บท
ตั้งค่า

ตอนที่สาม เงื่อนงำ 2

หทัยวดีไม่แน่ใจว่าที่ทำมันถูกต้องหรือเปล่าหล่อนถือซองสัญญาทาสที่ตรัยใจดีให้มาเก็บไว้หนึ่งแผ่น เซ็นเอกสารไม่กี่ใบเขาก็ให้คนไปจัดการโอนเงินร้อยล้านให้กับครอบครัวหล่อนอย่างง่ายดาย เพียงแค่หล่อนยอมก้มหัวให้เขา

เขาไล่หล่อนให้กลับไปเตรียมตัวที่บ้านหลังจากเซ็นเอกสารเสร็จ วันพรุ่งนี้หล่อนจะต้องมาทำงานกับเขาเป็นวันแรก

“ฉันต้องทำงานอะไรบ้าง บอกไว้ก่อนนะฉันช่วยอะไรมากไม่ได้ ฉันไม่ได้เรียนเกี่ยวกับด้านนี้”

“ไม่เป็นไร ตำแหน่งเด็กถือกระเป๋ายังว่าง” คนที่นั่งมองจอโทรศัพท์และใช้ปลายนิ้วรูดหน้าจอไม่สนใจหล่อบอกอย่างน่าหมั่นไส้ทั้งคำพูดและการกระทำ

“ฉันเอาแลบทอปมาทำงานเกี่ยวกับพวกออกแบบมาทำด้วยได้ไหม ฉันมีงานลูกค้าค้างอยู่”

“ถ้ามีแรงทำก็ตามสบาย”

เขายังไม่เงยหน้ามามองหล่อน ได้คำตอบที่พึงใจและได้ยินเขาสั่งการลูกน้องให้จัดการเรื่องเงินให้ครอบครัวหล่อนแล้วหล่อนก็ออกมาจากห้องได้อย่างผ่อนคลายไปได้เปลาะหนึ่ง

หล่อนคงต้องยอมข่มความเกลียดลดศักดิ์ศรีให้เขาโขกสับไปสักพัก เชื่อว่าสักพักบิดามารดาหล่อนแก้สถานการณ์ของบริษัทและดึงผลกำไรรวมทั้งดึงเงินจากหุ้นส่วนที่โกงไปกลับมาได้ อาจจะได้เงินคืนเขาเพื่อให้ได้เป็นอิสระ ตอนนี้หล่อนจะยอมเขาไปก่อนแม้จะจำใจแค่ไหนก็ตาม

พ้นร่างของคนที่เดินถือซองออกไปแล้วตรัยก็วางโทรศัพท์ลงบนทำงาน... ดวงตาโชนแสงไฟที่หทัยวดีเห็นแล้วคงเสียวสันหลังวาบทอดมองตามหลังหล่อน ก่อนที่ที่มุมปากของเขาจะหยักยิ้มขึ้น

ถึงจะหล่อนร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแค่ไหน แต่เพราะอำนาจเงินหล่อนก็ตกมาอยู่ในหลุมพรางของเขาได้ง่าย

เขาไม่รับปากมารดาว่าจะไม่ทำร้ายอะไรหล่อนเพราะว่าเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องให้อภัยหล่อนและครอบครัวอยู่ในหัวสมองนั่นเอง

พวกหล่อนจะได้รู้ว่าการลวงหลอกและเล่นไม่ซื่อกับคนอย่าง ตรัย อรรถพลวณิช แล้วครอบครัวหล่อนจะได้รับผลเสียอย่างไร โดยเฉพาะแม่คนตีสองหน้าอย่างหทัยวดี เป้าหมายอันดับหนึ่งที่เขาจะจัดการก่อนใครเพื่อน

“แกแน่ใจหรือไงว่าเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรมากกว่านั้น เขาตกลงจะช่วยแต่ให้เซ็นสัญญาบ้าบอนี่ เพราะอยากกลั่นแกล้งแค่นั้นเองหรือ” ทันที่ที่มาหาและเปิดสัญญาให้เพื่อนได้อ่านเกตุแก้วก็คิดอย่างกังขา

“ตอนแรกก็ระแวงนะเกตุ... แต่ว่าเขาบอกไว้ก่อนแล้วว่าหน้าเหมือนตัวประกอบละคร แถมนมแบนอย่างฉัน เขาไม่สนหรอก”

