บทที่ 5 คุณยายเสิ่น
ในใจของเจียงม่านม่านมีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่ได้นั่งบนรถประจำทางที่เธอเคยได้แต่มองดู ในยุคของเธอมีแต่รถม้าแต่ยุคหลังๆ มานี้ มีทั้งรถจักรยาน เรือยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถไฟ และรถยนต์ ความเปลี่ยนแปลงทั้งการแต่งกายเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงภาษาที่ใช้เธอได้แต่มองความเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่อาจจะจับต้องสิ่งเหล่านี้ได้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถยนต์
นั่งรถเพียงไม่นานก็ถึงตัวเมืองแล้ว เธอทำตามความคุ้นชินของร่างเก่าที่หลังจากจ่ายค่ารถแล้วก็เดินลงจากรถไปหยุดหน้าร้านเสื้อผ้า โจวเสี่ยวหลันเดินเฉียดไหล่ของเธอไปและใช้สายตาดูหมิ่นเธออีกครั้งแล้วพูดลอยๆ ด้วยน้ำเสียงเสียดสี
“นังคนขี้ขโมย! วันๆ ไม่รู้จักทำงานทำการ ดีแต่ใช้เงินเพื่อแต่งตัว อย่าเผลอใจไปขโมยของในร้านของเขาเข้าล่ะ” แม้ว่าจะพูดลอยๆ ที่คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน เจียงม่านม่านเม้มปากแล้วจ้องมองโจวเสี่ยวหลันที่เดินไปไกลแล้ว หากเป็นเจ้าของร่างคนเก่าโจวเสี่ยวหลันคงได้โดนจิกผมมาตบสั่งสอนแล้ว แต่เจียงม่านม่านไม่อยากจะเสียเวลากับคนเช่นนั้น จึงได้เดินวนเวียนเพื่อดูข้าวของในตลาดก่อน
อาหารหลายอย่างที่ในยุคของเธอไม่มีและเธอเคยอยากลิ้มลองในตอนที่เป็นเพียงวิญญาณแต่กลับไม่สามารถลิ้มลองได้ดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก เจียงม่านม่านชอบกินขนมหวานมาก ยามที่เห็นขนมแปลกตาที่เธอไม่เคยกินและราคาไม่แพงมากนักเธอก็ตัดสินใจซื้อมาอย่างละนิดอย่างละหน่อยเพื่อเอาไว้ชิมรสชาติในทันที ในยุคนี้อาหารที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกเริ่มมีเข้ามาให้ลิ้มลองมากยิ่งขึ้น เจียงม่านม่านก็ไม่รีรอที่จะควักเงินในกระเป๋าเอามาจับจ่ายเพื่อซื้อกลับไปลิ้มลอง แน่นอนว่าหากเป็นขนมเธอย่อมซื้อไปฝากลูกชายของเธออย่างแน่นอน
หนังสือหลายเล่มที่เธอเคยมองแต่หน้าปกแต่ไม่ได้มีโอกาสได้อ่านเพราะคนที่เธอเคยติดตามไม่ได้เปิดอ่าน เธอยืนจ้องมองอยู่นานและตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าหากมีเงินมากกว่านี้เมื่อไหร่เธอย่อมไม่พลาดหนังสือเหล่านี้แน่ จวบจนเดินจนเมื่อยขาแล้วและได้เวลาหาหารกลางวันแล้วเธอจึงหาที่นั่งพักแล้วหยิบหาอาหารที่เธอซื้อมาค่อยๆ ลิ้มลองรสชาติแต่ละอย่างแต่ละชนิดอย่างตั้งอกตั้งใจ
“แม่หนู! ดูเหมือนว่าเธอจะชอบกินพวกขนมนมเนยเหล่านี้มากสินะ” หญิงชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามเอ่ยปากทักเธอด้วยน้ำเสียงเอ็นดู สถานที่ที่เจียงม่านม่านเลือกนั่งพักคือสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดเท่าใดนัก ความร่มรื่นของสวนสาธารณะแห่งนี้ทำให้แม้ว่าจะเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้วแต่ก็ยังเย็นสบายเหมาะแก่การนักพักผ่อนเป็นอย่างมาก
“หนูเป็นคนชอบกินค่ะ อีกทั้งยังตั้งใจว่าจะซื้อกลับไปฝากลูกชายด้วย แต่ขนมพวกนี้หนูเองก็ยังไม่เคยกินจึงได้ทดลองชิมดูก่อน จะได้รู้ว่าขนมชิ้นไหนเหมาะกับลูกชายของหนู” คำพูดของเจียงม่านม่านทำให้หญิงชรายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ช่างเป็นแม่ที่มีความละเอียดอ่อนเสียจริง” คำพูดของหญิงชราทำให้เจียงม่านม่านยิ้มออกมาอย่างจืดเจื่อน ด้วยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอก็คือการตอบสนองความต้องการของเธอต่างหาก ใช่เพราะคิดถึงลูกชายของเธอที่ไหนกันเล่า ด้วยนิสัยของเฉินมู่หนานเท่าที่เธอรู้ นั้น ขอแค่เป็นขนมที่มีกลิ่นหอมของเนยและนมเช่นนี้จะต้องถูกอกถูกใจเขาเป็นแน่และแน่นอนว่าเธอแบ่งเอาไว้ให้เขาในถุงกระดาษอีกถุงแล้ว
“ถ้าแม่หนูชอบกินขนมแนวนี้นะ ลองเดินไปที่ตึกแถวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสวนสาธารณะแห่งนี้สิ ลูกสาวกับลูกเขยของฉันเปิดร้านขายขนมอบพวกนี้อยู่ เมื่อก่อนพวกเขาเคยไปเป็นลูกจ้างในภัตตาคารใหญ่ในเมืองหลวงก็เลยเรียนรู้และจดจำวิธีการทำขนมเหล่านี้มา ไม่ใช่ว่าฉันคุยโม้นะแต่ฝีมือทำขนมของลูกสาวและลูกเขยของฉันอร่อยมากทีเดียว” เมื่อคุณยายพูดเช่นนี้เจียงม่านม่านก็รีบตกปากรับคำในทันที
“เอาไว้หนูเข้าเมืองมาในคราวหน้าจะมาอุดหนุนที่ร้านของลูกสาวและลูกเขยของคุณยายนะคะ” เจียงม่านม่านพูดพลางยิ้มออกมา
“ว่าแต่แม่หนูเข้าเมืองมาซื้อของหรือถือข้าวของพะรุงพะรังเชียว” เมื่อคุณชายถามเช่นนี้เจียงม่านม่านก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยในยามนี้ถุงกระดาษที่กองอยู่ข้างกายของเธอมีมากพอสมควรและทุกอย่างล้วนเป็นของกินที่เธอตั้งใจซื้อกลับไปฝากลูกชายและคนอื่นๆ ในบ้าน
“มาซื้อของด้วยและหาทำเลเพื่อจะค้าขายด้วยค่ะ แต่ว่าตอนนี้หนูก็ยังคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะค้าขายอะไร” เมื่อเจียงม่านม่านพูดเช่นนี้คุณยายก็แนะนำอย่างใจดี
“ถ้าจะให้ฉันแนะนำ ก็คงจะแนะนำพวกของกินอย่างพวกขนมหรือไม่ก็อาหาร ต่อให้อยู่ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงมากเพียงใดอาหารคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ ยิ่งในยุคนี้ที่ผู้คนเริ่มหันมาจับจ่ายใช้สอยกันได้มากขึ้นแล้วก็ยิ่งดี อย่างลูกสาวและลูกเขยของฉันที่ขายขนมอยู่ก็ขายดีมากทีเดียว” คำพูดของคุณยายทำให้เจียงม่านม่านหัวเราะออกมาเบาๆ
“หนูทำขนมแบบลูกสาวและลูกเขยของคุณยายไม่เป็น ถ้าพอจะมีฝีมืออยู่บ้างก็คงจะเป็นขนมโบราณที่ไม่รู้ว่าคนในยุคนี้ชอบกินกันหรือไม่” คำพูดของเจียงม่านม่านทำให้คุณยายดวงตาเป็นประกาย
