ขุนทรัพย์ในมิติสวรรค์ 1
ทุกวันนี้ชื่อเสียงของนางก็ค่อนข้างเลวร้ายมากแล้ว เพราะนางพูดไม่ได้จึงไม่อาจแก้ตัวให้ตนเองได้
“รับไว้เถอะ เจ้าผอมหมดแล้ว”
หลี่เจียงหนานบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ดวงตาคู่คมมองหน้าอย่างเปิดเผยว่าสนใจนางจริง ๆ และพร้อมที่จะรับนางไปเป็นภรรยา การที่ให้หย่าร้างกับคนปัญญาอ่อนนั่นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาอยู่แล้ว
ไป๋ซือเหยารู้สึกขนกายลุกชัน แววตาที่มองมานั้นมันหลงใหลจนอยากได้นางไปเป็นภรรยาของตนเอง ซึ่งทำให้นางส่ายหน้าไปมา เวลานี้นางพูดไม่ได้ทำให้ไม่ชินเลยจริง ๆ
และทำให้นางหงุดหงิดใจที่ไม่อาจตอบโต้ได้ดั่งใจ แม้จะใช้ภาษามืออีกคนก็ไม่สนใจ จับมือนางเอาไว้แน่นพร้อมวางไก่ป่าไว้ในมือนางเช่นที่เคยทำ
ทว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไป๋ซือเหยาสะบัดมือออก ก่อนจะใช้ภาษามือบอกให้กลับไปและไม่ต้องมาอีก เมื่อบอกจบนางก็ถอยหลังพร้อมปิดประตูหนีดื้อ ๆ อย่างนั้น คุยกับคนเช่นนั้นทำให้นางรู้สึกเสียเวลา เมื่อนึกถึงสายตาที่รักใคร่หลงใหลแล้วรู้สึกขนกายลุกชัน
“เหยา ๆ เจ้างอนอะไร หรือว่าเจ้าอยากหย่ากับเจ้าปัญญาอ่อนนั่นเร็วขึ้น ข้าช่วยเจ้าได้”
ไป๋ซือเหยาเม้มปากแน่น ใจนางสั่นระรัวจนอยากจะถือไม้ไปทุบอีกคนให้หายขัดใจ ทันใดนั้นพู่กันก็ลอยออกมาจากตัวนางก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระบองอย่างรวดเร็ว นางยืนมองอย่างอึ้ง ๆ นี่เข้าใจนางดีเกินไปหรือไม่?
แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ก็ถือกระบองเอาไว้แน่น ก่อนจะเปิดประตูออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางแน่วแน่ ว่าอย่างไรวันนี้ต้องไล่ไอ้คนที่หลงใหลคลั่งไคล้ร่างเดิมไปให้ได้!
ไป๋ซือเหยายื่นกระบองที่ขนาดเหมาะมือไปข้างหน้า ชี้สั่งให้อีกคนให้ไปจากบ้านตนเดี๋ยวนี้ ใบหน้างามเวลานี้ไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด ดวงตาคู่หงส์ฉายแววจริงจังเสียจนคนที่คิดอยากครอบครองสาวงามยอมถอยให้ ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้คนงามถึงดุดันยิ่งนัก
“ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้ามาหาเจ้าอีก”
ไป๋ซือเหยาแทบอยากกรีดร้องตะโกนว่า ไม่ต้องมา! แต่น่าเสียดายที่ทำได้แต่อ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงออกมาเท่านั้น
“เจียงหนานเจ้ามารบกวนเหยาเอ๋อร์อีกแล้วหรือไง ไสหัวเจ้าไปเดี๋ยวนี้!”
เสียงเกรี้ยวกราดพร้อมร่างอ้วนท้วมของป้าลู่ซือถือไม้เดินเข้ามาช่วยไล่หลี่เจียงหนานอีกคน เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ซือเหยาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อคนรีบหนีไปแล้ว นางจึงเอาไก่ที่พรานหนุ่มทิ้งไว้ยกให้ป้าลู่ซืออย่างกระตือรือร้น พร้อมยกมือขอบคุณอย่างจริงใจ ครอบครัวป้าลู่อยู่ข้างบ้านนางและเป็นคนที่ช่วยเหลือนางมาโดยตลอด
“เจ้าเก็บไว้กินเถอะ ครั้งหน้าถ้ามันมาก่อกวนอีกก็วิ่งไปหาป้าที่บ้าน”
ลู่ซือเอ่ยบอกอย่างนึกสงสาร ทั้งคู่มาอยู่นี่ได้เกือบหนึ่งปีและนางก็รู้ว่าเหยาเอ๋อร์เป็นเด็กดีคนหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีใครรู้ชื่อจริง ๆ ของนาง มีเพียงเรียกเหยา ๆ ตามสามีปัญญาอ่อนของนางเท่านั้น ไป๋ซือเหยาส่ายหน้า นางไม่สะดวกใจจะกินของคนที่คิดจะครอบครองนางเช่นนั้นแน่ นางพยายามอธิบายเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ แม้จะเข้าใจไม่หมดแต่สุดท้ายป้าลู่ซือก็รับไก่ป่าเจ้าปัญหานั้นไป นางจึงยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เห็นคนเข้าใจที่ต้องการสื่อ
จากนั้นป้าลู่ซือก็กลับบ้านพร้อมไก่ป่าตัวใหญ่ ที่ผ่านมามีแค่ป้าลู่ซือเท่านั้นที่ช่วยเหลือนางและพูดแก้ตัวให้ แต่ปากเดียวหรือจะสู้คนทั้งหมู่บ้าน แต่เพียงแค่นี้นางก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว
เมื่อป้าลู่ซือกลับไปนางจึงได้เดินสำรวจรอบบริเวณบ้านอีกครั้ง แต่คงจะเรียกบ้านได้ไม่เต็มปากนัก น่าจะเรียกว่ากระท่อมโกโรโกโสมากกว่าและไม่รู้ว่ามันจะพังลงมาตอนไหน
คนที่ไม่เคยเรื่องมากเช่นนาง ยังอยากจะบ่นออกมา จะให้นางเกิดใหม่ทั้งทีไยไม่ส่งไปเกิดในที่ดี ๆ กว่านี้หน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นรนมากนัก
แต่เมื่อนึกถึงขุนทรัพย์ในมิติสวรรค์ก็ทำให้นางให้อภัยเซียนเฒ่านั่น อย่างน้อยนางก็ไม่อดตาย นางมองแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้านที่ทั้งสองคนช่วยกันปลูก
แม้หลิวโม่เยียนสติปัญญากลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง แต่เรื่องใช้แรงงานอีกฝ่ายก็ช่วยงานนางเช่นกัน เพียงแค่ต้องบอกว่าให้ทำอย่างไรเท่านั้น