“ก็ใช่... เขามีคนควงระดับนางเอกอยู่แล้วนี่นะ”

“นี่เกตุ แกจะไม่แย้งหน่อยรึว่าเพื่อนแกก็สวย ไม่ได้ขี้ริ้วอย่างที่นายนั่นบอก แล้วนมก็ไม่แบนด้วย”

“โถแกนี่ก็... แกก็สวย แต่อาจไม่ใช่สเป็คขาวสวยหมวยอึ๋มอย่างยัยเซลีน ของคุณตรัยเค้า ฉันไม่อยากชมแกมาก เดี๋ยวเหลิง... ยังไงก็อย่าแต่งตัวล่อแหลมตอนไปทำงานล่ะ เขาไม่ได้คิดอะไรแต่ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

“คำพูดของแกทำให้ฉันคิดได้เลยนะเกตุ” เริ่มระแวงขึ้นมานิดๆ เพราะรู้แก่ใจว่าตรัยไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้ยินแต่คนต่างพูดถึงความดีเขาให้ฟังว่าเขาทั้งหล่อรวยและเป็นสุภาพบุรุษ แต่หทัยวดีกลับเห็นต่าง สิ่งที่เกตุแก้วเตือนทำให้หล่อนที่ไม่คิดระแวงอะไรนิ่วหน้า

“แต่ก็อย่าไปคิดมากขนาดนั้น ฉันก็แค่เตือนๆ ไปตามประสาเพราะไม่รู้จักเขาดีพอ คุณตรัยอาจจะไม่ได้คิดเรื่องนี้ก็ได้บางทีเขาโอนเงินให้แกง่ายเหมือนเป็นเงินบาทสองบาทก็อาจจะเพราะว่าตั้งใจจะช่วยอยู่แล้วแต่หมั่นไส้แกเลยอยากแกล้ง แล้วพอเบื่อเขาก็คงเลิกแกล้งไปเอง” เห็นเพื่อนเครียดเกตุแก้วก็เสนอทฤษฎีใหม่ไป หล่อนไม่อยากนำพาหทัยวดีให้มองโลกในแง่ร้ายนักเพราะว่าเจ้าตัวมีเรื่องให้เครียดพออยู่แล้ว

“เฮ้อ... ฉันล่ะเกลียดจริงๆ ที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่จะอย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าฉันรับมือเขาไหว อย่างน้อยเขาก็ยื่นมือมาช่วยครอบครัวฉันตอนวิกฤติ ฉันจะพยายามอดทน”

“อือ สู้ๆ นะแก... กินข้าวเยอะๆ จะได้มีแรงทำงานพรุ่งนี้” เกตุแก้วตบบ่าเพื่อนเพื่อปลอบใจ เห็นใจหทัยวดีเหลือเกิน... มือเล็กๆ อีกข้างดันจานอาหารที่เด็กในร้านเอามาเสิร์ฟให้พักหนึ่งแล้วให้เพื่อนได้ทาน... วันนี้อาจจะเป็นมื้อกลางวันมื้อสุดท้ายที่หล่อนกับหทัยวดีจะได้มานั่งกินหรูๆ ในบรรยากาศชิลๆ แล้วเพราะว่าต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปทำงานประจำ ซึ่งอาจจะนัดกันได้ยากขึ้น

ตรัยเป็นคนที่มาทำงานเช้ามาก แม้สถาปนิกที่นอนตื่นสายเป็นประจำอย่างหทัยวดีนั้นจะลองตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาทำงานแต่ก็มาหลังตรัยกับเลขาอยู่ดี...

โต๊ะทำงานข้างโต๊ะเลขาหน้าห้องของตรัยถูกจัดวางใหม่เพื่อเป็นที่ทำงานของหทัยวดี บนนั้นมีแฟ้มอยู่หลายแฟ้มเพื่อต้อนรับน้องใหม่อย่างหล่อน เห็นแบบนั้นแล้วก็ชื่นใจขึ้นมาเมื่อโต๊ะทำงานหล่อนไม่ได้อยู่ในห้องของตรัยเหมือนที่นึกกลัว นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนแน่ใจว่าเขาไม่ได้นึกพิศวาสหล่อน หญิงสาวจึงสบายใจได้เปราะหนึ่ง