“ไม่ลองก็ไม่รู้ ฉันเองก็คิดถึงขนมสมัยที่ฉันยังเป็นเด็กอยู่เหมือนกันนะ ยิ่งขนมในเทศกาลไหว้พระจันทร์ฉันยิ่งชอบมาก เธอลองทำมาวางขายดูก็ได้นะ ไม่แน่ว่าอาจจะขายดีก็ได้” คำพูดของคุณยายทำให้เจียงม่านม่านยิ้มออกมา
“ขอบคุณที่แนะนำนะคะ เอาไว้หนูจะลองทำดูขนมดูก่อนค่ะ ส่วนสถานที่ที่จะวางขายคงต้องลองดูอีกที” เมื่อเจียงม่านม่านพูดเช่นนี้คุณยายก็ยิ้มออกมาอย่างใจดี
“ลองเอามาฝากขายที่ร้านของลูกสาวของฉันดูก่อนก็ได้นะ มีขนมโบราณวางขายอยู่ในร้านน่าจะช่วยดึงดูดลูกค้าอีกกลุ่มได้มากขึ้น” คำพูดของคุณยายทำให้เจียงม่านม่านรีบส่ายหน้าปฏิเสธในทันที
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าทำเช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่าหนูรบกวนให้พวกเขาช่วยหนูขายขนมให้หรือคะ” เมื่อเธอพูดเช่นนี้คุณยายก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้าเธอเกรงใจเธอก็แบ่งค่าน้ำร้อนน้ำชาในฐานะที่พวกเขาช่วยขายให้เธอก็สิ้นเรื่อง คนเขาได้เงินเพิ่มมีหรือที่จะไม่รับขนมของเธอเอาไว้ อีกทั้งยังมีขนมที่แตกต่างออกไปจากขนมของตนเองวางขายเพิ่มน่าจะช่วยเรียกลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เข้ามาได้อีก” คำพูดของคุณยายทำให้เจียงม่านม่านยิ้มออกมาอย่างยินดี พลางเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ขอบคุณมากนะคะคุณยาย”
ส่วนคุณยายก็มองเจียงม่านม่านด้วยสายตามีความชื่นชมแฝงอยู่ ด้วยเจียงม่านม่านคือคนที่แตกต่างจากหลายๆ คนที่คุณยายเคยพบเห็น ไม่ตีสนิทเพื่อหาผลประโยชน์ ไม่คิดจะเอารัดเอาเปรียบคนที่พึ่งจะรู้จัก แววตาก็ดูใส่ซื่อจริงใจอยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วคนที่มีสายตาเช่นนี้นับว่ามีน้อยมาก
“ฉันชื่อเสิ่นเยว่ ลูกสาวและลูกเขยของฉันเปิดร้านขนมต้าฝูอยู่ตรงฝั่งโน้น หากเธอทำขนมเสร็จแล้วและอยากจะนำมาฝากวางขายก็ไปหาฉันที่ร้านต้าฝูได้เลย ฉันพักอยู่บนชั้นสามของตึก เดี๋ยวฉันจะไปเกริ่นเรื่องนี้เอาไว้ให้แก่ลูกเขยและลูกสาวของฉันได้รับรู้เอาไว้ก่อน พอเธอนำขนมมาส่งจะได้สามารถวางขายในร้านได้เลย” เมื่อคุณยายพูดเช่นนี้เจียงม่านม่านก็รีบขอบคุณออกมาอีกครั้ง
“ขอบคุณคุณยายเสิ่นมากนะคะ หนูชื่อเจียงม่านม่านค่ะ คุณยายจะเรียกหนูว่าม่านม่านก็ได้นะคะ หนูเป็นลูกสะใภ้คนโตของบ้านเฉินที่อยู่ในหมู่บ้านโจวสุ่ยค่ะ หมู่บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก นั่งรถไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว”
“หมู่บ้านโจวสุ่ยหรือ ฉันเหมือนจะได้ยินคนพูดถึงอยู่บ้าง เอาเป็นว่าถ้าเธออยากเอาขนมมาวางขายก็ไปหาฉันที่ร้านได้เลยนะ” เมื่อคุณยายเสิ่นพูดเช่นนี้เจียงม่านม่านก็รีบตกปากรับคำในทันทีในใจก็คิดคำนวณว่ามีขนมอะไรบ้างที่เธอเคยลองทำในตอนที่ยังใช้ชีวิตเป็นคุณหนูใหญ่สกุลเจียงและมีขนมอะไรบ้างที่เธอพอจะทำได้และน่าจะวางขายให้กับคนในยุคนี้บ้าง
