สะใภ้ใบ้

70.0K · จบแล้ว
หลิ่งฟาง
63
บท
8.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะความผิดพลาดของเหล่าเทพเซียน ไป๋ซือเหยาจึงตายก่อนกำหนด เธอได้มาเกิดใหม่ในร่างของสตรีที่งดงามปานล่มบ้านล่มเมือง ได้ของวิเศษติดกายแทนคำขอโทษ แต่ไฉนไยไม่บอกเธอก่อนว่า ร่างนี้เป็นใบ้และยังมีสามีแล้ว! ชีวิตใหม่ที่ไม่ธรรมดาจึงเริ่มขึ้น แต่ใครก็ได้ช่วยบอกเธอทีว่าไอ้ที่ลอยไปมา นั่นคือผี? ใช่หรือไม่! แล้วที่เธอมองเห็น ชายหนุ่มคนหนึ่งเลือดอาบมา นั่นคือภาพลวงตาใช่หรือไม่ ทว่าวันต่อมาถึงได้รู้ว่า เธอกลายเป็นเทพพยากรณ์ไปเสียแล้ว ไหนหลิวโม่เหยียนสามีของร่างนี้ ที่มีสติปัญญาเท่ากับเด็กสิบขวบ ชีวิตใหม่ของเธอช่างมีสีสันจริงๆ พบกันในเรื่องสะใภ้ใบ้ได้เลยค่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายผจญภัยนิยายเทพเซียนนางเอกเก่งจีนโบราณนิยายกำลังภายในเกิดใหม่ในนิยายผู้ชายอบอุ่นอัจฉริยะผีวิญญาณ

เธอตายแล้ว? 1

“ซือเหยากลับมาแล้วเหรอ มาลองชิมเค้กน้ำผึ้งกับเค้กผลไม้ให้พี่หน่อย”

ไป๋ซือเหยาที่กลับจากการทำงาน ได้ยินพี่สะใภ้ร้องตะโกนเรียกทางโซนห้องอาหาร เธอวางกระเป๋าลงไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่สะใภ้ ซึ่งกำลังทำขนมหวานหลากหลายอย่างด้วยกันและวางเต็มโต๊ะไปหมด

ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายแล้ว ว่าทำไมแค่เห็นขนมหวานก็รู้สึกหวานเลี่ยนจนกลืนไม่ลงแล้ว โชคดีที่เธอไม่ได้กลับบ้านบ่อยนักจึงไม่ต้องกล้ำกลืนเหมือนพี่ชาย

“พี่หยุ่นซีทำไมมีขนมหวานเยอะแยะเลยคะ”

ไป๋ซือเหยาถามพี่สะใภ้ เมื่อเห็นขนมหวานหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างเหมาะกับการกินคู่กับกาแฟเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เย็นแล้วหากกินกาแฟตอนนี้คงนอนไม่หลับเป็นแน่

“พี่กำลังเปิดร้านเบเกอรี่จึงลองทำหลาย ๆ รสดู เธอลองชิมให้พี่หน่อยสิว่ารสชาติโอเคไหม เดี๋ยวพี่ไปดูขนมที่อบไว้ในครัวก่อน” ซือเหยาพยักหน้ารับ มองขนมหวานตรงหน้าที่มีทั้งเค้กกล้วยหอม เค้กผลไม้ เค้กน้ำผึ้ง ชีสเค้ก เค้กเนยสด เค้กส้ม เธอนั่งลงเก้าอี้ก่อนจะหยิบช้อนมาตักชิมดูอย่างว่าง่าย อาจเพราะไม่ได้ทานขนมหวานบ่อยนักเธอจึงไม่มีปัญหากับการกินเค้กหลากหลายเหล่านี้ อึก!

ไป๋ซือเหยาหน้าซีดเผือด เมื่อลองชิมขนมอยู่ดี ๆ กับเกิดติดคอขึ้นมา ขนมหวานทั้งอ่อนนุ่มและรสชาติอร่อยไม่น่าจะทำให้เธอทานติดคอได้

เธอมองหาน้ำดื่มแต่บนโต๊ะอาหารใหญ่ขนาดนี้กลับไม่มีน้ำให้ดื่มสักอึกเดียว เธอพยายามประคองตัวเองไปยังตู้น้ำที่อยู่ในห้องครัว แต่อาการกลับร้ายแรงกว่าที่คิด

ไป๋ซือเหยาใบหน้าเขียว ดวงตาเบิกกว้างตกใจ เธอหายใจไม่ออกและไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นเดินไปหาน้ำ นี่เธอจะมาตายเพราะทานขนมหวานอย่างนั้นหรือ?

เธอพยายามกระเสือกกระสน หวังจะมีคนออกมาดูเธอบ้าง แต่น่าเสียดายที่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีเพียงพี่สะใภ้คนเดียวเท่านั้นซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องครัว

เธอได้ยินพี่สะใภ้ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติทางโต๊ะอาหาร อาการหายใจไม่ออกทำให้ทุรนทุราย ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม น้ำตาไหลริน มือเท้าเธอเกร็งจนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว

ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลง แม้อยากจะมีชีวิตอยู่แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ความคิดสุดท้ายของเธอกลับนึกไปถึงพี่ชายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กอดและพูดคุยอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ความทุกทรมานได้หายไป ไป๋ซือเหยารู้สึกเหนื่อยหอบ ทว่ากลับไม่มีลมหายใจเช่นแต่ก่อนแล้ว ดวงตาหงส์คู่สวยเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “เธอตายแล้ว?”

ไป๋ซือเหยาพึมพำกับตัวเองอย่างตกใจ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งกลับเห็นร่างตัวเองอยู่ตรงหน้า ร่างนั้นดวงตาเบิกกว้าง มือกำที่ลำคอตนเองความทรมานเมื่อครู่นี้เธอจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม ไม่คิดเลยว่าการกลับบ้านในวันนี้จะทำให้เธอตายได้ และตายด้วยขนมหวาน?

“เจ้าหมดอายุขัยแล้วไปกับข้าเสียเถอะ”

เสียงที่พูดขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ไป๋ซือเหยาสะดุ้งตกใจ เมื่อหันไปมองกลับเห็นชายชราในอาภรณ์สีขาว ท่าทางใจดีคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือมีสมุดเล่มหนึ่ง

“ท่านคือ?” ท่าทางมีสง่าราศีเช่นนั้นทำให้ไป๋ซือเหยาถามอย่างระวัง

“ข้ามีหน้าที่เก็บวิญญาณของเจ้า ไปกันเถอะ”

กรี๊ดดดดดด

“ซือเหยา เธอเป็นอะไร!”

เสียงกรีดร้องของพี่สะใภ้ ทำให้ไป๋ซือเหยาหันไปมองตามอย่างลังเล พี่หยุนซีพยายามเขย่าร่างของเธอด้วยใบหน้าซีดเผือด หยุ่นซีตัวสั่นเทาพยายามโทรหารถโรงพยาบาล ก่อนจะเริ่มทำCPRปั้มหัวใจให้ด้วยน้ำตานองหน้า แต่น่าเสียดายเธอมาช้าเกินไป

ไป๋ซือเหยามองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าตัวเองจะตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้ หากเพื่อน ๆ รู้คงไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือสมน้ำหน้าดี เธอมองภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวตามชายชราไปอย่างหมดหนทาง

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตายแล้ว อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น การตายคือจุดจบ แต่น่าเสียดายกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเธอเสียอย่างนั้น