หล่อนและปาวีร์เลขาของตรัยถูกเรียกเข้าห้องโดยเขาสั่งการให้เลขาของเขาสอนงานหล่อนและทำความเข้าใจกับแฟ้มงานที่จัดไว้บนโต๊ะให้หมด ตรัยพูดแล้วก็ไล่หทัยวดีกับเลขาออกมาด้านนอก ยังไม่ได้พูดพล่ามทำเพลงอะไรเขาก็ดึงแฟ้มมาแนะนำงานให้หล่อน

“แฟ้มพวกนี้เป็นรายงานเกี่ยวกับการบริษัทรวมทั้งพันธะกิจและผลประกอบการไตรมาสล่าสุด แล้วก็แฟ้มสีชมพูเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการเตรียมสัมมนาที่เราจะต้องตามคุณตรัยไปสัมมนาเกี่ยวกับเครือข่ายขนส่งสินค้าที่สิงคโปร์ คุณลองอ่านให้เขาใจก่อน มีอะไรอยากถามบอกผมได้เลย”

“อะไรนะคะ... เราต้องตามไปสิงคโปร์ฉันฟังถูกหรือเปล่าคะ”

“ใช่ครับ คุณตรัยจะไปอบรมเย็นนี้ เลขากับผู้ช่วยเลขาต้องติดตามไปทุกที่ที่คุณตรัยไปทำงาน”

“แต่วันนี้เป็นวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ไม่มีลูกจ้างคนไหนจะทำงานหรอกนะคะ.. อีกอย่างฉันก็ไม่ว่างด้วยค่ะ ฉันนึกว่าเขาให้ฉันมาเดินถือเอกสารตอบอีเมลเล็กๆ น้อยๆ ให้ ไม่นึกว่าจะไห้มาทำอะไรจริงจังและต้องตามเขาไปไหนมาไหนขนาดนั้น เขาไม่เคยคุยรายละเอียดเรื่องงานกับฉัน แต่โยนงานให้ฉันโครมใหญ่แบบนี้เลยหรือไงคะ” แม้พูดเสียงธรรมดาแต่ประโยคยาวเหยียดของหทัยวดีก็ทำให้เลขาของตรัยนิ่วหน้า...

ปาวีร์ไม่รู้เรื่องอะไรระหว่างทั้งคู่ รับคำสั่งมาอย่างไรก็ส่งต่อมาอย่างนั้น เลยไม่มีอะไรอธิบายหล่อน ดูเหมือนว่าหทัยวดีมองปราดเดียวจะเข้าใจ หล่อนถลาไปเปิดประตูห้องทำงานของตรัย โดยที่เลขาหนุ่มก้าวขาตามไปอย่างว่องไว

“มีอะไร...”

“เราต้องคุยกัน”

“ใช่เราต้องคุยกัน เอาเรื่องแรกก่อน คือเรื่องมารยาท คุณไม่ควรเข้ามาที่ห้องของผมโดยที่ผมไม่ได้อนุญาต เป็นกฎข้อแรกที่สำคัญที่สุด”

“อยากเข้ามาตายล่ะ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านขนาดนี้” หล่อนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“ว่าไงนะ...”

“ไม่มีอะไร ขอโทษด้วยแล้วกันค่ะ ต่อไปจะเคาะแล้วขออนุญาตก่อน ฉันมาถามเรื่องที่จะไปสัมมนาที่สิงคโปร์ ฉันไม่คิดว่าคุณจะให้ฉันไปด้วยเพราะฉันสะดวกมาทำงานกับคุณแค่ช่วงเช้า หลังจากนั้นก็เป็นเวลาทำงานอื่น อีกอย่างฉันไม่รู้เกี่ยวกับงานคุณ ฉันไม่คิดว่าคุณจะให้ฉันเรียนรู้อย่างจริงจังนัก เพราะฉันก็มีงานออกแบบที่รับมาหลายงานที่ต้องทำ”

ตรัยรู้ดีว่าหล่อนไม่ถนัดงานพวกนี้ แต่เขามองว่าหล่อนต้องช่วยดูแลกิจการครอบครัวสักวันหนึ่ง แต่หล่อนไม่สนใจใฝ่รู้เกี่ยวกับกิจการที่บ้านสักนิด แม้เขาคิดมิดีมิร้ายกับหล่อนแต่ก็ยังปราณีว่าช่วงที่อยู่กับเขา เขาจะสอนงานให้หล่อนเอาบุญ เพราะฉะนั้นเขาจึงให้หล่อนอ่านแฟ้มงานเกี่ยวกับกิจการของบริษัท ส่วนเรื่องการพาหล่อนไปค้างคืนด้วยนั้นเป็นความต้องการของเขาเองล้วนๆ

“แล้วติดงานอะไร” ถามส่งๆ ไป เพราะคิดว่าหากหล่อนต้องไปรับงานที่หล่อนทำก่อนหน้าที่จะตกลงทำงานกับเขาเขาก็จะปล่อยให้หล่อนทำ เพราะว่าเขาไม่ได้ต้องการให้หล่อนทำงานของเขาจริงจังอยู่แล้ว

“พอดีว่าฉันจะไปเหนือสามวันแล้วก็เดินทางคืนนี้ค่ะ... เสาร์อาทิตย์นี้ฉันก็เลยไม่ว่าง”

คำตอบของหล่อนทำให้ตรัยชะงัก ใบหน้าบึ้งของเขาหันขวับมาจ้องหล่อนในบัดดล...

“ไม่ว่างก็ต้องว่าง... ไม่ต้องไปมันแล้ว เพราะว่าผมไม่ให้ไป ออกไปอ่านแฟ้มงานได้แล้วไป”

“นี่คุณ” หล่อนตวาดแว้ด ดวงหน้าจ้องเขาจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะนึกได้ว่าหล่อนกำลังทำงานขัดดอกให้แก่ผู้มีพระคุณอย่างเขา ท่าทางเป็นอรินั่นจึงเบาบางลงและพยายามข่มอารมณ์พูดดีๆ “คุณมีเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันจองที่พักจองตั๋วเรียบร้อยแล้วนะคะ”

“ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ อย่ามาต่อรองผม ออกไปได้แล้ว”

“คนผีทะเล” หญิงสาวแลบลิ้นใส่เขาแล้วเดินหน้างอออกจากห้องทำงานของตรัยไปอย่างไวว่องเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกสักวินาที

“จัดการเรื่องตั๋วแล้วก็ห้องพักที่สิงคโปร์ด้วยล่ะ เรานั่งชั้นเฟิร์สคลาส ส่วนคุณหนูเพลินจองชั้นประหยัดไป”

“แล้วเรื่องห้องพัก”

“ให้พักฟลอร์เดียวกับเรา”

ตรัยสั่งแล้วก็ไม่สนใจลูกน้องอีก ปาวีร์เดินออกไปเงียบๆ มือเขาเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจ หากว่าตรัยจะไม่ให้ความสำคัญโดยการลดค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางไปสัมมนาของหทัยวดีก็คงจองห้องสตูดิโอธรรมดาให้แต่นี่ดันให้จองห้องชุดหรูวิวทะเลที่อยู่ฟลอร์เดียวกันกับพวกเขาให้หน้าตาเฉย

เขาไม่เข้าใจความต้องการของตรัยจริงๆ ว่าตกลงจะจัดหทัยวดีไว้เป็นเบ๊หรือว่าเป็นผู้ช่วยกิตติมศักดิ์กันแน่

ลูกน้องสองคนออกจากห้องไปแล้วเหลือเพียงแต่เขาลำพังในห้อง นับแต่น้องสาวจากไปวันนี้เป็นวันแรกที่ใบหน้าของตรัยมีรอยยิ้มแบบที่ยิ้มเพราะมีความสุข... เขาจะทำให้คนที่มีส่วนร่วมกับการตายของน้องสาวเขาได้รับการตอบแทนแบบสาสม หทัยวดีผู้เย่อหยิ่งจะต้องทรมานทั้งกายและใจจนกว่าหล่อนจะสารภาพเพราะสำนึกผิดกับสิ่งที่กำลังกระทำลับหลังเขาอยู่ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่เขาจะให้อิสระแก่หล่อนโดยที่หล่อนไม่ต้องร้องขอสักแอะ

“ตายใจไปก่อนเถอะคุณหนูเพลิน... แล้วคุณจะรู้ว่าผมมีอะไรน่าตกใจที่ปกปิดเอาไว้ ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่มี”

เมื่อหล่อนก้าวลงกับดักที่เขาขุดล่อเอาไว้อย่างเต็มตัวอย่างนี้ ก็เหลือเพียงแต่เขาจัดการกับหล่อน... ร้ายกาจกันทั้งพี่ทั้งน้องอย่างนี้ เขาสัญญาเลยล่ะว่าจะบีบให้แหลกตายอยู่ในกำมือของเขาเอง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel