บทย่อ
“แต่งงานกับพี่นะ” หน้าฉันตอนนี้คงตลกมาก ทั้งดวงตาแล้วก็ปากแข่งกันขยายเต็มที่ ไม่คิดว่าประโยคนี้จะหลุดออกมาจากปากพี่เต้
1| ใกล้ชิด
“ซื้อมาให้ณิเหรอคะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้แล้วถือวิสาสะหยิบดอกไม้ช่อโตในมือเจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบกว่ามาถือไว้ในมือของตัวเอง
“ที่บ้านไม่มีใครมาหรือไง” ขอบคุณที่เขาไม่ได้ต่อว่า
“ไม่มีค่ะ พี่สาวของณิก็รับปริญญาวันนี้เหมือนกัน” ฉันตอบกลับเสียงเบา รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเมื่องานรับปริญญาของตัวเองดันตรงกับพี่สาว ทั้งบ้านเดินทางไปอังกฤษล่วงหน้าก่อนถึงวันงานสองสัปดาห์ จบสูงกว่า ไกลกว่าย่อมมีความหมายกว่าอยู่แล้ว
“ฉันซื้อมาให้น้องสะใภ้ ถ้าเธออยากได้ก็เอาไปสิ” แม้รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้ซื้อมาฝากแต่ก็ยังดึงดันคิดไปเองว่าเขาซื้อมาให้
“ผักบุ้งได้ของเต็มมือเลย ถือไม่ไหวหรอกค่ะ” ฉันมองเพื่อนสาวที่อยู่ไกลๆ แล้วยิ้ม งานรับปริญญาที่ฉันวาดฝันเอาไว้จบลงเมื่อไม่มีใครมาแสดงความยินดีด้วย พวกเขาพูดแค่ว่าวันไหนก็ถ่ายรูปร่วมกันได้แต่ฉันก็อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยในวันจริงมากกว่า
“ณิชามาถ่ายรูปกัน”
“เอาสิ”
“พี่เต้ฝากดอกไม้ด้วยนะคะ ดูแลมันให้ดีล่ะ มันเป็นดอกไม้ช่อแรกของณิเชียวนะ” พี่เต้ไม่พูดอะไรเขารับดอกไม้ในมือของฉันไปถือไว้ ขอบคุณอีกครั้งที่ยอมทำตาม แม้จะนิ่งและขรึมจนฉันเกรงใจ
“แหมพี่ตฤณเปย์หนักเลยนะคะ” อดแซวคู่รักแห่งปีไม่ได้ อิจฉาตาร้อนจนอยากกระชากพวงมาลัยแบงก์เทาที่คอของเพื่อนสนิท เปย์เมียหนักตั้งแต่สมัยเรียนจนเรียนจบ เกิดเป็นผักบุ้งนี่น่าอิจฉาจัง
“นิดหน่อยเองครับ กลับบ้านจะหนักกว่านี้” ฉันเชื่อ กว่าสองคนนี้จะลงเอยกัน เฮ้อ ก็เหนื่อยเหมือนกัน
“ณิชาพ่อกับแม่ล่ะไม่เรียกมาถ่ายรูป เอ..ว่าแต่ยังไม่เห็นทั้งสองท่านเลย ยังมาไม่ถึงล่ะสิ รถติดใช่ไหม”
“คงไม่มีใครมาหรอก”
“งานรับปริญญาทั้งที มีอะไรหรือเปล่า”
“เป็นวันเดียวกับพี่แพรว ทั้งบ้านก็เลยบินไปอังกฤษ ช่างเถอะ มาถ่ายรูปกัน” ฉันพยายามยิ้มกลบเกลื่อนไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีในวันสำคัญแบบนี้ ทั้งที่ในใจร้องไห้แทบคลั่ง
“แกไม่โอเคฉันรู้”
“เลือกไม่ได้อยู่แล้วนี่”
งานรับปริญญาจบลง ช่วงค่ำที่บ้านของผักบุ้งจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับบัณฑิตใหม่ ใจอยากกลับไปพักแต่ก็ถูกเพื่อนรักลากมาร่วมงานด้วย ได้เห็นครอบครัวของเพื่อนร่วมฉลองยินดีก็พลอยให้ฉันยิ้มตามไปด้วย
“อย่าคิดมากนะแก”
“อือ” ฉันพยักหน้าครางตอบ ภายในงานอบอุ่นไปด้วยคนในครอบครัว ทั้งครอบครัวของพี่ตฤณแล้วก็ผักบุ้งดูเข้ากันดี
สายตาของฉันเหลือบไปเห็นพี่เต้ที่นั่งจิบไวน์อยู่ไกลๆ เขาดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่จนทำให้ฉันชอบแอบมองอยู่เรื่อย บางครั้งก็อยากกวนให้เขาโมโหดูบ้าง ยิ้มเป็นหรือเปล่า เคยหัวเราะบ้างไหม ไม่แน่ใจเลยจริงๆ
“พี่เต้ ทำไมมาแอบดื่มอยู่คนเดียวล่ะคะ”
“มีอะไร” ฉันไม่รอให้เขาชวนนั่ง รีบเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งหมับมองหน้าหล่อๆ ตรงหน้าทันที
“นั่งด้วยได้ไหมคะ”
“ขอเพื่อ” นั่นสิ ฉันยิ้มแหยแล้วยกเครื่องดื่มในมือกระดกลงคอ
“ดื่มด้วยเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ” ที่จริงฉันไม่ชอบดื่มเลย แล้วไม่คิดจะแตะต้องด้วยเห็นเพื่อนๆ และคนรอบข้างขาดสติเพราะเครื่องดื่มเหล่านี้แล้วนึกกลัว
แต่วันนี้ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ เกินใจจะอดทน ใจฉันพังจากครอบครัวรอบที่ล้าน ครั้งนี้คือที่สุดจนต้องพึ่งไวน์สีเข้มที่อยู่ในแก้วสวยในมือ
“วางแผนไว้หรือยังว่าจะทำอะไรหลังจากนี้”
“ก็มีบ้างค่ะ ยื่นใบสมัครไว้หลายที่ พรุ่งนี้ต้องเริ่มเดินสายสัมภาษณ์บางบริษัทที่เรียกตัว”
“ไม่ทำงานกับที่บ้านเหรอ”
“อ่อ คงไม่หรอกค่ะ ณิไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวาย” ถ้าพูดถึงพวกเขาอีกฉันจะร้องไห้โชว์แล้วนะ ได้โปรดอย่าถามถึงพวกเขาอีกเลย
“ยื่นที่ไหนไว้บ้าง”
“ก็ทุกบริษัทที่เปิดรับ ณิก็จำไม่ค่อยได้ด้วย”
“ได้ยื่นที่TS Monster ไว้บ้างหรือเปล่า”
“คะ”
“หูตึงหรือไง “ฉันส่ายหน้ารัวๆ ปฏิเสธเรื่องหูตึงแล้วก็เรื่องยื่นใบสมัครที่ TS Monster เพราะใจไม่กล้าจริงๆ
“ลองไปยื่นไว้สิ ที่บริษัทกำลังต้องการพนักงาน”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะที่แนะนำ” ได้ยินมาว่า TS Monster ขยายกำลังผลิตออกมาอีกหนึ่งแห่ง ผู้บริหารไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนนั่งดริ๊งตรงหน้าของฉันเองนี่ไง
“อย่าดื่มเยอะล่ะ” พี่เต้พูดจบก็เตรียมลุก
“พี่เต้จะไปไหนคะ”
“สูบบุหรี่ จะไปด้วยไหม”
“ไปค่ะ” แม้จะไม่ค่อยอภิรมย์กับกลิ่นบุหรี่แต่ฉันก็ยอมลุกเดินตามพี่เต้ออกไปด้านนอกเพราะไม่อยากนั่งดื่มคนเดียว
ฉันถือแก้วไวน์ติดมือมาด้วย ดื่มระหว่างรอพี่เต้สูบบุหรี่
“ไม่เหม็นหรือไง”
“เหม็นค่ะ แต่ทนได้”
“ไปยืนตรงนู้น” ฉันยอมทำตาม ยืนไปสักพักเพิ่งรู้ว่าตัวเองยืนอยู่เหนือลม แอบยิ้มเล็กๆ พี่เต้คงเป็นห่วงกลัวฉันเหม็น
ฉันยืนจิบไวน์เงียบๆส่วนพี่เต้ก็อัดควันสีขาวเข้าปากแล้วปล่อยออกมาเป็นระยะอยู่ไม่ไกล ปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นออกมาพร้อมควันขาวๆ ที่พวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อยากรู้จังว่าพี่เต้กำลังคิดอะไรอยู่ สูบบุหรี่แบบนั้นช่วยทำให้หายเครียดได้จริงหรือ
“ขอสูบบ้างได้ไหมคะ” ฉันวางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะหินอ่อนภายในสวนแล้วเอ่ยขึ้น
บุหรี่ที่มือของเขายังเหลืออีกตั้งครึ่ง ถ้าเขาไม่รังเกียจเพื่อนสนิทของน้องสะใภ้อย่างฉัน
“เคยสูบหรือเปล่า”
“ไม่เคยค่ะ” พี่เต้ไม่สนใจหันหน้าหนีแล้วอัดควันจากบุหรี่ต่อ
แต่เขาไม่ได้พ่นควันออกอย่างที่เคยทำ
คนตัวสูงตวัดแขนล็อกคอของฉัน จากนั้นก็โน้มต่ำประทับริมฝีปากแล้วเปิดปากอัดเจ้าควันที่เขาสูบเข้าไปพ่นเข้ามาในปากของฉันทั้งหมด ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล
“แค่ก แค่ก พี่ แค่ก”
“หึ เชื่อแล้วว่าไม่เคย”
“พี่เต้”
“อยากลองอีกไหม อย่าคิดลอง มันไม่ดี” ไม่ได้อยากลองแบบนี้สักหน่อย
“แล้วพี่สูบทำไม แค่กๆ “ฉันยังไม่หยุดสำลัก กลิ่นควันจางๆ และแอลกอฮอล์ยังติดแน่นอยู่ที่ริมฝีปากรวมถึงในปากด้วย
“กลับเข้างานได้แล้ว” ก้นบุหรี่ในมือจี้ลงจานรองแล้วดับลงในที่สุด พี่เต้เดินจากไปแล้วเหลือแค่ฉันที่ยังยืนจับปากตัวเองยิ้มเขินอยู่คนเดียว ตามตื๊อมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ วันนี้เริ่มมีสัญญาที่ดี
“ปากหวานจังเลย”
_----------

