จำได้ไหม/มีอะไรให้จำ
หนึ่งเดือนต่อมา......
ตอนนี้เรากับเจ้เค้กมาสมัครเรียนที่มหาลัยแห่งนึง เพราะป๊าบังคับให้เรียนที่ไทยไม่ยอมให้ไปเรียนเมืองนอก เราก็เลยต้องพับโครงการที่อยากจะไปเรียนกับพี่วาตะ....ขณะกำลังลงจากรถ
"ยัยเนยหมูตอน!!! "
"โอ๊ยยยจะตะโกนทำไมอายคนอื่นเค้าเห็นมั้ยมีแต่คนมอง" ออกัสตะโกนเรียกเรามาแต่ไกลจนทำให้ใครต่อใครหันมามองกันเป็นแถว
"ช่างดิจะสนใจทำไม"
"เธอไม่อายแต่เราอายนี่"
"นายมาที่นี่ทำไมออกัส นี่อย่าบอกนะว่าจะตามพวกเรามาเรียนที่นี่อ่ะ" เจ้เค้กถามออกกัสซึ่งเราก็อยากรู้เหมือนกัน
"เฮ้ยยย ตามเติมอะไรเราอ่ะตั้งใจจะมาเรียนที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วเธอสองคนอ่ะแล่ะที่ตามเรามาเรียนที่นี่ ว่าไงยัยหมูตอนไหนบอกจะไปเรียนเมกากับพี่วา...วาอะไรนะ"
"วาตะ!! อย่าพูดเรื่องนี้ได้มะเราอารมณ์เสียเลย ป๊าไม่ยอมให้เราไปเรียน"
ก็เซ็งอยู่นะที่ไม่ได้ไปแต่ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงพี่วาตะก็ต้องกลับมาอยู่ดี เรารออยู่ที่นี่ก็ได้
ออกัสยิ้มดีใจที่รู้ว่าเนยไม่ได้ไปเรียนต่อ แถมยังมาเรียนมหาลัยเดียวกันกับเขาอีก นั่นก็แปลว่าเธอก็ต้องเรียนกับเขาอีกสี่ปี ถามว่าเขาชอบอะไรในตัวของเนยก็คงเป็นความเป็นตัวเองร่าเริงอยากทำไรก็ทำอยากกินอะไรก็กินไม่ห่วงว่าตัวเองจะอ้วนหรือจะผอม เขาอยากให้เธอเป็นแบบนี้แล่ะเพราะถ้าเธอผอมหรือหุ่นดีแบบเค้กพี่สาวของเธอเขาคิดว่าคงมีคนมาจีบเยอะแน่ๆ
เขาชอบเธอที่เธอเป็นแบบนี้ชอบเวลาเธอยิ้มอย่างมีความสุขเวลาได้กินอะไรที่เธอชอบ เชื่อมั้ยเขาไม่เคยห้ามเธอเลยเวลาเธออยากกินอะไรเขาไม่เคยขัด แค่เห็นเธอมีความสุขเขาก็สุขตามไปด้วย
วาตะ.....
เขาเดินลากกระเป๋าออกมาจากสนามบินพร้อมกับครอบครัวด้วยใบหน้าที่ไม่ได้มีความสุขเลยสักนิดตรงกันข้ามกับวายุที่ดี๊ด๊าจะได้เจอคนรักอย่างยัยเค้กพี่สาวฝาแฝดของเนย
"ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยเฮีย ว่าที่คู่หมั้นยืนรออยู่ตรงนั้นเห็นมั้ย" วายุเดินมาพูดกับเขาใกล้ๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปทางกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรออยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือยัยเนย เพราะอะไรเขาถึงรู้น่ะเหรอ ก็เพราะรูปร่างที่อ้วนท้วนสมบูรณ์กว่าใครเพื่อนน่ะสิเธอกำลังยืนโบกมือหยอยๆ แถมยังตะโกนเรียกชื่อเขาอีก เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
"พี่วาตะทางนี้ค่าาาาาา"
เขาหันหน้าหนีไปอีกทางทำเป็นไม่ได้ยินไม่รับรู้อะไร แต่จนแล้วจนรอดเขากับครอบครัวก็ต้องเดินเข้าไปสมทบกับญาติพี่น้องของเขาที่มารับ มีอากง อาม่า อานัตตี้ ยัยเค้กแล้วก็ยัยเนย
"พี่วาตะ นี่น้องเนยนะจำน้องเนยได้มั้ยคะ" หลังจากเธอไหว้พ่อกับแม่ผมเสร็จเธอก็เดินมาหาผมและแนะนำตัวเองกับผม
"แล้วเธอมีอะไรให้น่าจำ"
"เราไม่ได้เจอกันตั้งนานพี่วาตะพูดแบบนี้น้องเนยเสียใจนะ"
"ผมขอไปรอบนรถนะครับทั้งง่วงทั้งเพลียไม่อยากคุยกะใคร"
ผมยื่นกระเป๋าเดินทางของผมให้คนขับรถก่อนจะเดินตามไปที่รถตู้ แต่ยัยนั่นก็ยังเดินตามมา
"น้องเนยไปด้วยสิ"
"ฉันอยากนอนอยากพักผ่อนไม่ต้องตามมา"
ผมเดินขึ้นไปบนรถตู้หาที่นั่งหลังสุดเพื่อที่จะนอนแต่ยัยนั่นก็ยังตามขึ้นมาอีก
"จะตามขึ้นมาเพื่อ!!! "
"เอ่ออ คือน้องเนยก็เมื่อยขายืนรอพี่วาตะตั้งนานขอน้องเนยนั่งรอในรถด้วยคนนะคะ"
"แล้วใครใช้ให้เธอมารอ ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่"
"ทำไมพี่วาตะพูดแบบนี้คะน้องเนยอุส่าห์มารอรับพี่วาตะเพราะน้องเนยคิดถึงแทนที่จะพูดกับน้องเนยดีๆ นี่อะไรกัน"
"ฉันพูดแบบนี้เธอน่าจะเข้าใจนะว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ ถ้าไม่รู้จะบอกให้ฟัง ว่าฉันโคตรจะรำคาญเลย"
"พี่วาตะใจร้าย"
"ก็แล้วแต่เธอจะคิดสิ"
น้องเนย......
พี่วาตะเอนตัวลงนอนแล้วก็หันหน้าเข้าข้างใน คงไม่อยากคุยกับเราสินะ ทำไมพี่วาตะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทำไมไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังเป็นเด็กล่ะ จู่ๆ น้ำตาก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว คงเป็นเพราะความน้อยใจจนต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาเพราะทุกคนกำลังทะยอยกันมาที่รถ
"เนยเป็นอะไรทำไมตาแดงๆ " เจ้เค้กกระซิบถามเสียงเบาเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ
"อ๋อเมื่อกี๊แมลงมันบินเข้าตาน่ะน้องเนยขยี้ตามันเลยแดง"
"อื้มมแล้วไปนึกว่าร้องไห้"
"ไม่หรอกน้องเนยจะร้องทำไม" เราพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดไม่อยากให้บรรยากาศในรถเสียเพราะเรา
"ยัยเนยเธออ้วนกว่าในคลิปที่ส่งไปอวยพรวันเกิดเฮียตะอีกนะเนี๊ย" จู่ๆ วายุชะโงกหน้ามาคุยด้วยจนเราตกใจ
"วายุทำไมไปทักน้องเนยแบบนั้นลูก" หม่ามี้ของวายุเอ็ดใส่ลูกชายคนเล็กทันที
"ก็มันจริงนี่นา หุ่นแบบนี้เฮียเค้าไม่สนใจหรอกบอกไว้เลย"
"วายุ" เจ้เค้กหันไปถลึงตาใส่วายุทันทีพร้อมกับบิดไปที่แขนจนวายุร้องลั่น
"โอ๊ยย ตัวเองบิดแขนเค้าทำไมเค้าเจ็บนะ"
"สมน้ำหน้าไปพูดแบบนั้นให้หนูเนยคิดมากทำไม"
"ก็รึไม่จริงล่ะครับพ่อ"
"น้องเนยอย่าคิดมากนะลูก" อานัตตี้หันมาคุยกับเราเพื่อให้เราไม่คิดมาก แต่ใครบ้างจะไม่คิดเราเลยได้แค่ยิ้มเท่านั้น
วันต่อมา......
วันนี้เราทำตัวให้สดใสร่าเริงเพราะวายุกำลังจะมารับเรากับเจ้เค้กไปที่บ้านเพราะเมื่อคืนสัญญากับอาม่าไว้ว่าจะไปทานข้าวเช้าด้วยกัน
"สองสาวของแม่จะไปไหนกันแต่เช้าจ๊ะ"
"ไปบ้านลุงนายค่ะแม่" เราเป็นคนตอบแม่เองเพราะเจ้กำลังไลน์ถามว่าวายุถึงไหนแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะกลัวหลงทางน่ะเพราะวายุบอกจะขับรถมาเอง
"อย่ากลับค่ำนะลูก"
"ค่าาาากลับเช้าเลยได้มั้ยคะแม่55555"
"ถามป๊าเราดูสิว่าจะยอมมั้ย"
"แหมมมม เนยก็ล้อเล่นค่ะแม่"
"แล้วจะไปยังไงล่ะ"
"วายุมารับค่ะแม่" เจ้เค้กบอกแม่ทำให้แม่หรี่ตามอง
"วายุ??? แล้วทำไมวายุต้องมารับด้วยจ๊ะ"
"เอ่อออ คือ" ยังไม่ทันพี่เจ้จะพูดวายุก็เดินเข้ามาพอดี
"สวัสดีครับคุณน้าหวาน จำผมได้มั้ยครับ"
"แหมมมทำไมจะจำไม่ได้จ๊ะหล่อซะขนาดนี้ วายุใช่มั้ย"
"ใช่แล้วครับ เอ่อผมขอพาสองสาวไปเที่ยวที่บ้านนะครับตอนเย็นๆ จะพามาส่ง"
"จ๊ะขับรถดีๆ อย่าหลงนะ"
"คร๊าบบบผมมม ป่ะเดี๋ยวเค้าถือกระเป๋าให้นะตัวเอง" วายุบอกแม่แล้วหันไปคุยกับเจ้ก่อนจะดึงกระเป๋าที่คล้องไหล่ของเจ้ไปถือไว้แล้วเดินนำออกไป เจ้เค้กทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะมีสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังสงสัยของแม่จ้องมองมา
"กลับมาเรามีเรื่องต้องคุยกันนะน้องเค้ก"
"ค่าาาาแม่"
ที่บ้านลุงนาย.....
"เด็กๆ มากันแล้ว" อาม่ากับหม่ามี้เดินมารอรับพวกเราถึงหน้าบ้านเลยค่ะ
"สวัสดีค่ะอาม่า สวัสดีค่ะหม่ามี๊"
"สวัสดีจ๊ะเข้าบ้านกันดีกว่านะวันนี้อาม่าสั่งแม่ครัวทำของโปรดน้องเค้กน้องเนยไว้เยอะแยะเลยลูก" หม่ามี๊กับเราช่วยกันประคองอาม่าเข้าไปในบ้าน ส่วนเจ้กับวายุเดินตามหลังเข้ามา
พอเข้ามาถึงในบ้านเราสอดส่ายสายตามองหาพี่วาตะแต่ก็ไม่เจอ อยู่ไหนนะ
"หาวาตะเหรอน้องเนย" ลุงนายทักเมื่อเห็นเรามองไปรอบๆ บ้าน
"เอ่อออ ค่ะ"
"ยังไม่ตื่นมั้งเพิ่งจะสิบโมง ปกติเฮียตื่นบ่ายๆ โน่นแล่ะถ้าไม่มีเรียน" วายุเดินมาบอกพร้อมกับจูงมือเจ้เค้กไปนั่งที่โซฟาบอกว่ามีของฝากจะให้
อิจฉาจัะ
"น้องเนยขึ้นไปตามพี่สิ บอกทุกคนรอทานข้าวเช้า"
ลุงนายบอกให้เราขึ้นไปตามพี่วาตะงั้นเหรอ?? เอ่อมันจะดีเหรอ แล้วเราจะโดนว่าอีกหรือเปล่า ใจก็คิดแบบนั้นแต่ขาก็ก้าวขึ้นบันไดจนเดินมาถึงหน้าห้องนอนพี่วาตะเรียบร้อยแล้ว
เราลองเคาะประตูห้องอยู่สามทีแต่ก็ไม่มีใครเปิด เอ๊ะหรือว่าพี่วาตะจะไม่สบาย คิดได้แบบนั้นเราก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ แต่ในห้องมืดสนิท เราปรับสายตาเพื่อให้ชินกับความมืดสักพัก
เราค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ เตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องอย่างช้าๆ พี่วาตะหลับอยู่จริงๆ ด้วย เราเดินไปใกล้เรื่อยๆ ค่อยๆ ย่องเบาเข้าไปจนตอนนี้ก็ยืนชิดขอบเตียงชะโงกมองพี่วาตะที่กำลังนอนคว่ำหน้าหันข้างมาทางเราพอดี เราค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงอย่างช้าๆ อย่างทุลักทุเลเพราะมันติดพุงเรานั่งเท้าคางมองดูพี่วาตะหลับ ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานแค่ไหนจนเริ่มรู้สึกง่วงเพราะบรรยากาศมันพาไป ห้องมืดๆ กับแอร์เย็นๆ ทำให้เราเผลอฟุบหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
