผู้ชายคนเดิมที่ลงมือทำร้ายเธอ ผมยาวสลวยที่ถูกขมวดใส่ไว้ในหมวกแก๊ปในนั้นร่วงหล่นลงมาในทันที
“ถอดรองเท้าด้วย”
ธรรมิกาทำตามที่ลูกน้องวาดิมบอกทุกอย่างโดยไม่อิดออด เพราะทุกการกระทำของเธอมีผลต่ออารมณ์ของคนในรถตู้คันนั้นเป็นอย่างมาก
“ขึ้นรถสักที!”
น้ำเสียงทรงพลังดังออกมาจากภายใต้รถโดยสาร ธรรมิกาสวมใส่รองเท้าผ้าใบก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปบนรถตู้คันนั้น เธอนั่งลงยังที่นั่งที่อยู่ใกล้ประตูและเงียบเสียงลงโดยที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
“ฉันบอกให้เธอเอาคนไปด้วยได้…ทำไมไม่เอาไป?” คนข้าง ๆ เอ่ยปากถามแต่ธรรมิกาไม่ได้ตอบ
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ!” หญิงสาวลืมตาขึ้นก่อนจะขยับกายเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะตอบแต่เพราะพิษไข้จากบาดแผลเริ่มเล่นงาน
ท่อนแขนเรียวข้างขวาโดนกระชากก่อนที่วาดิมจะออกแรงบีบ หญิงสาวนิ่วหน้า เธอหลับตาลงข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
“ฉันอยากไปคนเดียว” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แต่คนฟังก็จับความรู้สึกเธอจากกระแสเสียงได้ เสียงหัวเราะทุ้มหลุดลอดออกมาจากลำคอหนา
“อย่าเพิ่งรีบตายนะมีก้า ที่นู่นมีอะไรให้คนทรยศอย่างเธอทำอีกเยอะเลย”
“คุณอยากให้ฉันทำอะไรฉันทำทั้งนั้น ขอแค่คุณรักษาคำพูดที่คุณให้กับฉันไว้ด้วย อย่ายุ่งกับครอบครัวฉัน”
เหมือนว่าธรรมิกาจะเอ่ยคำขอร้องแต่นี่มันคือคำสั่ง ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่เธอใช้ช่างอวดดี!
“หึ!” วาดิมผลักร่างเล็กให้ออกห่างจนแขนอีกข้างของเธอกระแทกประตูรถอีกฝั่ง
เขาไม่ชอบผู้หญิงปากอย่างใจอย่าง ทั้งที่สายตาของเธอก็แสดงออกว่าเกลียดเขาเหมือนที่เขาเกลียดเธอ
แต่ธรรมิกาก็ซ่อนความเกลียดชังในภายใต้น้ำเสียงที่ฟังแล้วระรื่นหู การต่อรองของเธอมีชั้นเชิงไม่ธรรมดา บ่งบอกว่าไอ้ท่าทีที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ที่แท้เธอมันก็คนหลังม่านดี ๆ นี่เอง
วัฒนาต้องพาเมสันกลับมาแลกกับธรรมิกาให้ได้ หรือถ้าทำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ก็จะไม่มีวันเป็นอิสระ นี่คือข้อตกลงที่วาดิมใช้ต่อรองกับบิดาตัวเอง
ในเมื่อเขาขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแล้วแต่บิดากลับมาแทรกแซงเรื่องที่เขาจะจัดการ วาดิมยินยอมทำตามที่ท่านร้องขอก็ได้ แต่ท่านก็ต้องยินยอมในสิ่งที่เขาขอกลับเช่นกัน
‘ผมไว้ชีวิตคนทรยศได้ แต่ป๊าก็ต้องมีอะไรมาแลก’
‘ลูกสาวคุณเจินคือสมบัติส่วนตัวของผม…ป๊าอย่าได้มายุ่ง!’
