บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ตะลึง! หญิงอัปลักษณ์ บ้าใบ้ คนไร้ประโยชน์ที่ว่าล่ะ!

เฟิ่งหมิงซีเอ่ยอย่างยิ้มๆ ขึ้น “เจ้ามาจวนอ๋องเป็นเพื่อนคุยกับข้าตั้งหลายปีมานี้ เจ้ามิใช่เอ่ยตลอดหรือว่าเจ้าแต่งไม่ออก ขอให้ข้าช่วยเลือกสามีดีๆ ให้สักคนหรือ? วันนี้ไท่ว่างหวงก็ทรงประทานสมรสอันน่าเปรมปรีดิ์ให้เจ้าพอดีนี่ มีวาสนาได้แต่งเป็นสนมให้อานอ๋องอย่างเป็นทางการ ดีกว่าจะเข้าจวนเลี่ยอ๋องมาเป็นเซ่อเฟยอย่างน่าน้อยใจนี่”

“สามปีมานี้ขอบใจเจ้ามากที่คอยดูแลข้า ข้าก็จักไม่ลำบากใจให้เจ้ามาเป็นนางอนุ อุตส่าห์ตั้งใจเลือกคู่สมรสมาให้เจ้าอย่างดี เจ้ากลับมาร่ำไห้จะเป็นจะตาย หรือว่า เจ้ายอมเป็นนางอนุของเลี่ยอ๋องดีกว่าเป็นภรรยาของอานอ๋องงั้นหรือ?!”

เฟิ่งหมิงซีมองนางอย่างเย็นชา ไม่ยอมให้นางได้มีโอกาสโต้แย้ง ราวดั่งแสดงฝีมือเล่นละครเวที

ทำเอาสีหน้าของเสิ่นชิวเยว่สับเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากสีเขียวเป็นสีแดง มาเป็นสีดำ และสุดท้ายซีดเผือดกลายเป็นสีขาว

“ท่านพี่หญิง?ข้าเปล่านะ ท่านอย่ามาใส่ร้ายข้า”

เฟิ่งหมิงซีหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “ยังจะมาเรียกท่านพี่หญิงอยู่อีกหรือ? คุณหนูเสิ่นนี่มันเจตนาเลวร้ายเชียวหนา อยากให้ผู้คนพากันรู้หรือไร ว่าในใจเจ้าคลั่งไคล้เลี่ยอ๋อง ใคร่อยากเข้าจวนมาเป็นอนุ?!”

เสิ่นชิวเยว่ถูกนางยั่วโมหะเสียจนสีหน้าซีดเผือด เมื่อแผนอุบายมิได้ผลแววตานางจึงเปล่งไปด้วยความเคืองแค้น แล้วพลันเอื้อมไปข้างหน้าดึงข้อมือของเฟิ่งหมิงซีให้คุกเข่าลง ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความหวาดเกรง “ท่านพี่หญิงได้โปรดท่านอย่าทำเยี่ยงนี้ ข้ารู้ผิดแล้ว หรือว่าท่านจักบีบบังคับเยว่เอ๋อร์จนตายเลยหรือถึงจะสมแก่ใจ?”

หญิงผู้นี้จักต้องเล่นลูกไม้กับนางเป็นแน่ เฟิ่งหมิงซีรีบระวังตัว แววตาเปลี่ยนไปอย่างเย็นชาดุดัน “ปล่อยมือซะ!”

เสิ่นชิวเยว่กลับคว้าข้อมือนางไว้ด้วยความแค้นเคือง แล้วแอบเอาบางอย่างทิ่มแทงใส่นางด้วยความเกลียดชัง เฟิ่งหมิงซีพลันเปลี่ยนสีหน้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทนไม่ไหวยกมือขึ้นตบหน้านางไปฉาดหนึ่ง

“โอ๊ย?”

ร่างของหญิงสาวกระเด็นตรงออกไป

ในขณะนี้เอง มู่หรงเซียว พร้อมด้วยอานอ๋องก็พากันเร่งรุดเข้ามาทันใด

“เฟิ่งหมิงซี!”

ชายทั้งสองขบฟันเกรี้ยวโกรธ สีหน้าฉุนเฉียวน่าเกรงกลัว จ้องมองเฟิ่งหมิงซีด้วยสายตาอันสุดแสนจะเย็นชา ราวกับอยากจะจับนางลงฝังเสียให้จมแผ่นดิน

เฟิ่งหมิงซีเงยหน้าขึ้นชำเลืองมอง ก่อนหันมองไปทางหญิงสาวที่อยู่กับพื้นอีกรอบด้วยสายตาเย็นชา นางเข้าใจแล้ว หญิงผู้นี้แอบส่งคนให้ไปบอกชายทั้งสองมา นางวางแผนไว้อย่างดีแต่แรกแล้ว ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายเสียจริง

“เยว่เอ๋อร์”

ชายทั้งสองพลันรีบพุ่งตรงไปยังเสิ่นชิวเยว่พร้อมกัน

อานอ๋องอุ้มประคองนางขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ “เยว่เอ๋อร์ เจ้ารีบฟื้นขึ้นมานะ อย่าทำข้าตกใจ”

มู่หรงเซียวครั้นเห็นเสิ่นชิวเยว่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ก็รีบเอ่ยขึ้น “รีบไปตามหมอมาเร็ว”

“แย่แล้ว เยว่เอ๋อร์ถูกพิษ!”

“เฟิ่งหมิงซี นางคนอำมหิต เจ้ากล้าวางยาใส่พิษเยว่เอ๋อร์งั้นรึ?” อานอ๋องจ้องมองเฟิ่งหมิงซีด้วยความเคืองโกรธแทบลูกตาจะกระเด็นออกจากเบ้า “ใครก็ได้ จับตัวนางให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้!”

เฟิ่งหมิงซีมองไปที่องครักษ์ตรงหน้า เอ่ยยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าเห็นกับตาแล้วหรือว่าข้าเป็นคนวางยาพิษ? ข้าอยากจะเอ่ยฟ้องเสียจริงว่านางจงใจใส่ร้ายผู้อื่น!”

นางยกข้อมือขึ้น บนข้อมือมีร่องรอยสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากปิ่นทองทิ่มแทง

เสิ่นชิวเยว่ได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ราวกับจะทิ่มแทงเส้นเลือดที่ข้อมมือนางเสียให้ฉีกขาด

มิเช่นนั้นนางคงจะไม่โกรธเคืองตบนางเสียกระเด็นเช่นนี้หรอก

อานอ๋องเอ่ยตอบด้วยความโมหะ “เยว่เอ๋อร์จิตใจบริสุทธิ์ ทั้งยังอ่อนโยนยิ่ง ใยจักไปทำร้ายเจ้าได้? นางหญิงอำมหิต ยังไม่รีบส่งยาถอนพิษมาอีก!”

เฟิ่งหมิงซีเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าหาได้วางยาพิษไม่ เจ้ามาถามเอาผิดคนแล้ว”

อานอ๋องขุ่นเคืองแทบจะเป็นจะตาย มองไปที่มู่หรงเซียวด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วเอ่ย “น้องเจ็ด นี่เจ้าจะให้ท้ายนางทำร้ายเยว่เอ๋อร์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

มู่หรงเซียวในใจก็ขุ่นแค้นยิ่ง “เฟิ่งหมิงซีเจ้ารีบมอบยาถอนพิษออกมาซะ เรื่องนี้ข้าจักไม่เอาความเจ้าก็ได้”

เฟิ่งหมิงซีเอ่ยยิ้มเย็นชา “ก็ข้าบอกแล้ว ไม่ได้วางยา ไม่มียาถอนพิษ หากมิเชื่อก็ไปแจ้งทางการ ให้ศาลต้าหลี่มาสืบความเสีย”

ก่อนจะเอ่ยพลางมองไปที่เสิ่นชิวเยว่ “แต่กว่าจะถึงครานั้น ก็หารู้ไม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะทนไหวหรือเปล่า จากที่ข้ามองดูนั้น พิษนี้ร้ายแรงยิ่งนัก อาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำกระมัง!”

“เวลาหนึ่งชั่วโมงข้าสามารถสละให้ไหวหนา”

“ไป ไปกัน เราไปศาลต้าหลี่พร้อมกันเลย”

อานอ๋องเอ่ยอย่างโมโห “นางหญิงอำหิต เยว่เอ๋อร์ใกล้จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้อยู่อีกหรือ”

ครั้นมิสามารถเอาความกับหญิงสาวได้ อานอ๋องจึงเอ่ยขึ้นกับมู่หรงเซียว “น้องเจ็ด เยว่ได้หมั้นหมายไปกับข้าแล้ว ข้ามิสนว่าเมื่อก่อนพวกเจ้าเคยเป็นอะไรกัน แต่บัดนี้นางเป็นว่าที่หวางเฟยของข้า หากวันนี้เจ้าไม่สามารถให้คำตอบเรื่องของเยว่เอ๋อร์กับข้าได้ ก็อย่ามากล่าวโทษในยามที่ข้าจะเอาชีวิตเมียของเจ้า!!”

มู่หรงเซียวระงับสีหน้า เขาไม่อยากจะยอมรับฐานะสามีภรรยากับเฟิ่งหมิงซีเป็นอย่างยิ่ง จึงรีบเอ่ยโพล่งออกมา “นางมิใช่เมียของข้า!”

บัดนี้ท่านหมอก็ได้มาถึง ตรวจดูชีพจรให้เสิ่นชิวเยว่ ก่อนจะพลันโขลกศีรษะเอ่ยอย่างทันที “ท่านอ๋อง คุณหนูเสิ่นโดนพิษร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ ข้า?ข้าน้อยไร้ความสามารถพ่ะย่ะค่ะ!”

อานอ๋องพลันเปลี่ยนสีหน้าทันที ก่อนจะโอบอุ้มหญิงสาวขึ้นอย่าร้อนรุ่มใจ “ไป เข้าวังหลวง”

ท่านหมอเอ่ยขึ้นทันใด “ท่านอ๋องห้ามทรงม้ามิได้เป็นอันขาดนะพ่ะย่ะค่ะ พิษในกายคุณหนูเสิ่นนั้นมิอาจได้รับการกระทบกระทั่ง เพียงกระทบหนึ่งทีก็จักเร่งเร้าพิษให้แผ่ซ่าน อันตรายถึงชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่หรงเซียวพลันเปลี่ยนสีหน้า เอ่ยอย่างเย็นชา “ไปเชิญมาหลวงมาบัดเดี๋ยวนี้”

ไม่นานนักหมอหลวงก็ได้มาถึง หลังจากหมอหลวงผลัดเปลี่ยนกันตรวจดูชีพจรนั้น ก็ล้วนพากันส่ายหัวบอกว่าไร้ความสามารถ

“เฟิ่งหมิงซี!”

อานอ๋องหันหน้าไปมองเฟิ่งหมิงซี แล้วร้องตะโกนข่มขู่ขึ้นราวสัตว์ร้าย “รีบส่งยาถอนพิษออกมาซะ!”

“มิเช่นนั้นข้าจะเอาชีวิตเจ้าเสีย!”

ขณะที่เอ่ยนั้นเขาก็ได้ชักเอาดาบจากองครักษ์ลับ จ่อตรงมาที่ตัวนาง

เฟิ่งหมิงซีเห็นดังนั้นก็พลันรีบแย่งชักเอาดาบออกมาหนึ่งเล่มเพื่อป้องกันตัว

มู่หรงเซียวครั้นเห็นหญิงสาวชุดแดงเปี่ยมเสน่ห์กล้าลงมือปะทะกับอานอ๋องกลางถนน สภาพเช่นนี้ผิดไปจากที่สาวใช้เคยกล่าวว่า วรยุทธ์ถูกทำลายสิ้น!

มิใช่บอกว่า เป็นใบ้ เสียโฉม ไร้ประโยชน์หรอกหรือ?!

มู่หรงเซียวเกรี้ยวโกรธแทบกระอักเลือด นางหญิงสมควรตายผู้นี้กล้าหลอกลวงเขางั้นรึ!

เฟิ่งหมิงซีขณะที่ต่อสู้นั้น นางก็อ่อนกำลังอยู่เล็กน้อย นางเพิ่งฟื้นฟูขึ้นได้ ฝีมือจึงยังไม่ช่ำชองสักเท่าไหร่

อานอ๋องผู้นี้ลงมือเหี้ยมโหด ฟันเข้ามาไม่ยังอย่างบ้าคลั่ง

“เสด็จพี่สาม หยุดมือบัดเดี๋ยวนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ครั้นเห็นอานอ๋องกำลังจะใช้ดาบสับร่างเฟิ่งหมิงซี

ในใจก็พลันหวาดเกรงขึ้นทันใด รีบหยุดยั้งไปโดยไม่รู้ตัว

จากนั้น

ควาง!

หน้ากากบนใบหน้าเฟิ่งหมิงซีโดนฟันแยกออกเป็นสองชิ้นหล่นลงไป

นางหันตัวกลับมา ผมดำปลิวสลวย ขนตาถูกยกขึ้นเบาๆ เปลือกตากะพริบขึ้นลง

แลดูงามอ่อนเยาว์

อานอ๋องตะลึงไปชั่วขณะ!

ผู้คนก็พากันจับจ้องดูโฉมหน้านั้นจนลืมหายใจ

มู่หรงเซียวก็จ้องมองดวงหน้านั้นตาไม่กะพริบ คล้ายดั่งถูกโจมตีเข้าให้ ก่อนจะเบิกตาขึ้นด้วยความตระหนกใจ แล้วโพล่งขึ้นอย่างโมโหว่า “เฟิ่ง หมิง ซี !”

กล้าหลอกเขาอีกแล้วรึ!

นางมีหน้าตาอัปลักษณ์เสียที่ไหนกัน?

เห็นได้อย่างชัดเจนว่างดงามหมดจดถึงเพียงนี้

ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางจะงดงามถึงเพียงนี้

ใครๆ ต่างก็ลืมไปแล้ว ครั้งหนึ่งนางก็เคยเป็นจวิ้นจู่งดงามจรัสใต้หล้ามาก่อน

เดิมทีนางก็คือสาวงามอยู่แล้ว

ซวงสี่ก็พลันกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นใจก่อนใครๆ แล้วร้องออกไป อย่างอดใจไม่อยู่ “หา จวิ้นจู่?ท่าน?ใบหน้าท่าน?ก็หายคืนแล้วหรือเจ้าคะ? ฮือฮือฮือ”

เฟิ่งหมิงซีมองดูหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มของสาวใช้ ก็ยกริมฝีปากเผยยิ้มหนึ่งที แล้วลูบไปที่ศรีษระน้อยๆ ของนาง “อืม”

รอยยิ้มนี้ของนาง ทำเอาอานอ๋องหลงใหลเสน่ห์ ก่อนจะพบว่าตนกำลังเสียการควบคุม แล้วจึงไม่สบอารมณ์ขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “เฟิ่งหมิงซี!เจ้ารีบส่งยาถอนพิษออกมาซะ!”

เฟิ่งหมิงซีเหลือบมองหน้ากากบนพื้น ก่อนจะมองไปที่อานอ๋องแล้วแอบส่ายหัว “รบกวนท่านใช้สมองของตนด้วย ข้าจะไปใช้วิธีโง่เขลาวางยาพิษกลางถนนได้อย่างไรกัน? นางได้หมั้นหมายไปกับท่าน ไม่นานก็จะเป็นอานหวางเฟยไปแล้ว หาได้ส่งผลอันใดต่อข้าไม่ ไยข้าต้องวางยานางด้วย? !”

อานอ๋องตะลึงไปครู่หนึ่ง นึกดูสิ่งที่นางพูดก็มีเหตุผล แล้วพลันหันหน้ามองไปที่มู่หรงเซียว

แต่ทว่ามู่หรงเซียวก็ต้องมนตร์สะกดเฟิ่งหมิงซีไปแต่แรกแล้ว เขาจ้องมองใบหน้าเฟิ่ง

หมิงซีด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะเดินมาคว้าข้อมือนาง “กลับจวนไปกับข้า!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel