บท
ตั้งค่า

Chapter 4 เชฟจอมโก๊ะ

หญิงสาวยิ้มเก้อๆ ยกมือลูบหน้าปาดเหงื่อเม็ดโตที่ผุดขึ้นบนหน้าผากเนียน เพราะความที่ใช้ชีวิตอยู่ในครัวเป็นส่วนใหญ่ เธอต้องใช้เสียงแข่งกับเครื่องดูดควัน เสียงกะทะ ตะหลิว รวมไปถึงเสียงของเชฟและพนักงานในครัวที่ขานรับสวนเสกันไปมา ทำให้หญิงสาวติดการพูดเสียงดังจนกลายเป็นความเคยชิน

และในสถานการณ์แบบนี้ที่เธอเผลอ ทำให้เป็นจุดสนใจได้อย่างง่ายดาย กว่าคนพูดจะรู้ตัวเธอก็ปล่อยไก่สร้างความอับอายให้ตัวเองไปแล้ว

‘เอาอีกแล้วนะเพลินวาน… เธอจะโก๊ะไปถึงไหนกัน ทำไมต้องเผลอหลุดอาการแบบนี้ทุกครั้งที่ตื่นเต้นและตกใจก็ไม่รู้ เมื่อไหร่จะหายสักที’

เพลินวานยกมือขึ้นเกาศีรษะของตัวเองส่งยิ้มปูเลี่ยน “ก็ฉันเห็นกระเป๋าฉันผ่านมาเมื่อกี้นี่นา ฉันตกใจไปมากไปหน่อย ลืมไปว่าเดี๋ยวมันก็จะวนมาอีกรอบ”

เพลินวานตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก เป็นอีกครั้งที่เธอไม่อยากแม้แต่จะเงยหน้ามองใคร

ชายหนุ่มหันไปขอโทษกับสายตาทุกคู่ที่มองมาที่พวกเขา “ต้องขอโทษนะครับ ภรรยาผมเขาเป็นคนขี้ตกใจอย่างนี้เสมอล่ะครับ”

เสียงเข้มของเขาทำให้เพลินวานหันขวับไปมองหน้าคนพูดอย่างเอาเรื่องอีกครั้ง สำหรับเขามันอาจจะเป็นคำแก้ตัวที่ทำให้เธอดูดีขึ้น แต่สำหรับเธอ… คำบอกเล่าของเขากลับยิ่งเพิ่มความอายมากขึ้นไปอีก และเหนือสิ่งอื่นใด เธอกำลังอยากหักคอผู้ชายตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไป

“นี่คุณ...” หญิงสาวหยิกหมับที่ต้นแขนของเขาและเตรียมจะต่อว่าด้วยความโมโหและอาย แต่ไม่ทันจะอ้าปากพูดได้จบประโยค เขาก็สวมบทคู่รักหวานจ๋อยของเธอต่อทันที ผู้ชายอะไรกวนประสาทสิ้นดี

พอชายหนุ่มเห็นอาการของเธอเขาก็ยิ่งอยากแกล้งต่อ เขาเดินมาโอบไหล่บางของเธอ แสดงบทบาทเหมือนคู่รักที่พึ่งกลับจากฮันนีมูนอย่างไรอย่างนั้น

“โอ๊ย! อีกแล้วนะที่รัก ผมบอกว่ารอให้ไปถึงที่บ้านก่อนแล้วค่อยมาเล่นปูไต่กัน เราเพิ่งเล่นกันมาไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”

สิ้นเสียงทุ้มหนักของเขา เพลินวานก็หยิกหมับเข้าที่ข้างเอวเขาอีกครั้ง คราวนี้เธอเพิ่มความแรงตามอารมณ์โมโหทั้งหมดที่มีของเธอ

“โอ้ย!” ชายหนุ่มเผลอร้องเสียงหลง หญิงสาวยิ้มที่มุมปากที่ตัวเองสามารถตอบแทนเขาได้อย่างเจ็บแสบ ชายหนุ่มก้มลงกระซิบถามเพลินวานให้ได้ยินกันแค่สองคน

“คุณหยิกผมทำไมอีกเนี่ย ผมเจ็บนะ รู้ไหม… ตั้งแต่ผมเจอคุณไม่กี่ชั่วโมงผมก็โดนกระทำตลอดเลย น่วมและบอบซ้ำทั้งกายทั้งใจหมดแล้ว”

ภาพของทั้งคู่เหมือนคู่รักพ่อแง่แม่งอนที่หยอกล้อกันกระหนุง กระหนิง ผู้โดยสารคนอื่นที่มองอยู่ต่างอมยิ้มและหันไปสนใจกระเป๋าของตัวเอง

เพลินวานถลึงตามองกัดฟันกรอด ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสะบัด “เป็นฉันมากกว่ามั้ย! ที่ต้องพูดคำนี้ แล้วก็ยกกระเป๋าออกมาให้หน่อย สุภาพบุรุษน่ะ… สะกดเป็นไหม” บอกพร้อมกับชี้ไปที่กระเป๋าใบใหญ่ของเธอที่วนกลับมาอีกรอบ

“โห… แรง! แต่เขาว่าผู้หญิงด่า ผู้หญิงว่า ก็เพราะผู้หญิงรักนั่นแหละ ผมเลยไม่ถือ” ชายหนุ่มหยอกเย้าเธอต่อ

หญิงสาวกลอกตามองอย่างไม่รู้ว่าจะตอบโต้เขาอย่างไรดี ผู้ชายอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า แต่ชายหนุ่มก็ไม่เว้นระยะให้เธอได้ตอบโต้เช่นกัน

“แต่คุณต้องอดทนรอหน่อยนะ คิวผมยาว สาวๆ ในสต็อกผมเยอะ” ชายหนุ่มยังคงเย้าแหย่อย่างอารมณ์ดี แล้วเขาก็ได้ค้อนวงใหญ่ตอบกลับมาจากหญิงสาว

“ที่บ้านเลี้ยงมาด้วยอะไรถึงได้มีอาการช่างจินตนาการหลงตัวเองผิดปกติแบบนี้”

“เอาไว้ว่าเรามีลูกกันเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณนะ ลูกของเราจะได้น่ารักเหมือนผม”

“ฝันไปเถอะย่ะ”

“โอเคครับ… ผมถือว่าคุณอนุญาตแล้วนะ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะฝันถึงหน้าคุณทุกวัน รอวันที่เราจะได้มีโอกาสผลิตลูกด้วยกัน คุณเองก็อย่าลืมฝันถึงผมนะ”

หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างละเหี่ยใจกับความยียวนกวนประสาทไม่เลิกของเขา แต่เธอก็เลือกที่จะหยุดต่อล้อต่อเถียง เธอชี้มือไปที่กระเป๋าตัวเองเป็นเชิงสั่งให้เขายกออกมาให้ ชายหนุ่มบริการเธอด้วยความเต็มใจ

“ขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ย หนักเป็นบ้า...” ชายหนุ่มบ่นอุบออกมาอีกครั้งหลังจากที่ยกกระเป๋าไซซ์เล็กกว่าตู้เย็นนิดหน่อยออกมาจากสายพานลำเลียง

“ขอบคุณ! แต่จะขนอะไรมามันก็เรื่องของฉัน! มันไม่ได้หนักหัวใคร ไปละ! หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกนะ ทั้งชาตินี้และชาติหน้าเลย” เพลินวานกระแทกเสียงตอบกลับแล้วก็เดินหน้าหงิกออกไปทันที โดยที่ไม่หันหลังกลับมามองชายหนุ่มอีกเลย

“แต่ผมจะตามจีบคุณ… แล้วเจอกันนะที่รัก” ชายหนุ่มตะโกนตามหลัง ครั้นจะตามไปเขาก็ยังไม่ได้กระเป๋า ที่สำคัญคือเขาลืมถามชื่อเธอเสียสนิท

เพลินวานเดินยิ้มออกมา “บ้า… เมืองไทยออกจะกว้าง เราไม่มีทางเจอกันแน่” หญิงสาวเดินห่างออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งลับสายตาของชายหนุ่ม ในจังหวะที่กระเป๋าของเขาก็เลื่อนออกมาพอดี ชายหนุ่มรีบยกกระเป๋าของตัวเองออกจากสายพานและตามออกมาอย่างเร็ว

“เฮ้! ไอ้เพลิน! ทางนี้!” ป่านฝันตะโกนเรียกเพื่อนสาวทันทีที่เพลินวานเดินออกมาจากเกตขาเข้า เพลินวานทำหน้าบอกบุญไม่รับเดินมาหาเพื่อน ป่านฝันโผเข้ากอดเพื่อนอย่างดีใจจากนั้นทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน

“แกไม่ดีใจหรือวะ! ที่ได้กลับบ้าน ดูสิ! แกหน้าหงิกเป็นตูดลิงอย่างนี้” ช่อแก้วทักขึ้นมาบ้าง ดูท่าทางว่าเพื่อนสาวไม่ยินดียินร้ายที่เพื่อนทั้งสองพร้อมใจกันมารับเธอ ทั้งที่จากเมืองไทยไปนานหลายปี

“ขอโทษ! ฉันเหนื่อย พวกแกก็รู้ว่าเวลาอยู่บนเครื่องฉันจะนอนไม่หลับ นั่งมาสิบกว่าชั่วโมง...เหนื่อยเป็นบ้า”

“นี่ไม่ได้งีบหลับสักนิดเลยเหรอ” ป่านฝันถามอย่างห่วงใย พลางหมุนตัวเพื่อนสาวมองอย่างสำรวจ “แกผอมไปนะเพลิน”

“อือ… งานในครัวมันหนักน่ะ”

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ฉันดีใจมากที่แกยอมกลับมาสักที ไปอยู่ที่โน่นตั้งหลายปีพวกฉันคิดถึงมาก” ป่านฝันดึงเพลินวานมากอด

“ฉันก็คิดถึงพวกแกมากนะ”

“นี่พวกแกจะยืนคุยกันอีกนานไหมเนี่ย ฉันยืนจนจะรากงอกอยู่แล้ว เกรงใจคนที่ต้องยืนทำงานบ้างเดินไปคุยกันไปได้มั้ยล่ะ ไปถึงรถแล้วค่อยคุยกันต่อได้ หรือไม่ก็เปิดโรงแรมนอนคุยกันสักสามคืนฉันก็ไม่ว่า” ช่อแก้วเหน็บแนมเพื่อนสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel